อิหร่านย้ำ “หยุดนองเลือดสำคัญกว่าประชาธิปไตยในซีเรีย”

ประธานาธิบดี ฮาซัน โรฮานี ของอิหร่านกล่าว ว่าประชาธิปไตยไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในซีเรีย ณ เวลานี้ ซึ่งประชาชนในประเทศพันธมิตรสำคัญแห่งนี้ของเตหะรานถูกสังหาร
       
       “การหารือเรื่องประชาธิปไตยในซีเรียคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในวันนี้หรือไม่” โรฮานี ตั้งคำถามในการแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดี ไฮนซ์ ฟิซเชอร์ ของออสเตรียที่มาเยือนประเทศอิหร่าน
       “การพูดคุยเกี่ยวกับฝ่ายต่อต้านและฝ่ายสนับสนุน (รัฐบาล) หรือการปฏิรูปรัฐธรรมนูญของซีเรียใช่เรื่องสำคัญที่สุดหรือไม่ ซีเรียในตอนนี้ไร้เสถียรภาพโดยสิ้นเชิง และมี ประชาชนพลัดถิ่นหลายล้านและถูกสังหารหลายแสนคน”

       อิหร่านให้การสนับสนุนทางการเงินและการทหารกับซีเรียและมีที่ปรึกษาทางทหารในพื้นที่ที่นั่น ในเดือนสิงหาคม นายมูฮัมหมัด ญะวาด ชารีฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านได้เสนอแผนสันติภาพต่อประธานาธิบดี บาชัร อัล-อัสซาด ด้วยเป้าหมายเพื่อยุติสงครามนี้ที่กินเวลามาแล้ว 4 ปี
โรฮานี กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญคือการช่วย “ชีวิตประชาชนชาวซีเรีย” และ “การกลับสู่บ้านเกิดของผู้ลี้ภัย”

 “ก้าวแรกคือหยุดการนองเลือด ทำให้ซีเรียมีความปลอดภัย และผู้ลี้ภัยสามารถกลับสู่บ้านเกิดได้”        โรฮานี กล่าว และยืนกรานว่า การเริ่มต้นด้วย “ก้าวแรกที่ผิดพลาด” จะหมายถึงความล้มเหลว
       “จากนั้นเราถึงสามารถคุยเรื่องอนาคตของซีเรีย กลุ่มต่อต้าน ประชาธิปไตย และการเลือกตั้งได้”

โรฮานี เน้นย้ำว่า อิหร่านพร้อมที่จะ “เข้าร่วมทุกโต๊ะเจรจาไม่ว่าที่ใดก็ตามในโลกนี้” เพื่อช่วยหยุดความรุนแรงและสร้างสันติภาพในซีเรีย
       มีคนถูกสังหารแล้วกว่า 240,000 คนในความขัดแย้งดังกล่าว ซึ่งเริ่มต้นด้วยการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในเดือนมีนาคมปี 2011 แต่กลับกลายเป็นสงครามกลางหลายฝ่ายหลังจากการกวาดล้างของรัฐบาล เนื่องจากการให้ความช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกา ทำให้กองกำลังฝ่ายกบฎ มีกำลังคนและอาวุธที่สมารถทำการต่อสู้กับรัฐบาลซีเรียได้