หลักฐานที่พิสูจน์ว่า อิมามมะฮ์ดี (อ) ประสูติแล้ว ตอนที่ 2
หลักฐานที่พิสูจน์ว่า อิมามมะฮ์ดี (อ) ประสูติแล้ว ตอนที่ 2
โดย เชคอับดุลญะวาด สว่างวรรณ
ปัจจัยเหตุที่ทำให้แน่ใจว่า อิมามมะฮ์ดี (อ) ประสูติแล้วคือ :
เหตุผลที่ 1 -เป็นฮะดีษ (مُسَلَّمَاتٌ) ทั้งชีอะฮ์และซุนนี่ว่า อิมามมะฮ์ดี (อ) ประสูติแล้ว
ขอยกตัวอย่างเพียง 3 ฮะดีษเท่านั้นคือ
ฮะดีษที่ 1 - الثقلين ฮะดีษที่ 2 - الاثني عشرخليفة ฮะดีษที่ 3 - مَنْ مَاتَ وَلَمْ يَعْرِفْ إِمَامَ زَمَانِهِ
ฮะดีษที่ 1 - الثقلين เป็นฮะดีษมุตะวาติร ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ได้กล่าวไว้หลายวาระหลายสถานที่ด้วยเช่น ที่ฮัจญะตุลวิดาอ์ (ฮัจญครั้งสุดท้ายของท่านศาสดา(ศ) ที่ฆ่อดีรคุม วันสุดท้ายก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ
إِنِّي قَدْ تَرَكْتُ فِيكُمْ أَمْرَيْنِ لَنْ تَضِلُّوا بَعْدِي مَا إِنْ تَمَسَّكْتُمْ بِهِمَا كِتَابَ اللَّهِ وَ عِتْرَتِي أَهْلَ بَيْتِي فَإِنَّ اللَّطِيفَ الْخَبِيرَ قَدْ عَهِدَ إِلَيَّ أَنَّهُمَا لَنْ يَفْتَرِقَا حَتَّى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْض الكافي ج : 2 ص : 415 ح 1
إِنِّى تَارِكٌ فِيكُمْ مَا إِنْ تَمَسَّكْتُمْ بِهِ لَنْ تَضِلُّوا بَعْدِى أَحَدُهُمَا أَعْظَمُ مِنَ الآخَرِ كِتَابُ اللَّهِ حَبْلٌ مَمْدُودٌ مِنَ السَّمَاءِ إِلَى الأَرْضِ وَعِتْرَتِى أَهْلُ بَيْتِى وَلَنْ يَتَفَرَّقَا حَتَّى يَرِدَا عَلَىَّ الْحَوْضَ فَانْظُرُوا كَيْفَ تَخْلُفُونِى فِيهِمَا
"แท้จริงฉันได้มอบไว้ในหมู่พวกท่าน หากพวกท่านยึดมั่นต่อมัน พวกท่านจะไม่หลงทาง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งนั่นคือ กิตาบุลเลาะฮ์ คือเชือกทอดจากฟ้าลงมายังโลก
และอีกสิ่งหนึ่งคือ อิตเราะตี (คือ)อะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน
และทั้งสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมายังฉันที่อัลเฮาฎ์ ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนั้นอย่างไร"
สถานะหะดีษ : ซอฮี๊ฮ์ (รายงานถูกต้อง) ดูซอฮีฮุต-ติรมีซี ฮะดีษที่ 2980 ตรวจทานโดยเชคอัลบานี
อธิบาย : คำ إِنْ تَمَسَّكْتُمْ بِهِ لَنْ تَضِلُّوا بَعْدِى คือหากปฏิบัติตาม จะถือว่าอยู่บนหนทางที่เที่ยงตรง
คำ أَنَّهُمَا لَنْ يَفْتَرِقَا حَتَّى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْض อัลกุรอ่านกับอะฮ์ลุลบัยต์ จะต้องอยู่คู่กันนับจากวันที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ได้มีวจนะไว้จนถึงวันกิยามะฮ์
ฮะดีษ (รายงาน) นี้แสดงว่า อะฮ์ลุลบัยต์จะต้องมีตัวตนจริงๆ และต้องมีชีวิตอยู่คู่กับคัมภีร์กุรอานเสมอ ซึ่งภาษาอาหรับเรียก (إستمرار) คือต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
เราไม่อาจตีความฮะดีษบทนี้เป็นอื่นได้ นอกจากต้องยอมรับว่า อิมามมะฮ์ (อ) ดีประสูติมานานแล้ว เพียงแต่ท่านไม่ปรากฏตัวเท่านั้น ถ้าหากคิดว่า อัลมะฮ์ดียังไม่ประสูติ ก็เท่ากับคัมภีร์กุรอานกับอะฮ์ลุลบัยต์ไม่ได้อยู่คู่กัน
ถ้ามุสลิมคนใดเชื่อว่าอัลมะฮ์ดียังไม่ประสูติก็เท่ากับเขาได้กล่าวหาว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) พูดปดเพราะท่านศาสดากล่าวว่า "สองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน..."
ถ้าจะทำให้ฮะดีษนี้ไม่โกหก ก็ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันนี้มีอะฮ์ลุลบัยต์ที่มีชีวิตอยู่คู่กับคัมภีร์กุรอ่านมาโดยตลอด มิเช่นนั้น "ฮะดีษษะก่อลัยน์" ก็จะขัดกับความเป็นจริงในยุคปัจจุบันนี้ ทั้งๆที่ฮะดีษนี้ เป็นฮะดีษมุตะวาติร
ฮะดีษที่ 2 -الاثنا عشرخليفة ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) กล่าวว่า :
إنّ هذا لَا يَنْقَضِي حَتَّى يَمْضِي فيهم اِثْنَا عَشَر خليفة ثم تكلّم بكلام خفي عَلَيَّ، فَقُلْتُ لابي ما قال؟ قال: كُلّهمْ مِنْ قُرَيْش
"แท้จริงกิจการ (อิสลาม) นี้จะยังไม่สิ้นสุด จนกว่า 12 คอลีฟะฮ์จะดำเนินมาถึงพวกเขา แล้วท่านนบีพูดด้วยถ้อยคำแผ่วเบาแก่ฉัน ท่านญาบิรได้ถามบิดาของว่า : ท่านพูดอะไร ? บิดาบอกว่า : ท่านกล่าวว่า : ทุกคนมาจากเผ่ากุเรช"
หนังสือกะมาลุดดีน เชคศอดูก หน้า 272 และอัลฆ็อยบะฮ์ เชคตูซี หน้า 128
جَابِرَ بْنَ سَمُرَةَ قَالَ سَمِعْتُ النَّبِىَّ - ص - يَقُولُ : يَكُونُ اثْنَا عَشَرَ أَمِيرًا - فَقَالَ كَلِمَةً لَمْ أَسْمَعْهَا فَقَالَ أَبِى إِنَّهُ قَالَ - كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ
"จะมี 12 ผู้นำเกิดขึ้น แล้วท่านกล่าวคำหนึ่งซึ่งฉันได้ยินไม่ถนัด บิดาของฉันจึงบอกว่า : แท้จริงท่านกล่าวว่า : ทุกคนมาจากเผ่ากุเรช"
ซอฮี๊ฮุลบุคอรี หะดีษที่ 7222
إِنَّ هَذَا الأَمْرَ لاَ يَنْقَضِى حَتَّى يَمْضِىَ فِيهِمُ اثْنَا عَشَرَ خَلِيفَةً ». قَالَ ثُمَّ تَكَلَّمَ بِكَلاَمٍ خَفِىَ عَلَىَّ - قَالَ - فَقُلْتُ لأَبِى مَا
قَالَ قَالَ « كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ ».
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) กล่าวว่า : แท้จริงกิจการ (อิสลาม) นี้ จะยังไม่สิ้นสุด จนกว่า 12 ค่อลีฟะฮ์(ผู้ปกครอง) จะดำเนินมาถึงพวกเขา ญาบิรเล่าว่า : แล้วท่านนบีพูดด้วยถ้อยคำแผ่วเบาแก่ฉัน ญาบิรเล่าว่า : ฉันได้ถามบิดาของฉันว่า : ท่านพูดอะไร ? บิดาบอกว่า : ท่านกล่าวว่า : พวกเขาทั้งหมดมาจากเผ่ากุเรช
ซอฮี๊ฮฺมุสลิม หะดีษที่ 4809
อธิบาย : ฮะดีษ 12 ผู้นำเป็นฮะดีษมุสัลละม๊าต แต่คุณสมบัติของผู้นำอิสลามในฮะดีษบทนี้ไม่ตรงกับผู้ใดเลย นอกจาก 12 อิม่ามที่มาจากอะฮ์ลุลบัยต์
บุคลิก12 คอลีฟะฮ์ในฮะดีษบทนี้เป็นเรื่องฆ็อยบียะฮ์ที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) บอกข่าวถึงคอลีฟะฮ์ที่จะดำรงชีวิตอยู่จนถึงวันกิยามัต เขาผู้นั้นจึงเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก อิม่ามมะฮ์ดี
ฮะดีษ 12 คอลีฟะฮ์จึงแสดงว่า อิมามฮาซันอัสการี (อ) ได้ให้กำเนิดอิม่ามมะฮ์ดีแล้ว ก่อนที่ท่านจะสิ้นชีพ ถ้ามิเช่นนั้นอิม่ามมะฮ์ดีย์จะเกิดจากบิดาได้อย่างไรอีก เมื่อบิดาของท่านได้สิ้นชีพไปพันกว่าปีแล้ว
ฮะดีษที่ 3 - مَنْ مَاتَ وَلَمْ يَعْرِفْ إِمَامَ زَمَانِهِ مَاتَ مِيتَةً جَاهِلِيَّةً เป็นหะดีษมุสัลละม๊าตเช่นกัน
مَنْ مَاتَ وَلَيْسَ فِى عُنُقِهِ بَيْعَةٌ مَاتَ مِيتَةً جَاهِلِيَّةً
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) กล่าวว่า : บุคคลใดตายไป และเขาไม่ได้ให้สัตยาบันไว้กับผู้นำของเขา บุคคลนั้นได้ตายในสภาพญาฮิลียะฮ์
ซอฮี๊ฮฺมุสลิม หะดีษที่ 4899
مَنْ مَاتَ بِغَيْرِ إِمَامٍ مَاتَ مِيتَةً جَاهِلِيَّةً
บุคคลใดตายไปโดยที่เขาไม่มีอิหม่าม(ในยุคของเขา) บุคคลนั้นได้ตายในสภาพญาฮิลียะฮ์
สถานะหะดีษซอฮีฮุ ดูมุสนัดอะหมัด หะดีษที่ 16922 ตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏ
อะฮ์ลุลบัยต์รายงานว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) กล่าวว่า :
مَنْ مَاتَ وَلَمْ يَعْرِفْ إِمَامَ زَمَانِهِ مَاتَ مِيتَةً جَاهِلِيَّةً
บุคคลใดตายไปโดยที่เขาไม่ได้รู้จักอิมาม (ผู้นำ) ในยุคของเขา บุคคลนั้นได้ตายในสภาพญาฮิลียะฮ์
(อัลกาฟี เล่ม 1 : 377 ฮะดีษที่ 3
อธิบาย : หากบุคคลใดไม่เชื่อว่า ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ) ได้ประสูติมาแล้ว ก็หมายความว่า บุคคลนั้นยังไม่รู้จักอิมาม (ผู้นำ) ในยุคสมัยของเขาว่าเป็นใคร ดังนั้นเขาก็จะตายในสภาพญาฮิลียะฮ์
หากว่าตอนนี้อิมามมะฮ์ดี (อ) ยังไม่ประสูติ แล้วเราจะทำความรู้จักกับอิมามผู้นำในยุคของเราได้อย่างไร
สามฮะดีษนี้แม้ว่า จะไม่บอกตรงๆ ถึงการมีอยู่ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ) แต่ก็แสดงให้เห็นว่า อิมามมะฮ์ดี(อ) ประสูติมาแล้วอย่างแน่นอน
ที่มาเว็บไซต์อะฮ์ลุลบัยต์อะคาเดมี
แสดงความเห็น