-การตรวจสอบจิตใจ - ตอนที่1

-การตรวจสอบจิตใจ - ตอนที่1


การพัฒนาและการยกระดับจิตใจของตนเองเป็นแนวทางเดียวที่ช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากบ่วงกรรมของจิตที่ใฝ่ต่ำ ไปสู่เสรีภาพของการเป็นบ่าวที่แท้จริง สิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาจิตใจและสร้างคุณภาพให้กับตนเองคือ การกระทำและปฏิบัติมิใช่การรับรู้ทฤษฎีเพียงอย่างเดียว ผู้รู้ที่สมบูรณ์คือผู้ที่นำเอาความรู้ของตนไปปฏิบัติ ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า “ผู้รู้ที่ไม่ปฏิบัติตนดุจดังเช่นต้นไม้ที่ไร้ผล” เพราะนอกจากจะไม่ยังประโยชน์ให้กับตัวเองแล้ว ยังไม่มีประโยชน์กับผู้อื่นด้วยอีกต่างหาก ทฤษฎีเชิงปฏิบัติ ที่จะนำเสนอคือ การคำนวณนับ     

การคำนวณนับจิตใจ 

การคำนวณนับจิตใจ محاسبه เป็นศัทพ์เทคนิคของวิชาจริยธรรม และวิชาอิรฺฟานภาคปฏิบัติหมายถึง “ผู้ที่ทำการขัดเกลาจิตใจได้กำหนดช่วงเวลาที่แน่นอนของวัน สำหรับการคำนวณนับการกระทำ และความประพฤติของตนเองในวันนั้น ตั้งแต่เริ่มต้นของวันจนถึงช่วงเวลาดังกล่าวว่า การตัดสินใจของตนเพื่อการกระทำภารกิจต่างๆนั้น มันขัดแย้งกับจริยธรรมคำสั่งสอนของศาสนาหรือเปล่า ? ในวันนั้นตนได้ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามอห์กามและอัล-กุรอานหรือไม่ ? การกระทำที่ได้ปฏิบัติลงไปนั้นมันเป็นการดูถูกร่างกายและจิตใจของตนไหม ?”[๑]

ท่านอิมามมูซากาซิม (อ.) กล่าวว่า

قال الامام موسى الكاظم:لَيْسَ مِنَّا مَنْ لَمْ يُحَاسِبْ نَفْسَهُ فِي كُلِّ يَوْمٍ فَأِنَّ عَمَلُ حَسَنًا اِسْتَزَادَ اللّهُ وَ اِن عَملُ سَيِّئًا اِسْتَغْفَرُ اللَّه مِنْهُ وَتَابَ اِلَيْهِ

“บุคคลใดไม่ทำการคำนวณนับ การกระทำของตนเองตลอดทั้งวัน ถือว่าไม่ใช่พวกของเรา ฉะนั้นถ้าเป็นคุณความดีจงขอบคุณอัลลอฮฺและวอนขอให้พระองค์ทรงเพิ่มพูน ถ้าพบว่าเป็นความผิดบาปจงกลับตัวกลับใจและทำการขอลุกโทษในความผิดนั้นต่อพระองค์”[๒]

                    มัรฺฮูมฮะซัน บิน ฟัฎลิ ฏ่อบัรระซี (ขออัลลอฮฺทรงเมตตาเขา) ได้กล่าวถึงวะซียัตของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ที่มีต่อท่านอบูซัรฺว่า ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า “มนุษย์จะไม่เป็นผู้หลีกเลี่ยงหรือมีความยำเกรงเด็ดขาด นอกเสียจากว่าเขาได้ทำการตรวจสอบรายได้และรายจ่ายของเขาอย่างละเอียดว่า อาหารที่รับประทานเขาได้มาอย่างไร เครื่องดื่มเขาได้จัดหามันมาอย่างไร เสื้อผ้าที่สวมใส่เขาจัดหามันมาด้วยวิธีไหน ทรัพย์สินที่ตนมีอยู่ได้มาด้วยวิธีที่ฮะร่าม หรือว่าฮะลาล ?

                    ทำไมต้องทำการตรวจสอบรายรับและรายจ่ายของตนด้วย ? เนื่องจากว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอาหารที่ต้องรับประทานทุกวันร่างกายของเขาได้เจริญเติบโตด้วยกับอาหารดังกล่าว ถ้ามันเป็นที่หะลาลก็ถือว่าโชคดีสำหรับเขา แต่ถ้าเป็นอาหารที่หะร่ามถือว่าโชคร้ายสำหรับตนเอง นอกเหนือจากนี้ เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มเขาต้องสวมใส่มันเพื่อทำนมาซ นมาซของเขาจะถูกยอมรับได้อย่างไร ?

มุรอกิบัต

มุรอกิบัต เป็นศัทพ์เทคนิคของวิชาจริยธรรม และวิชาอิรฺฟานภาคปฏิบัติเช่นกันหมายถึง “การพึงรักษาและรู้ตัวเองตลอดเวลาในทุกสภาพ เพื่อจะได้รู้ว่าสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจกระทำลงไป หรือสิ่งที่ตนได้สัญญาไว้นั้นเขาไม่ได้ทรยศหรือบิดพลิ้วแต่อย่างไร” [๓]

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาและขัดเกลาจิตใจตนเองคือการพึงรักษาและระมัดระวังตนเองในการใกล้ชิดกับพระองค์อัลลอฮฺซึ่งถือว่าเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะไขไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองต่างๆ และเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการโน้มนำไปสู่คุณงามความดีและความจำเริญต่าง ๆ การระมัดระวังคือ ผลลัทธ์ที่บ่าวได้ระวังตนเองต่ออัลลอฮฺ (ซบ.) จนอีมานของตนได้ขึ้นไปสู่ระดับหนึ่งดังต่อไปนี้

๑.ไม่ใส่ใจต่อความต้องการของตนเอง แต่ใส่ใจต่อความปรารถนาของอัลลอฮฺ

๒.ไม่เสนอความต้องการของตนต่อคนอื่น แต่สายตามุ่งหวังในความเมตตาของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว

๓. ยอมถวายชีวิตบนความปรารถนาของพระองค์ และมอบความรักที่แท้จริงเพียงเพื่อพระองค์แต่เพียงผู้เดียว

๔. จิตใจของเขามุ่งมั่นและเปี่ยมล้นไปด้วยความรักที่มีต่อัลลอฮฺ และจิตวิญญาณของเขาพร่ำรำลึกถึงแต่พระองค์

๕. สำหรับการไปถึงยังตำแหน่งที่สูงส่งเขาจะขอความช่วยเหลือเพียงเฉพาะพระองค์เท่านั้น เพื่อที่ว่าพระองค์จะได้ประทานความเมตตาแก่จิตใจของเขา อันเป็นความโปรดปรานที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีการสูญสลาย และประตูแห่งการลงโทษจะถูกปิดสำหรับเขาตลอดไป               

บุคคลที่ทำการระมัดระวังตนเอง เป็นไปได้ที่ผลของมันจะปลดเปลื้องม่านแห่งอบายมุขให้หมดไปภายในวินาทีเดียว ซึ่งถ้าทำการต่อสู้ด้วยวิธีการอื่น ๓๐ ปีก็ไม่สามารถปลดเปลื้องอหบายมุขนั้นได้อัล-กุรอานกล่าวว่า        يُبَدِّلُ اللَّهُ سَيِّئَاتِهِمْ حَسَنَاتٍ  “อัลลอฮฺจะทรงเปลี่ยนความชั่วของพวกเขาเป็นความดี”[๔]

อัล-กุรอานกล่าวว่า        لِلَّذِينَ أَحْسَنُواْ الْحُسْنَى وَزِيَادَةٌ

“สำหรับบรรดาผู้กระทำความดี จะได้รับความดีและได้เพิ่มขึ้นอีก”

อัล-กุรอานกล่าวว่า        ذَلِكَ فَضْلُ اللّهِ يُؤْتِيهِ مَن يَشَاء وَاللّهُ وَاسِعٌ عَلِيمٌ  

“นั่นคือความโปรดปรานของอัลลอฮฺซึ่งพระองค์จะทรงประทานมันแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงกว้างขวาง ผู้ทรงรอบรู้”[๕]

                หมายเหตุ  ประสงค์ของอัลลอฮฺ (ซบ.) หมายถึงพระองค์อัลลอฮฺ ทรงรอบรู้ ทรงปรีชาชาญาณและพระองค์ทรงปฏิบัติภารกิจของพระองค์ด้วยกับความรอบรู้ วิทยปัญญา และความยุติธรรมฉะนั้นความประสงค์ และความปรารถนาของพระองค์เป็นเช่นนั้น มิใช่เป็นไปโดยปราศจากเหตุผลหรือวิทยปัญญา ดังนั้นถ้าบุคคลใดจะตกอยู่ในความปรารถนาของพระองค์ได้นั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขซึ่งมันไม่ได้ออกนอกการเลือกสรรของพระองค์ (อิคติยารฺ)

                ดังนั้นเป็นหน้าที่ของผู้ขัดเกลาทั้งหลายที่ต้องหมั่นอยู่กับการระมัดระวังตนเอง การพึงรักษาระเบียบการปฏิบัติให้กับตนเอง

อัล-กุรอานกล่าวว่า    وَكَانَ اللَّهُ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ رَّقِيبًا  “และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงเฝ้ามองทุกสิ่งทุกอย่าง”[๖]

                ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ได้กล่าวกับสาวกบางคนของท่านว่า “จงปฏิบัติอิบาดะฮฺเหมือนกับท่านได้เห็นพระองค์ มาตรว่าท่านไม่ได้เห็นพระองค์ พระองค์ก็ทรงมองเห็นท่าน”[๗]

قال رسول الله (ص) اُعبدُ اللهَ كَانّكَ تَراَهُ فَاِنْ لَمْ تَكُنْ تَرَاهُ فَهُوَ يَرَاكَ

คำพูดของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ต้องการเน้นย้ำถึงเรื่องการระมัดระวังตัวเอง เพราะแท้จริงแล้วการระวังตนเองนั้นหมายถึง การที่คนเรารู้ตัวเองตลอดเวลาว่าพระองค์ทรงมองเห็นเราตลอดเวลาไม่ว่าเราจะอยู่ในสภาพใดก็ตาม

                สูงสุดของความเหมาะสมสำหรับบ่าวคนหนึ่งคือ รู้ตนเองทุกลมหายใจเข้าออกว่าอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงมองเห็นการกระทำของเราอยู่ตลอดเวลา และทรงอยู่ใกล้ชิดกับเราเสมอ หมายถึงพระองค์ทรงมองเห็นการงาน ทรงได้ยินคำพูด ทรงมองเห็นการเคลื่อนไหว และทรงรอบรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจ การมาและจากไปอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของพระองค์ จิตใจและจิตวิญาณอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ด้วยกับสภาพดังกล่าวจะเห็นว่าเราไม่มีความสามารถหรือพลังอันใดที่จะปิดบังและซ่อนเร้นพระองค์ อีกทั้งไม่สามารถหลีกหนีออกจากอำนาจการปกครองของพระองค์ได้ดังที่เราอ่านในดุอาอฺกุเมลว่า “ข้าฯไม่อาจหนีออกจากอำนาจปกครองของพระองค์ได้”

แสดงความเห็น