การคิดว่าอเมริกาจะอยู่ยงคงกระพันนั้น เป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวง!
ตามรายงานของเว็บไซต์ "khamenei.ir" เมื่อเช้าวันเสาร์ (22-10-59) ในการเข้าพบของนาย “นิโคลัส มาดูโร” ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา “ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอี” ได้ชี้ถึงความล้มเหลวของแผนการต่างๆ และนโยบายของอเมริกาในภูมิภาคเอเซียตะวันตก และถือว่าประเด็นการลดราคาน้ำมันดิบคือเครื่องมือหนึ่งสำหรับการกดดันประเทศทั้งหลายที่เป็นอิสระจากอเมริกา ซึ่งท่านได้ย้ำว่า “การยืนหยัดและการต้านทาน (มุกอวะมะฮ์) อย่างชาญฉลาด ด้วยความรอบคอบในการเผชิญกับการกดดันต่างๆ นั้น จะนำไปสู่ชัยชนะอย่างแน่นอน”
ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงการใช้นำมันเป็นอาวุธในการบีบบังคับให้เกิดปัญหาต่างๆ ต่อประเทศทั้งหลายที่เป็นอิสระในขณะนี้ พร้อมกับกล่าวว่า “ในช่วงอดีตที่ผ่านมา ประเทศอิสลามบางประเทศเมื่อต้องการที่จะเผชิญหน้ากับระบอบไซออนิสต์จะปิดกั้นน้ำมันดิบของตนเอง บรรดาประเทศตะวันตกก็จะโวยวายแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง ด้วยเหตุผลที่ใช้น้ำมันเป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่น่าเศร้าใจที่วันนี้ประเทศเหล่านั้นเองกำลังใช้น้ำมันเป็นอาวุธโดยมีสมาชิกโอเปกบางส่วนและบางประเทศในภูมิภาคของเราให้ความร่วมมือประสานสอดคล้องอย่างสมบูรณ์กับนโยบายต่างๆ ของอเมริกา ทั้งๆ ที่ตัวพวกเขาเองก็เห็นว่าตนเองก็ได้รับความเสียหายจากนโยบายเหล่านี้”
ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวเสริมว่า “ด้วยการยึดนโยบายที่ชาญฉลาด และการขยายความร่วมมือต่างๆ สามารถที่จะเอาชนะแผนสมคบคิดและความเป็นปฏิปักษ์เหล่านี้ได้”
อเมริกาหมดหนทางเนื่องจากความผิดพลาดต่างๆ ในภูมิภาค
ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติ ได้ชี้ถึงความล้มเหลวของอเมริกาในการดำเนินนโยบายต่างๆ ของตนในภูมิภาคเอเซียตะวันตก แม้ว่าจะใช้ค่าใช้จ่ายมากมายมหาศาลจากกระเป๋าของตัวเองและของบางประเทศในภูมิภาคแล้วก็ตาม พร้อมกับกล่าวว่า “บางคนหลงคิดว่า อเมริกาจะอยู่ยงคงกระพัน ในขณะที่ความคิดเช่นนี้เป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวง และความผิดพลาดต่างๆ ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกของรัฐบาลอเมริกันในช่วง 15 ปีที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ได้ทำให้พวกเขาเป็นอัมพาตและหมดท่าอย่างรุนแรงในภูมิภาค”
ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอี ถือว่า ผลกระทบจากการเคลื่อนไหวต่อต้านมหาอำนาจในภูมิภาคลาตินอเมริกาของเวเนซุเอลานั้น เป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความมีศักยภาพที่สูงของประเทศนี้ และพร้อมกับชี้ถึงความจำเป็นในการใช้ประโยชน์จากโอกาสของตำแหน่งความเป็นประธานขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Non-Aligned Movement; NAM) ของประเทศนี้ โดยท่านได้กล่าวเสริมว่า “ตะวันตกไม่ต้องการให้ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Non-Aligned Movement; NAM) มีการเคลื่อนไหวเพิ่มมากขึ้น แต่บรรดาประเทศที่เป็นอิสระจำเป็นจะต้องขับเคลื่อนไปในจุดที่ตรงกันข้ามกับความต้องการของพวกเขา และในกรณีเช่นนี้มั่นใจได้เลยว่าอนาคตจะดีกว่าที่ผ่านมา”
นอกจากนี้ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ย้ำถึงการตัดสินใจอย่างจริงจังของรัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในการขยายความร่วมมือต่างๆ กับประเทศเวเนซุเอลา และได้กล่าวถึงบทบาทที่สำคัญของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลและรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศในการติดตามและการดำเนินการข้อตกลงต่างๆ อย่างละเอียดและรอบคอบ
ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาก็ได้แสดงความยินดีต่อการเดินทางมาเยือนอิหร่านและการได้พบกับผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับกล่าวว่า “ฮูโก ชาเวซ อดีตประธานาธิบดีผู้ถึงแก่อสัญกรรมของเวเนซุเอลา ได้รู้จักอิหร่านและรู้ถึงสถานภาพของมันเป็นอย่างดี และมักจะกล่าวถึงอิหร่านในฐานะประเทศที่มีอำนาจเสมอ”
นายนิโคลัส มาดูโร ได้ชื่นชมการยืนหยัดต้านทานอย่างแข็งแกร่งของประชาชนอิหร่านในความเป็นศัตรูกับอเมริกา พร้อมกับกล่าวว่า “ขณะที่ประชาชนอิหร่านมีชีวิตอยู่ในความสงบสุขและความมั่นคงอย่างสมบูรณ์ แต่น่าเศร้าใจที่ประเทศจำนวนมากของภูมิภาคนี้และรอบๆ อิหร่านกลับใช้ชีวิตอยู่ในสงคราม ความแตกแยกและความอ่อนแอ”
ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ได้ชี้ถึงการลดลงอย่างรุนแรงของราคาน้ำมันในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า “จักรวรรดินิยมอเมริกาได้ทำการแทรกแซงและแสดงความเป็นศัตรูต่างๆ อย่างมากมายต่อเวเนซุเอลา แต่ประชาชนของเราได้ยืนหยัดต้านทานสงครามเศรษฐกิจนี้ และขณะนี้เรากำลังหลุดพ้นออกจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ละน้อย”
มาดูโรยังได้ชี้ถึงการแข่งขันต่างๆ ของการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐอเมริกา โดยกล่าวว่า “ไม่ว่าคนใดจากสองผู้สมัครเลือกตั้งของอเมริกา ทั้งสองคนไม่ว่าใครจะได้รับชัยชนะก็ตาม รัฐบาลที่ดำเนินไปสู่ความเสื่อมทรามจะเกิดขึ้นในอเมริกา ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างมากต่ออนาคตของโลก”
ประธานาธิบดีเวเนซุเอลายังถือว่าการเจรจาต่างๆ ของตนกับบรรดาเจ้าหน้าที่ของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้ดำเนินไปด้วยความสำเร็จ และกล่าวเสริมว่า “จำเป็นที่พวกเราจะต้องใช้ความพยายามที่มีอยู่ทั้งหมดของตน เพื่อบรรลุผลของข้อตกลงต่างๆ”
การพบปะเจรจากันของประธานาธิบดีอิหร่านและประธานาธิบดีเวเนซุเอลา
ก่อนที่ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาจะเข้าพบกับผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านนั้น นายนิโคลัส มาดูโร ได้พบปะกับ ดร.ฮะซัน รูฮานี ประธานาธิบดีของอิหร่านด้วยเช่นกัน ตามรายงานของเว็บไซต์ "president.ir" ในการพบปะกันครั้งนี้ ดร.รูฮานี ได้ชี้ถึงความจำเป็นในการประสานงานและความร่วมมือทางด้านเทคนิคของบรรดาประเทศกลุ่มโอเปกและที่ไม่ใช่โอเปก และกล่าวว่า “อิหร่านจะสนับสนุนทุกการดำเนินการในทิศทางของการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดน้ำมัน ราคาที่ยุติธรรมและส่วนแบ่งที่เป็นธรรมสำหรับบรรดาผู้ผลิต”
ประธานาธิบดีอิหร่าน ยังได้ชี้ถึงประเด็นการก่อการร้ายในภูมิภาค ความจำเป็นในความร่วมมือและร่วมคิดของทุกประเทศในเรื่องนี้ และกล่าวเสริมว่า “การก่อการร้ายเป็นปัญหาระดับโลก และทุกคนจำเป็นต้องผนึกกำลังกันเพื่อต่อสู้กับปัญหานี้ การทีบางประเทศมหาอำนาจได้ใช้กลุ่มก่อการร้ายบางกลุ่มเป็นเครื่องมือนั้น ในที่สุดมันจะเป็นอันตรายต่อพวกเขาเอง”
ในการพบปะกันครั้งนี้ ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ก็ได้ย้ำว่าประเทศของเขามีการตัดสินใจอย่างจริงจังที่จะขยายความร่วมมือกับเตหะรานในทุกด้าน โดยกล่าวว่า “เพื่อที่จะทำให้ราคาน้ำมันมีเสถียรภาพนั้นจำเป็นที่เราจะต้องคิดหากลไกใหม่ และจะต้องเพิ่มการปรึกษาหารือกันระหว่างบรรดาประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งที่เป็นสมาชิกและไม่ใช่สมาชิกของโอเปก”
มาดูโรได้ชี้ถึงการประชุมโอเปกที่จะมีขึ้นในกรุงเวียนนา โดยกล่าวเสริมว่า “บรรดาประเทศผู้ผลิตน้ำมันจำเป็นต้องมุ่งหาทางบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรมด้วยสปิริตแห่งความร่วมมือ เพื่อทำให้ราคาน้ำมันเกิดเสถียรภาพ
การเดินทางสู่ภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นเวลาสี่วันของมาดูโร ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีจุดหมายที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย อิหร่าน กาตาร์และอาเซอร์ไบจาน
ที่มา - เว็บไซต์ islamicstudiesth
แสดงความเห็น