10 วันรุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติอิสลามอิหร่าน
10 วันรุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติอิสลามอิหร่าน
โดยอิบรอฮีม อาแว
นับเป็นเวลารวมสามทศวรรษกว่าแล้วที่ประเทศอิหร่านได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ซึ่งปกครองแผ่นดินแห่งเปอร์เซียมาเป็นเวลาอันยาวนานนับสองพันห้าร้อยปี โดยมีกษัตริย์ไซรัสมหาราช (500 ปี ก่อน ค.ศ) ซึ่งเป็นผู้นำสถาปนาอาณาจักรเปอร์เซีย และมาสิ้นสุดลงที่กษัตริย์ มุฮัมมัดริซา ชาฮ์ ปาลาวี (ค.ศ 1979 )
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ กระทำโดยผ่านการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ซึ่งเป็นการปฏิวัติเดียวที่ไม่เหมือนกับการปฏิวัติที่เกิดขึ้นในประเทศอเมริกา ฝรั่งเศส รัสเซีย หรือในประเทศจีน ทั้งนี้การปฏิวัติอิสลามอิหร่านเกิดขึ้นจากความต้องการของประชาชนจากอิหร่านผู้ซึ่งเป็นมุสลิมและประสงค์ที่จะเอานำหลักคำสอนของอิสลาม ซึ่งมีคัมภีร์อัลกุรอานเป็นธรรมนูญสูงสุดมาปกครองประเทศของตน แทนระบอบการปกครองอื่นๆ ที่ไม่ใช่อิสลาม โดยมีผู้นำในการปฏิวัติอิสลามเป็นผู้ทรงความรู้ในทางศาสนา ผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัยที่ได้นำประชาชนชาวอิหร่าน ไปสู่การปฏิวัติเพื่อโค่นล้มการปกครองที่เป็นทราชย์ของกษัตริย์ ชาฮ์ ปาลาวี จนได้รับความสำเร็จ อันเป็นที่งงงวยและตลึงงันของชาวโลกทั้งที่เป็นมุสลิมและที่ไม่ใช่มุสลิม
ในบทความนี้ เพียงแต่จะนำเสนอตามรอยการปฏิวัติ หรือลำดับเหตุการณ์ ในช่วงสำคัญก่อนที่การปฏิวัติอิสลามจะประสบชัยชนะ โดยในอิหร่าน จะเรียกว่า ดะห์ เฮ ฟัจญร์ (สิบวันรุ่งอรุณ แห่งการปฏิวัติอิสลามอิหร่าน)
วันแรก วันที่ 12 เดือน บะห์มัน ปี 1357 (1 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ 1979 ) อิมามโคมัยนีเดินทางจากฝรั่งเศสกลับสู่มาตุภูมิ หลังจากถูกเนรเทศเป็นเวลาหลายสิบปี
เวลา 9 :27 ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ได้กลับคืนสู่มาตุภูมิ ด้วยสายการบินแอร์ฟรานส์ ประชาชนชาวอิหร่านออกมาให้การต้อนรับอย่างมโหฬาร พร้อมกับถือช่อกุหลาบยืนตามท้องถนนยาวนับสิบกิโลเมตรเพื่อแสดงความยินดีในการกลับมาของท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ซึ่งท่านกล่าวว่า ท่านกำลังจะจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้น…..
วันที่สอง วันที่ 13 เดือน บะห์มัน ประชาชนหลั่งไหลเข้าพบท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)
จากการที่ประชาชนพากันยินดีและต้อนรับการกลับมาของท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ซาปูร บัคเตียร์ ได้ออกมาแสดงปฏิกิริยา ด้วยการออกมาสัมภาษณ์ถึงนโยบายของตนในอนาคตเพื่อสร้างกระแสว่าเหตุการณ์กำลังสู่ภาวะปกติ แต่ประชาชนล้วนแล้วตั้งหน้าตั้งตารอท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) จึงมุ่งหน้ายังโรงเรียนสอนศาสนา อาลาวีย์ ผู้คนจำนวนมากได้หลั่งไหลยังโรงเรียนสอนศาสนา อาลาวีย์โดยที่ถนนและตรอกซอยเต็มได้พี่น้องประชาชน ประชาชนมีการเขียนแผ่นป้ายสีขวาติดบนผนังโรงเรียน เขียนว่า “อะมั้ลถูกตอบรับ โปรดประทานโอกาสให้ได้เข้าพบท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) สักครั้งหนึ่ง”
วันที่สาม วันที่ 14 เดือนบะห์มัน ผู้ว่าการกรุงเตหะรานลาออก
พี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้ลุกขึ้นมาประท้วงทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ของรัฐในภาคส่วนต่างๆ ต้องเผชิญกับการประท้วงของประชาชนอย่างหนัก ญะวาด ชะห์ริสตานีย์ ผู้ว่ากรุงเตหะราน ได้เข้าพบท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ได้ยืนจดหมายลาออกต่อท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) แต่ทว่าหลังจากนั้นท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ก็ได้ประกาศแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ว่าการกรุงเตหะรานอีกครั้ง เมื่อบัคเตียร์ รู้ข่าวเช่นนี้ จึงมีความหวาดกลัว และเกรงว่าเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ จะเอาเป็นแบบอย่างด้วย ก็เลยออกมาสัมภาษณ์โจมตี ผู้ว่าการกรุงเตหะราน พร้อมกับข่มขู่คณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยหารู้ไม่ว่า ในวันนั้น ผู้ว่าการกรุงเตหะราน ไม่ได้ไปเข้าพบท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ณ โรงเรียนอาลาวีย์ (ที่พักของอิมาม) เพียงคนเดียว
วันที่สี่ วันที่ 15 เดือน บะห์มัน ประท้วงขับไล่นายกรัฐมนตรี
บัคเตียร์ ได้สูญเสียศูนย์บัญชาการต่างๆ ทั้งหมด เลยต้องออกมาสัมภาษณ์ต่างๆนานา เพื่อสร้างความชอบธรรมในอำนาจของตนเอง ประเด็นที่มีการให้สัมภาษณ์ได้ย้ำและข่มขู่ ดังนี้
ไม่อนุญาตให้ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) จัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว
ผู้ใดที่สร้างสงครามภายในต้องถูกต้องโทษประหารชีวิต
ทัศนะของท่านอิมามโคมัยนี ล้วนแล้วต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายเท่านั้น
ท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ได้ออกมาตอบโต้คำต่อข่มขู่ดังกล่าว ว่า ข้าพเจ้าขอตักเตือน รัฐบาลผู้ปล้นสะดม อย่าได้ทำให้ข้าพเจ้าต้องประกาศเชิญชวนประชาชนให้ทำการญิฮาด……
ข้าพเจ้าเรียกร้องยังเหล่าทหารทั้งหลายให้เข้าร่วมสมทบกับพี่น้องประชาชน พวกเขาเป็นลูกหลานของท่าน เรามีความรักแด่พวกท่านทั้งหลาย…..
ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ได้กล่าวในการปราศรัยและในการพบปะกับประชาชนถึงนโยบายหลักทางการเมือง ว่า ชาวต่างชาติมีสิทธิเสรีในการใช้ชีวิตในสาธารณรัฐอิสลาม เราให้เกียรติกับชนกลุ่มน้อย ทัศนะของข้าพเจ้าต่อวิทยุและรายการโทรทัศน์และสื่อสารมวลชน คือ ให้รับใช้ประชาชนอย่างเป็นธรรม และรัฐบาลไม่มีสิทธิที่จะครอบงำใดๆ
วันที่ห้า วันที่ 16 เดือน บะห์มัน อิมามโคมัยนี แต่งตั้งให้ มุฮันดิส มะห์ดี บอซัรกอนีย์ เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลชั่วคราว
นักข่าวต่างประเทศและในประเทศนับสิบคน ประชาชนจากทุกสาขาอาชีพและบรรดาผู้ใกล้ชิดท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ได้รวมตัวกัน ณ. โรงเรียนอาลาวีย์ ท่านอายาตุลลอฮ์ ฮาชีมีย์ รัฟซันญานีย์ ได้ประกาศอ่านสาส์นแต่งตั้ง มุฮันดิส มะห์ดี บอซัรกอนีย์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่ประชาชนล้วนมีความรู้สึกว่าใกล้ถึงชัยชนะมากยิ่งขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของบัคเตียรี จำนวนหนึ่งได้วางแผนโดยได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาในการลอบสังหารอิมามโคมัยนี(รฎ)และเข่นฆ่าพี่น้องประชาชน
คณะวุฒิสภา ท่านอายาตุลลอฮ์ เบเฮชตี้ ท่านชะฮีด มุเฏาะฮารีย์ และมุฮันดิส มะห์ดี บอซัรกอนีย์ มีความพยายามติดต่อกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารอย่างสม่ำเสมอ โดยเรียกร้องสู่ความเป็นหนึ่งเดียวของคนชาติ ปราศจากการนองเลือด ขณะที่ประชาชนได้เดินยังกองทัพพร้อมถือช่อดอกไม้ และกล่าวคำขวัญดังขึ้นเป็นระยะๆ
วันที่หก วันที่ 17 บะห์มัน การเดินประท้วงอย่างกว้างขวางของประชาชน
พี่น้องประชาชนจำนวนมากออกมาเดินประท้วงสนับสนุน รัฐบาลของมุฮันดิส มะห์ดี บอซัรกอนีย์ ประณามต่อต้าน รัฐบาลบัคเตียร์ พร้อมกับประกาศก้องว่า เราไม่ต้องการรัฐบาลบัคเตียร์อีกต่อไป ส่วนบัคเตียร์ ก็ออกมา พูดว่า เรายินดีที่จะรับฟังขอเสนอของประชาชน
วันที่เจ็ด วันที่ 18 เดือน บะห์มัน เริ่มเปิดสถานีการปฏิวัติอิสลามเพื่อนำเสนอข่าวสาร
ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) มีคำสั่ง ให้เปิดโปงรายชื่อบุคคลที่ทรยศต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชน ด้วยความพยายามของประชาชนและผู้เชี่ยวชาญก็สามารถเรียกร้องประชาชนจำนวนหนึ่งให้หลั่งไหลมายังโรงเรียนอาลาวีย์…. นี่คือ เตหะราน นี่คือศูนย์บัญชาการการปฏิวัติ……
วันที่แปด วันที่ 19 เดือน บะห์มัน ทหารจำนวนหนึ่งให้การสัตยาบันต่อท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)
บัคเตียร์ มีคำสั่งให้ยิงประชาชน และในบางส่วนของประเทศก็เกิดเหตุการณ์กราดยิงประชาชนผู้เข้าชุมนุมประท้วง เจ้าหน้าที่ของประเทศจำนวนหนึ่ง และทหารอากาศอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งสวมชุดเต็มยศได้เดินทางเข้าพบท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ในท่ามกลางความยินดีและความแปลกประหลาดใจ ท่านอิมามโคมัยนีได้กล่าวกับบรรดาผู้เข้าพบดังกล่าวว่า ตามที่ข้าพเจ้าเคยกล่าวมาแล้วว่า หลังจากที่ปฏิบัติเชื่อฟังฏอฆูตมานานพอแล้ว ในวันนี้จงหันกลับมายึดอัลกุรอานเสียเถิด กุรอานจะให้การคุ้มครองและพิทักษ์พวกเจ้า หวังว่าด้วยความช่วยเหลือของพวกเจ้า เราจะสามารถสถาปนารัฐอิสลามได้สำเร็จ….
วันที่เก้า วันที่ 20 เดือน บะห์มัน ประกาศนโยบายของรัฐบาลชั่วคราว และเกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างนักศึกษากับทหารฝ่ายบัคเตียร์
ข่าวเวลา 20 : 00 น ได้มีการนำเสนอข่าวสถานที่พำนักอาศัยของท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) สมัยที่ลี้ภัยในกรุงปารีส ขณะที่มีการเผยแพร่ภาพอิมามนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่ทหารอากาศที่อยู่ในกองทัพ ได้กล่าวตะโกน “อัลลอฮุอักบัร” เป็นคำขวัญที่ขานรับและสนับสนุนท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ซึ่งได้สร้างความโกรธเคืองให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ทหารอีกจำนวนหนึ่งที่ต่อต้านท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) หลังจากนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ปะทะขึ้นอย่างรุนแรงระหว่างสองฝ่าย ประชาชนก็เข้ามาให้การช่วยเหลือฝ่ายสนับสนุนอิมามมโคมัยนี(รฎ) และเหตุการณ์ปะทะครั้งนี้ใช้เวลายาวนานถึงเช้าของวันรุ่งขึ้น
วันที่สิบ วันที่ 21 เดือน บะห์มัน รัฐบาลบัคเตียร์ประกาศภาวะฉุกเฉิน และอิมามโคมัยนีท้าทายคำประกาศดังกล่าวให้พี่น้องออกมาสู่ท้องถนน
ในเวลา 10 โมงเช้า ด้วยความมุ่งมั่นของพี่น้องประชาชนแลการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพอากาศ สามารถยึดศูนย์บัญชาการของทหารอากาศได้สำเร็จ และชั่วโมงถัดมา สถานีตำรวจ 9 10 11 12 16 26 ก็ตกอยู่ในมือของพี่น้องประชาชน
ประชาชนได้นำเอาปืนครก และอาวุธชนิดต่างๆออกมาบนท้องถนน และได้ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ผู้บัญชาการทหารฝ่ายบัคเตียร์ ก็มีคำสั่งและประกาศภาวะฉุกเฉินสั่งห้ามประชาชนออกมานอกถนนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เริ่มมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่เวลา 16: 00 น เป็นต้นไป แต่ท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ออกมาตอบโต้คำประกาศดังกล่าวและท้าทายคำสั่งอันผิดกฎหมายของรัฐบาลบัคเตียร์ เป็นคำสั่งของรัฐบาลเผด็จการที่ มันค้านกับหลักการชะรีอัตอย่างสิ้นเชิง และให้ออกมาสู่ท้องถนน ประชาชนอย่าสนใจกับคำประกาศดังกล่าว พี่น้องประชาชนทั้งชายและหญิง อย่าได้หวาดกลัวต่อคำข่มขู่เป็นอันขาด ด้วยพระสงค์ของพระองค์ เราจะได้รับชัยชนะ….
พี่น้องประชาชนอย่างได้หนี จงชุมนุมประท้วงบนท้องถนนต่อไป
วันประกาศชัยชนะ วันที่ 22 เดือน บะห์มัน วันแห่งชัยชนะแห่งการปฏิวัติอิสลาม และวันล้มสลายของระบอบสมบูรณายาสิทธิราชที่ปกครองประมาณ 2500 ปี
หลังจากต่อสู้กันตามท้องถนนต่างๆในกรุงเตหะรานตลอดวันและพื้นที่บางส่วนของประเทศ แม้นว่าพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าของวันดังกล่าวแล้วก็ตาม ประชาชนก็ยงคงปักหลักชุมนุมบนท้องถนนต่อไป ขณะที่พี่น้องประชาชนที่ติดอาวุธก็มีการยิงปะทะกับกองกำลังทหาร ในที่สุดฝ่ายรัฐบาลก็ยอมจำนนต่อฝ่ายปฏิวัติ นี่คือจุดจบของการปกครองแบบกษัตริย์และเผด็จการ
เสียงแห่งความยินดีและชัยชนะดังกึกก้องทั่วปฐพีอิหร่าน….. ระบอบสมบูรณายาสิทธิราชในอิหร่านได้ล้มสลายลง………
ขบวนการซึ่งนำมาสู่ชัยชนะครั้งนี้ก็คือ การปฏิวัติที่สำคัญครั้งหนึ่งในจำนวนสองสามครั้งในเวลาสองร้อยปีที่ผ่านมา แต่กระนั้นมันก็เป็นขบวนการที่ไม่เหมือนใครและไม่อาจเปรียบเทียบกับขบวนการปลดปล่อยในๆในโลก ทั้งในเอเชีย แอฟริกาในช่วงระยะเวลาเดียวกันได้เลย….
บทบาทของประชาชนในการปฏิวัติอิสลาม รวมทั้งผู้นำการปฏิวัติอิสลามและอิทธิพลทางการเมือง วัฒนธรรมและสังคมของการปฏิวัติครั้งนี้ซึ่งมีต่อทั่วโลกนั้น คือ ลักษณะเฉพาะที่ทำให้การปฏิวัติครั้งนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ท่ามกลางการปฏิวัติและขบวนการปลดปล่อยทั้งหลายในประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบัน…
ที่มา เอบีนิวส์ทูเดย์
แสดงความเห็น