เยเมนกับการปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ)
เยเมนกับการปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ)
วิเคราะห์สถานการณ์ในเยเมน
โดย อะบูอะลี
1.รัฐบาลต่างๆก่อนการซุฮุร(ปรากฏกาย)ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ)
มีคำรายงาน (ริวายัต)ต่างๆมากมายที่กล่าวถึง เหตุการณ์ก่อนการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ) คือ โลกนี้จะเต็มไปด้วยกับความอยุติธรรมทั้งหลาย จะมีการปกครองจากกลุ่มชนหนึ่งที่กดขี่ข่มเหงประชาชนส่วนมาก
และในทางตรงกันข้ามก็มีคำรายงานอีกมากมายเช่นกันที่กล่าวไว้เกี่ยวกับการมีกลุ่มชนหนึ่งจากบรรดามุสลิม จะทำการจัดตั้งรัฐบาลโดยยึดเอาความยุติธรรมและความถูกต้องเป็นหลักการ หรือรัฐธรรมนูญในการปกครอง
ดังนั้น จะเห็นได้จากคำรายงานทั้งสองกลุ่ม คือ การปกครองของชาติมหาอำนาจเหนือประชาชาติทั้งหลาย เช่น ในคาบสมุทรอาหรับ และตะวันออกกลาง และการเกิดขึ้นของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน โดยการนำของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ซึ่งถือว่าเป็นบทเบื้องต้นหรืออรัมภบทที่จะนำไปสู่การปรากฏกายของอิมามแห่งกาลสมัย นั่นคือ อิมามมะฮ์ดี (อ.ญ)และเป็นพื้นฐานที่ใช้ในการต่อสู้กับบรรดาผู้กดขี่มหาอำนาจทั้งหลาย และการปฏิวัตินี้ คือ สัญญาหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าได้มอบให้กับประชาชาติของพระองค์
อีกทั้งยังมีการเกิดขึ้นของกลุ่มต่างๆที่อ้างตนว่าเป็นอิสลาม อย่างเช่น กลุ่มหรือขบวนการดาอิช ไอซิส ไอเอส กลุ่มอันนุศเราะฮ์ พวกซาอุดี้วะฮาบี โบโกฮาราม อัลกออิดะฮ์ ฯลฯ
แต่ในความเป็นจริงการกระทำของพวกเหล่านั้นกลับตรงกันข้ามกับคำสั่งสอนของอิสลามอย่างสิ้นเชิง
ในขณะเดียวกัน การปรากฏอีกครั้งหนึ่งของอิสลามที่แท้จริง กล่าวคือ อิสลามที่ได้รับจากการปฏิวัติคือ อิสลามที่ได้รับจากบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ผู้บริสุทธิ์ ก็คือ อิสลามที่ถ่ายทอดตามแบบฉบับของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ)
2.สงครามสุดท้าย สงครามระหว่างธรรมะกับอธรรม
สงครามสุดท้ายที่จะเกิดขึ้น คือ สงครามระหว่างสัจธรรมกับอธรรม หรือสงครามระหว่างอิสลามกับมหาอำนาจ
อิสลามที่แท้จริงคือ อิสลามที่ดำเนินตามแนวคิดของการปฏิวัติอิสลามของชีอะฮฺ อิมามียะฮ์ ซึ่งแนวความคิดนี้ กล่าวได้ว่า เป็นแนวคิดที่ตรงกันกับสติปัญญา และสัญชาตญาณอันบริสุทธิ์ของมนุษย์ และแนวความคิดนี้ยังสอนให้ช่วยเหลือบรรดาผู้ถูกกดขี่ข่มเหงทั้งหลายอีกด้วย เช่นในการช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ เป็นต้น
3.ความหวาดกลัวของมหาอำนาจตะวันตกจากแนวคิดของอิสลามอันบริสุทธิ์
นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล เนทันยาฮู ได้กล่าวปราศรัยในที่ประชุมใหญ่ของอิสราเอลว่า แนวความคิดของการปฏิวัติอิสลาม เป็นแนวความคิดที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเราจะต้องหาวิธีการกำจัดแนวความคิดนี้ให้ได้ และแนวความคิดนี้ก็เป็นแนวความคิดที่จะมีบทบาทต่อสังคมโลกเป็นอย่างมากอีกด้วย
เมื่อการปฏิวัติอิสลามได้รับชัยชนะ ก็นับว่าเป็นการพ่ายแพ้ของขบวนการไซออนิสต์ อิสราเอล ซึ่งท่านอิมามโคมัยนีได้นำการปฏิวัตินี้มาเพื่อให้บรรดามุสลิมได้ตระหนักว่า อย่าก้มหัวให้กับบรรดาผู้กดขี่ มหาอำนาจทั้งหลายในโลก โดยเฉพาะบรรดาชาติมหาอำนาจ เยี่ยงอเมริกา และอิสราเอล
และจากการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านทำให้ชาติมหาอำนาจมีความหวาดกลัว การแผ่กระจายของแนวความคิดนี้ที่นำไปสู่เกือบทั่วมุมโลก
และเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ต้องการที่จะทำให้แนวความคิดจากการปฏิวัติอิสลามนี้ไปสู่ทุกสังคมโลก
ท่านอิมามโคมัยนียังได้แจ้งข่าวล่วงหน้าเกี่ยวกับการล้มสะลายของสหภาพโซเวียตและขบวนการคอมมิวนิสต์สากลและเชิญชวนมาสู่การรู้จักและในอิสลามและวิชาการของอิสลาม เหมือนดั่งที่ท่านผู้นำคนปัจจุบันได้เขียนจดหมายเชิญชวนชาวยุโรปให้มาสนใจในอิสลาม จากแม่บทของอิสลามที่แท้จริง มิใช่อิสลามที่ตะวันตกได้นำเสนอ ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างอิสลาม มุฮัมมะดี กับอิสลามแบบอเมริกา
และจากการปฏิวัติอิสลาม ทำให้บรรดามุสลิมที่ถูกรังแกจากชาติมหาอำนาจ มีความกล้าหาญชาญชัยที่จะลุกขึ้นต่อต้านบรรดาผู้ปกครองที่อยุติธรรม เฉกช่น การลุกขึ้นต่อสู้ของประชาชนในประเทศเยเมน
ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ ทรงตรัสไว้ว่า
ان تنصروا الله ینصرکم
หากว่าเจ้าช่วยเหลืออัลลอฮ์ พระองค์จะทรงช่วยเหลือพวกเจ้า
4.ความเกี่ยวข้องกันของซาอุดี้ วะฮาบีย์กับชาติมหาอำนาจ
หลังจากการเสียชีวิตของกษัตริย์อับดุลลอฮ์ และการเข้ามามีอำนาจของเจ้าชายซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ โดยการสถาปตนเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ต่อจากอับดุลลอฮ์ จะเห็นถึงความแตกแยกที่เกิดขึ้นในหมู่ราชวงศ์อาลิซาอูด ที่จะนำไปสู่การล้มสะลายของอาลิซาอูด วะฮาบีย์
สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเยเมน
มีคำรายงาน (ริวายัต) กล่าวถึงห้า สัญญาณที่จะเกิดขึ้นก่อนการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ)
1.การมาของซุฟยานี
2.การมาของยะมานี
3. การถูกสังหารของนัฟซุซซะกียะฮ์
4.เสียงฟากฟ้า
5.การถูกธรณีสูบของกองทัพซุฟยานี ระหว่างทางเมืองมักกะฮ์กับมะดีนะฮ์ ซึ่งมีชื่อว่า บัยดาอ์
ดังนั้น เยเมน จึงเป็นสถานที่ในการปรากฏตัวของยะมานีย์ และจะจัดตั้งระบอบการปกครองแบบอิสลาม หากจะมองว่า ประเทศเยเมน เป็นประเทศที่มีชายแดนติดกับซาอุดิอาระเบีย ก็ถือได้ว่า เป็นสะพานเชื่อมทางเศรษฐกิจหรือเป็นดั่งอู่ทองทางการค้า เพราะว่า มีช่องแคบ บาบุลมันดิบ เป็นเสมือนขุมกำลังทางธุรกิจการค้า
ทำไมประชาชนชาวเยเมนจึงลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลของตน?
เหตุก็เพราะว่า รัฐบาลเยเมนเป็นรัฐบาลที่นิยมลัทธิวะฮาบี อัลกออิดะฮ์ ในขณะที่ประชาชนชาวเยเมน ส่วนมากเป็นชีอะฮ์ ซัยดียะฮ์
และตามหลักศรัทธาของชีอะฮ์ ซัยดียะฮ์ คือ การลุกขึ้นต่อสู้ด้วยการจับดาบ โดยมีจุดประสงค์ดังต่อไปนี้
1.การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากการปกครองที่นิยมชาติมหาอำนาจ มาสู่การปกครองแบบอิสลาม
2.การต่อสู้กับการกดขี่จากทรราชย์และการแบ่งชนชั้นเผ่าพันธ์
3.การปลดปล่อยประเทศเยเมนให้หลุดพ้นจากการเข้ามามีส่วนร่วมของกลุ่มอัลกออิดะฮ์ วะฮาบี และพลพรรคของกลุ่มดังกล่าว
ดังนั้นหนึ่งในความเชื่อของชีอะฮ์ ซัยดียะฮ์ คือ การทำสงครามด้วยอาวุธ ซึ่งในสมัยของเซด บิน อะลี บิน ฮุเซน การใช้อาวุธด้วยการจับดาบ หรือเรียกตามภาษาว่า กิยาม บิซซัยฟ์ กล่าวคือ เหตุผลที่สำคัญของการยอมรับผู้ใดก็ตามมาเป็นผู้นำของตน เขาผู้นั้นจะต้องมีความเป็นนักต่อสู้ นักปฏิวัติ เป็นต้น
และกลุ่มอันศอรุลลอฮ์ คือ กลุ่มที่มีอุดมการณ์นักสู้ต้องการที่จะปลดแอกเยเมนจากชาติมหาอำนาจ
และในประวัติศาสตร์เห็นได้ว่า อิมามอะลี อะมีรุลมุมีนีน (อ) ได้เป็นผู้พิชิตเหนือประเทศเยเมน ดังคำรายงาน (ริวายะฮ์)เกี่ยวกับเหตุการณ์ฆอดีรคุม ซึ่งขณะนั้นท่านอิมามอะลี ได้รับหน้าที่จากท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ในการดูแลประชาชนชาวเยเมน และก่อนหน้านี้ คอลิด บิน วะลีด ก็อาสาที่จะไปพิชิตเมืองเยเมน แต่เขาไม่ประสบความสำเร็จ จนในที่สุดท่านศาสดาจึงต้องส่งท่านอิมามอะลีไปแทน และท่านอิมามอะลีได้ปกครองเมืองเยเมนด้วยความสันติและอบรมสั่งสอนอุดมการณ์ของท่านให้กับชาวเยเมน ฉะนั้น สามารถกล่าวได้ว่า คำสั่งสอนของท่านอิมามอะลีนั้นมีบทบาทต่อชาวเยเมนเป็นอย่างมาก
จะเห็นได้ว่า เผ่าพันธ์อาหรับ เผ่าพันธ์แรกที่เข้ารับอิสลามโดยผ่านท่านอิมามอะลี คือ เผ่าพันธ์ฮัมดาน ดังนั้น อิสลามในเยเมน คือ อิสลามที่มีรากฐานมาจากแนวคิดของท่านอิมามอะลี
หากเราจะมองดูเหตุการณ์และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเยเมน จากการโจมตีทางอากาศของซาอุ ที่ได้ร่วมกันกับพันธมิตรชาติอาหรับ และได้รับการหนุนหลังโดยอเมริกา อิสราเอล หรือเรียกสงครามตัวแทน (Proxy War)โดยอเมริกาอาศัยซาอุในการทำลายอิสลามที่แท้จริง
พวกเขาประกาศว่า เป็นการทำสงครามระหว่างซุนนีกับชีอะฮ์ แต่ในความเป็นจริง มิได้เป็นเช่นนั้น มันคือ สงครามระหว่างมหาอำนาจกับอิสลามที่แท้จริงเพื่อปูฐานรองรับการมาของผู้ปลดปล่อยโลก นั่นเอง
แสดงความเห็น