ความตายในทรรศนะอิสลาม ตอนที่สอง

ความตายในทรรศนะอิสลาม ตอนที่สอง

 


รายงานจากซัลมาน อัลฟารซีย์ เกี่ยวกับความตายและชีวิตหลังความตาย


รายงานหนึ่งจากท่านซัลมาน อัลฟารซีย์ เกี่ยวกับการสนทนาของเขากับ


มัยยิต (คนตาย) ซึ่งเป็นการรายงานจากท่านอัศบัฆ บิน นะบาตะฮ์

หนึ่งศอฮาบะฮ์ สาวก ผู้ใกล้ชิดของท่านอิมามอะลี (อ) โดยได้มีการ บันทึกไว้ในหนังสือ มะนากิบ ของท่านชาซาน บิน ญิบรออีล กุมมี รายงานจาก

ชัยคุลอิสลาม อะบีลฮะซัน บิน มุฮัมมัด อัลมะฮ์ดีย์ เขากล่าวว่า รายงานนี้มีสายรายงานที่ถูกต้องและเชื่อถือได้

รายงานกล่าวว่า ท่านอัศบัฆ บิน นะบาตะฮ์ ได้เล่าให้ฟังว่า ข้าพเจ้าร่วมอยู่กับท่านซัลมาน อัลฟารซีย์ ในขณะนั้น เขาคือผู้ปกครองเมืองมะดายิน

เป็นช่วงสมัยการปกครองของท่านอะมีรุลมุมินีน อะลี บิน อะบีฏอลิบ  (อ

เนื่องท่านซัลมานได้รับการแต่งตั้งเป็นวาลีย์ (ผู้ปกครอง) เมืองมะดายินมาก่อน และต่อมาเมื่อมาสู่ยุคสมัยการปกครองของท่าน

 อิมามอะลี เขาก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม

อัศบัฆได้รายงานว่า วันหนึ่งข้าพเจ้าเข้าไปหาท่านซัลมาน ในขณะที่เขาป่วย และด้วยกับความป่วยนี้เป็นสาเหตุให้เขาวะฟาต(จากโลกนี้)ไป เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่า เขาไม่สบาย ข้าพเจ้าก็ได้มาเยี่ยมเขาอยู่ทุกวัน และในวันหนึ่งข้าพเจ้าก็พบว่า อาการป่วยของเขานั้นรุนแรง มากเพิ่มขึ้น และคาดว่า เขาจะได้ลิ้มรสความตายในอีกไม่ช้านี้ เขาได้กล่าวกับข้าพเจ้าว่า โอ้ท่านอัศบัฆ!

ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ได้ให้สัญญาไว้กับฉันว่า โอ้ซัลมาน ! เมื่อใดที่เจ้าจะสัมผัสกับความตาย เมื่อนั้น เจ้าจะได้สนทนากับมัยยิต (คนตาย)

และจงรู้ไว้เถิดว่า เวลาแห่งความตายของเจ้านั้นใกล้เข้ามาแล้ว

อัศบัฆได้ถามท่านซัลมานว่า โอ้พี่ชาย ท่านจะรับสั่งให้ฉันทำเช่นไร?

ซัลมานตอบว่า จงนำฉันใส่ลงในโลงศพ แล้วนำไปวางไว้ที่สุสานแห่งหนึ่ง

อัศบัฆกล่าวว่า ได้ ฉันจะจัดการให้ท่าน

หลังจากนั้น อัศบัฆก็ได้ตระเตรียมโลงศพและเอาร่างของท่านซัลมานใส่ลงไปในนั้น และก็เรียกชายหนุ่ม สี่คน มา หามโลงศพและทั้งสี่ได้นำโลงศพไปวางที่สุสานแห่งหนึ่ง

ท่านซัลมานได้บอกว่า จงผินหน้าฉันไปทางทิศกิบละฮ์

และหลังจากนั้น ท่านซัลมานก็ได้กล่าวสลามให้กับชาวกุโบร์ (สุสาน) ว่า

สลามมายังท่าน โอ้บรรดาผู้ที่ได้รับการทดสอบ

สลามมายังท่าน โอ้บรรดาผู้ที่ถูกปิดกั้นจากโลกดุนยา (โลกนี้)

สลามมายังท่าน โอ้บรรดาผู้ได้ลิ้มรสแห่งความตาย

สลามมายังท่าน โอ้ บรรดาผู้ที่นอนหลับอยู่ใต้พื้นดิน

สลามมายังท่าน โอ้บรรดาผู้ที่ได้รับบัญชีการกระทำในโลกดุนยา

สลามมายังท่าน โอ้บรรดาผู้ที่รอคอยเสียงสัญญาณแห่งการฟื้นคืนชีพ

ขอสาบานต่ออัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์ ที่ฉันเรียกหาท่านหวังว่าจะมีผู้ใดสักคนในหมู่พวกท่าน ตอบให้กับฉัน แท้จริงฉัน คือ ซัลมาน อัลฟารซีย์ เป็นทาสผู้รับใช้ของศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์

ฉันเคยได้ยินท่านศาสดากล่าวกับฉันว่า ฉันจะได้สนทนากับมัยยิต (คนตาย) เมื่อความตายใกล้จะมาสู่ฉัน และฉันอยากที่จะรู้ว่า ความตายนั้นใกล้เข้ามาหรือยัง?

หลังจากนั้น ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากหลุมศพและกล่าวว่า

สลามให้กับท่าน โอ้ผู้ที่สูญสลายและหลงในโลกดุนยา

ใช่แล้ว! พวกเราได้ยินทุกถ้อยคำของท่าน และมีความปิติที่จะตอบคำถามของท่าน

จงถามมาเถิดในสิ่งที่ท่านต้องการรับรู้

ซัลมานได้ถามขึ้นว่า โอ้ท่านที่พูดขึ้น หลังจากความตาย และการสูญสิ้น

ท่านเป็นชาวสวรรค์หรือนรกกันแน่?

เสียงตอบได้ดังขึ้นว่า โอ้ซัลมาน! ฉัน คือ ผู้หนึ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานความโปรดปราน,ความเมตตาและเกียรติของพระองค์ อีกทั้งพระองค์ยังทรงทำให้ฉันเข้าสู่สรวงสวรรค์ เนื่องด้วยความเมตตาของพระองค์

ซัลมานได้ถามอีกว่า โอ้บ่าวแห่งอัลลอฮ์! โปรดอธิบายเกี่ยวกับความตายว่า ความตายมีลักษณะเป็นเช่นไร ?

เสียงตอบดังขึ้นว่า โอ้ซัลมาน! ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ แท้จริงการตัดเรือนร่างฉันด้วยกับกรรไกรหรือเลื่อยด้วยเครื่องจักรกลนั้น ง่ายยิ่งกว่าการสัมผัสกับความตายเสียอีก

พึงรู้เถิดว่า เมื่อฉันมีชีวิตอยู่ในโลกนี้  ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้ามากมาย ,เป็นผู้ที่เคร่งครัดต่อคำสั่งสอนของพระองค์ ,กระทำในสิ่งที่พระองค์ทรงรับสั่ง ,อ่านคัมภีร์อัลกุรอานอยู่สม่ำเสมอ,ทำความดีต่อบิดาและมารดา ,ออกห่างจากการทำบาปต่างๆ, แสวงหาในสิ่งที่เป็นฮะลาล(อนุมัติ)จากศาสนา เพราะว่าฉันมีความหวาดกลัวต่อคำถามจากพระองค์

ระหว่างที่ฉันมีชีวิตอยู่ ฉันมีความรู้สึกปลื้มปิติในความเป็นอยู่ที่เป็นไป แต่เมื่อฉันล้มป่วยลง และความตายได้ย้ำกรายเข้ามาใกล้ฉันทุกขณะ

ความหวาดกลัวก็ได้เข้ามา และในเวลานั้น ได้มีชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่น่ากลัวอย่างมากเข้ามาหาฉัน เมื่อเขายืนต่อหน้าฉันในสภาพที่เขามิได้มาจากฟากฟ้าหรือพื้นดิน และเขาได้ชี้ไปที่ดวงตาของฉัน มันก็ได้มืดบอดลง และเมื่อชี้ไปที่หู หูของฉันก็หนวกและไม่ได้ยิน และเมื่อชี้ไปที่ลิ้นของฉัน ฉันก็เป็นใบ้และพูดไม่ได้

ฉันจึงตะโกนถามว่า ท่านเป็นใครกันหรือ?

เขาก็ตอบว่า ฉัน คือ มลาอิกะตุลเมาต์ (เทวทูตแห่งความตาย) ที่มาที่นี่เพื่อที่จะมาเอาชีวิตของเจ้า เพราะว่าอายุขัยของเจ้านั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว แล้วเขาได้ดึงวิญญาณออกจากร่างกายของฉัน ที่ไม่มีความรุนแรงใดจะมากกว่าครั้งนี้ เหมือนดั่งกับความรุนแรงในการหลอมสลายของขุนเขาอันแข็งแกร่ง แล้วเขาก็ดึงวิญญาณออกทางช่องจมูกของฉัน

และเมื่อวิญญาณของฉันได้ออกจากร่างแล้ว บรรดาญาติสนิท มิตรสหายของฉันต่างก็ร่ำไห้ให้กับเรือนร่างของฉัน และไม่มีสิ่งใด นอกจากฉันได้เห็นและได้ยินจากการกระทำนั้น

ครั้นเมื่อเสียงร้องดังเพิ่มมากขึ้น เทวทูตแห่งความตายก็มีความรู้สึกโกรธและได้มองมายังพวกเขา และกล่าวว่า พวกท่านร้องไห้กันทำไมหรือ?

ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ แท้จริง เรามิได้เป็นผู้กดขี่ และละเมิดสิทธิของพวกท่าน แต่ความจริงนั้นก็คือ อายุขัยของเขาได้สิ้นสุดลงและปัจจัยยังชีพที่ให้กับเขาก็หมดลงแล้วเช่นกัน แล้วเขาจะต้องกลับสู่พระผู้อภิบาลของเขา  เรากับท่านคือ บ่าวของพระองค์ เพียงองค์เดียว พระองค์ทรงตัดสินในสิ่งที่ทรงปรารถนา อีกทั้งพระองค์ทรงพลานุภาพเหนือทุกสรรพสิ่ง ดังนั้นหากว่าพวกท่านมีความอดทน พระองค์ก็จะทรงประทานรางวัลให้กับท่าน และหากว่าพวกท่านไม่มีความอดทน พระองค์ก็จะทรงลงโทษพวกท่านต่อการละเมิดของพวกท่าน

และฉันจะกลับมาอีกในหลายครั้งครา เพื่อที่มาเอาชีวิตของบรรดาลูกหลาน,บิดาและมารดาของพวกท่าน

หลังจากนั้นเทวทูตแห่งความตายได้จากฉันไป และวิญญาณของฉันที่อยู่บนศรีษะได้มองมายังเรือนร่างที่ไร้วิญญาณของฉัน

ในที่สุดได้มีคนอาบน้ำคนตาย(ฆุซุลมัยยิต)เข้ามายังร่างของฉันและเขาได้ถอดเสื้อผ้าของฉันออกหมด และได้ทำการอาบน้ำให้กับฉัน แล้ว วิญญาณของฉันก็ได้ร้องออกมาด้วยเสียงอันดังว่า โอ้บ่าวแห่งอัลลอฮ์ จงกระทำอย่างแผ่วเบากับเรือนร่างที่อ่อนแอของฉันเถอะ

ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ว่า ฉันไม่เคยทำร้ายร่างกายและอวัยวะส่วนหนึ่งสวนใดของฉัน

หากว่า ผู้อาบน้ำคนตายได้ยินคำพูดเช่นนั้น เขาก็จะไม่อาบน้ำให้คนตายอีกเลย

เมื่อเสร็จสิ้นจากการอาบน้ำแล้ว ก็นำร่างของฉันใส่ไปในโลง ในขณะที่วิญญาณอยู่เบื้องหน้าฉัน จนกระทั่งพวกเขาเอาร่างของฉันไปวางลงในหลุม และเมื่อฉันอยู่ในหลุม ก็รู้สึกถึงความหวาดกลัวอย่างรุนแรง

โอ้ซัลมาน! เหมือนกับว่าฉันนั้นได้ตกลงจากฟากฟ้า สู่หลุมฝังศพ และฉันรู้สึกถึงความหวาดกลัวดังกล่าว และเมื่อพวกเขาได้เอาดินมากลบบนหลุมของฉัน แล้ววิญญาณของฉันก็ออกมา ฉันทั้งได้ยินและมองเห็น ก็รู้สึกอีกครั้งต่อความหวาดกลัวก็ได้ร้องขึ้นว่า ฉันหวังว่าจะได้กลับไปยังโลกเพื่อที่จะปฏิบัติอะมั้ลอีกครั้ง

และได้มีเสียงตอบมาจากข้างหลุมว่า ไม่ !เป็นไปไม่ได้! นี่คือ คำพูดของเขาและผู้ที่พูดหลังความตายในโลกบัรซัค (โลกแห่งความตาย) จนถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพ

ฉันได้ถามว่า เจ้าเป็นใคร?

เขาได้ตอบว่า ฉัน คือ เทวทูตองค์หนึ่งที่อัลลอฮ์ทรงมอบหมายให้ฉันมาเตือนพวกท่านอีกครั้งหนึ่ง หลังจากความตายได้เข้ามายังพวกเขา เพื่อที่จะได้จดบันทึกบัญชีการกระทำอะมั้ลของพวกเขาด้วยมือของพวกเขาเอง

หลังจากนั้นเขาก็ได้ดึงและให้ฉันนั่งแล้ววิญญาณของฉันก็กลับเข้าร่างอีกครั้ง

เขาก็กล่าวขึ้นว่า จงจดบันทึกการกระทำของเจ้า

ฉันตอบว่า ฉันทำไม่ได้ ซึ่งในขณะนั้นฉันไม่มีความสามารถ

เขากล่าวกับฉันว่า เจ้ามิได้ยินคำพูดของพระเจ้าของเจ้าดอกหรือ ? ที่ทรงตรัสว่า

“วันที่อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาทั้งหมดฟื้นคืนชีพขึ้นมา แล้วพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเขาทราบถึงสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติไว้ อัลลอฮฺทรงประเมินมันไว้อย่างครบถ้วน แต่พวกเขาลืมมัน และอัลลอฮฺทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่งทุกอย่าง”

(บทอัลมุญาดิละฮ์ โองการ 6-7 )

ฉันได้ถามว่า ฉันไม่มีกระดาษ เขาก็ได้ดึงสิ่งหนึ่งข้างผ้ากะฝั่นของฉัน และบอกกับฉันว่า นี่แหละคือกระดาษของเจ้า

ฉันได้ถามอีกว่า ฉันไม่มีปากกา  เขาก็บอกว่า นิ้วกลางของเจ้า คือ ปากกาของเจ้า

ฉันได้ถามอีกว่า ฉันไม่มีน้ำหมึก เขาก็ตอบว่า น้ำลายของเจ้า คือ น้ำหมึก

หลังจากนั้นฉันได้จดบันทึกการกระทำทั้งหมดในโลกดุนยา ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม และไม่มีการกระทำใดที่ยังไม่ได้จดบันทึก ดั่งที่อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า

“และพวกเขาได้พบสิ่งที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้ปรากฏอยู่ต่อหน้าและพระผู้เป็นเจ้าของเจ้ามิทรงอธรรมต่อผู้ใดเลย”(บทกะฮ์ฟ์ โองการ 49)

หลังจากนั้นเขาได้เก็บสมุดบัญชีและปั้มตราเสร็จแล้วแขวนไว้ที่คอของฉัน เหมือนดั่งกับว่า ฉันนั้นได้แบกเอาภูเขาทั้งลูกที่มีความหนักอย่างมาก

ฉันจึงถามเขาอีกว่า ท่านทำอย่างนี้กับฉันด้วยเหตุอันใดเล่า?

เขาตอบว่า เจ้ามิได้ยินถ้อยคำของพระผู้อภิบาลของเจ้าหรือ ที่ทรงตรัสว่า

และมนุษย์ทุกคน เราได้ให้การงานของเขาแขวนติดไว้ที่ติดไว้ที่คอของเขา และในวันกิยามะฮ์ เราจะเอาบันทึกออกมาให้เขาพบมันในสภาพที่กางแผ่

เจ้าจงอ่านบันทึกของเจ้า พอเพียงแก่ตัวเจ้าแล้ววันนี้ที่จะเป็นผู้คิดบัญชีด้วยตัวเจ้าเอง

 (บทอัลอิสรออฺ โองการ 13-14 )

หลังจากนั้น เขาก็ได้จากฉันไป แล้วหลังจากนั้น นะกีรเข้ามาหาฉัน ในสภาพที่มีรูปร่างแปลกประหลาด และน่าหวาดกลัว ในมือทั้งสองข้างของเขาถือกระบองที่ทำมาจากเหล็ก หากว่ามนุษย์และญินมารวมตัวกันไม่สามารถยกมันขึ้นได้ แล้วเขาร้องตะโกนด้วยเสียงอันดัง  หากว่า ชาวโลกได้ยินเสียงนั้น จะต้องดับสลายอย่างแน่นอน

ดังนั้น เจ้า (ซัลมาน)จงระมัดระวังการกระทำของเจ้า จากการถามของนะกีรและมุนกัร  จงหวาดกลัวเหมือนที่ฉันหวาดหวั่น และนี่คือสิ่งที่ฉันพบหลังความตาย เพราะว่าฉันเป็นคนหนึ่งจากกลุ่มชนที่ประพฤติความดี

หลังจากนั้นท่านซัลมานก็ได้ร้องไห้และกล่าวว่า โอ้ผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในทุกสรรพสิ่ง และทุกสรรพสิ่งจะต้องย้อนกลับยังพระองค์  ข้าพเจ้าเชื่อและศรัทธาในพระองค์ และศรัทธาในศาสนทูตแห่งพระองค์ อีกทั้งยึดถือพระคัมภีร์แห่งพระองค์ พระองค์ทรงรักษาสัญญาในสิ่งที่ทรงสัญญากับข้าพเจ้า และพระองค์มิใช่ผู้ผิดสัญญา ขอพระองค์ทรงรับวิญญาณของข้าฯพระองค์ด้วยความเมตตาของพระองค์ด้วยเถิด


โดย มุฮัมมัด ญะมาล

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แสดงความเห็น