มุลเลาะห์ มูฮัมหมัด ยะฮ์กูบ เผยบิดาเสียชีวิตสาเหตุธรรมชาติ



มุลเลาะห์ มูฮัมหมัด ยะฮ์กูบ เผยบิดาเสียชีวิตสาเหตุธรรมชาติ



 บุตรชายของมุลเลาะห์ อูมัร ผู้ก่อตั้งกลุ่มตอลิบัน แถลงการณ์บิดาเสียชีวิตด้วยสาเหตุตามธรรมชาติเรียกร้องความเป็นเอกภาพและขจัดข่าวลือเกี่ยวกับการเสียชีวิตอย่างปริศนาของบิดา ท่ามกลางข้อพิพาทเรื่องตำแหน่งผู้นำ


       
       ข้อพิพาทดังกล่าวภายในกลุ่มตอลิบันคุกคามกระบวนการสันติภาพที่เพิ่งเริ่มต้นกับรัฐบาลอัฟกานิสถานและอาจเปิดทางให้กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ขยายฐานอิทธิพล
       
หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้กลุ่มตอลิบันยืนยันอย่างเป็นทางการว่า มุลเลาะห์ อูมัร เสียชีวิตมานานกว่า 2 ปีแล้ว หลังจากที่หน่วยข่าวกรองอัฟกานิสถานปล่อยข่าวนี้รั่วไหล ในวันต่อมาพวกเขาได้ประกาศแต่งตั้ง มุลเลาะห์ มันซูร ผู้ช่วยของอูมัร เป็นผู้นำคนใหม่ภายหลังการประชุม
       
       ผู้บัญชาการหลายคนและครอบครัวของมุลเลาะห์ อูมัร ไม่พอใจกับการแต่งตั้งนี้ บางคนตั้งคำถามว่าเหตุใด มันซูร จึงปิดข่าวการตายของโอมาร์เป็นเวลาถึง 2 ปี ซึ่งมันซูรได้อ้างว่ามันมีความจำเป็นเพื่อรักษาความเป็นหนึ่งเดียวท่ามกลางการถอนกำลังของนาโตในปี 2014 ข่าวลือมีเพิ่มมากขึ้นท่ามกลางความแตกแยกดังกล่าว
       
       “ผมอยากให้พวกคุณวางใจว่าเขาเสียชีวิตตามธรรมชาติ เขาล้มป่วยเป็นครั้งคราวแต่อาการของเขาทรุดลง” เขากล่าว “เราได้สอบถามแพทย์หลายคน ดูเหมือนว่าเขาป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C หรือ HCV)
และเขาไม่ได้แต่งตั้งใครเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งทั้งนั้น”  มุลเลาะห์ มูฮัมหมัด ยะฮ์กูบ บุตรชายคนโต กล่าวในเทปเสียงที่ถูกเผยแพร่เมื่อคืนวันอาทิตย์ (13)       
         ตอลิบัน ซึ่งนำโดย มุลเลาะห์  มันซูร ได้เดินหน้าเพื่อที่จะเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลอัฟกานิสถานในปีนี้ซึ่งปากีสถานเห็นชอบด้วยได้ก่อให้เกิดความกลัวในหมู่ผู้บัญชาการบางคน ซึ่งกังวลว่าเขาใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองปากีสถานมากเกินไป

ซึ่งมุลเลาะห์  มูฮัมหมัด ยะฮ์กูบ ก็ได้เอ่ยถึงประเด็นนี้เช่นกันว่า

       “ศัตรูของเราคือรัฐบาลอัฟกานิสถานที่สหรัฐฯหนุนหลัง” เขากล่าว “มีประเทศอิสลามบางประเทศที่ก็กำลังยืนอยู่ข้างเดียวกับศัตรูของเราด้วยเช่นกัน”
       
       กลุ่มติดอาวุธบางกลุ่มที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มตอลิบานได้หันไปประกาศสวามิภักดิ์กับกลุ่มไอเอส ซึ่งมีพื้นที่ปกครองในอิรักและซีเรีย
       ยะฮ์กูบ วัย 27 ปี ตัดสินใจที่จะไม่อ้างสิทธิความเป็นผู้นำ โดยเขากล่าวว่า “หากความตายของผมสามารถแลกความเป็นหนึ่งเดียวกลับมาได้ ผมเต็มใจที่จะฆ่าตัวตาย” และพูดต่อไปว่า “เราพร้อมสำหรับคำสั่งใดๆ ก็ตามที่สภามอบหมายให้กับเรา เราพร้อมที่จะทำงานในทุกๆ หน้าที่ไม่ว่าจะระดับสูงหรือระดับต่ำกว่าก็ตาม”

ต้องติดตามกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้ว ปัญหาภายในเรื่องผู้นำของกลุ่มก่อการร้ายตอลิบัน จะไปในทิศทางใด หรือจะเจรจาสันติภาพกันอัฟกานิสสถาน หรือจะแปรภักดิ์เข้าร่วม กับกลุ่มก่อการร้ายไอเอส หรือจะเปลี่ยนผู้นำ...

แสดงความเห็น