ฮิซบุลลอฮ์ กลุ่ม ก่อการร้าย หรือ ขบวนการปลดปล่อย ?
ฮิซบุลลอฮ์เป็นองค์กรของชาวมุสลิมชีอะฮ์ในเลบานอนภาคใต้ ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะที่เป็นองค์กรช่วยเหลือสังคม กิจกรรมของกลุ่มมีทั้งการทำสื่อ การช่วยเหลือด้านการศึกษา การบริการสาธารณะสุข การวิจัย ฯลฯ ซึ่งบทบาทด้านการช่วยเหลือสังคมดังกล่าว ถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญมากที่สุดขององค์กร
ชื่อ “ฮิซบุลลอฮ์” เมื่อสองปีก่อนถูกรู้จักและกล่าวขานกันเสียงดังฟังชัด จากกรณีที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ออกประกาศเตือนชาวอเมริกันที่เดินทางมาและที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ให้ระมัดระวังการก่อการร้าย โดยเฉพาะในสถานที่ท่องเที่ยว ต่อมาไม่นานทางการไทยออกแถลงข่าวว่ามีชาวเลบานอน 2 คนถูกจับกุม เมื่อศุกร์ที่ 13 ม.ค. 2555 พร้อมของกลางสารยูเรียจำนวนมากได้ที่ จ.สมุทรสาครก็ตาม ซึ่งต้องสงสัยว่าเกี่ยวพันกับกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ แต่ในขณะเดียวกัน นายกาเลบ อาบู ไซนับ ฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ ได้ออกแถลงการณ์ว่า “ชาวเลบานอนที่ถูกจับในประเทศไทยไม่ใช่สมาชิกของกลุ่ม”
วันนั้นพี่ไทยของเราหน้าแตกหมอไม่รับเย็บไปตามๆ กัน สาเหตุเพราะสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยให้ข้อมูล จึงต้องโชว์ของเอาใจกันสักหน่อยว่างั้น มาวันนี้ 17/4/57 อีกแล้วครับ เมื่อร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบ(ศอ.รส.) กล่าวว่าสามารถจับกุมสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายฮิซบุลลอฮ์ ได้เพราะเป็นคนสั่งจับเอง โดยจับได้ที่กทม. ขณะลงเครื่องบิน ส่วนเรื่องราวเป็นมาอย่างไรขอปิดเป็นความลับ .... ก็คงต้องว่าไปตามนั้นครับ ตามใบสั่งของนายหัว ส่วนจะหน้าแตกยับเยินระลอกสองหรือไม่นั้น พี่ไทยของเรายอมหน้าแหกอยู่แล้ว เพราะคำสั่งนายหัวว่ามาอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้น...
แต่จะอย่างไรก็ตาม คำว่า ฮิซบุลลอฮ์ ก็ดังขึ้นในไทยแล้วเมื่อสองปีก่อน และคงดังในประเทศไทยอีกครั้งในช่วงไม่กี่วันนี้ ฉะนั้นจึงขอนำเสนอบทความของดร.ศราวุฒิ อารีย์ นักวิเคราะห์สถานการณ์โลก ผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาโทและเอก สาขาเอเชียตะวันตกศึกษา (อินเดีย) นักวิจัยประจำสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเคยตีพิมพ์ในสื่อหลายๆ ฉบับเมื่อสองปีก่อนแล้ว แต่ใคร่จะนำมาเสนออีกครั้งเพื่อเตือนความจำของคนไทยหลายๆ คน เกี่ยวกับ “ฮิซบุลลอฮ์” ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์เชื่อมโยงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
คำว่า "ฮิซบุลลอฮ์" (Hizbullah)ประกอบขึ้นจากคำนามภาษาอาหรับ 2 คำที่ถูกนำมาเชื่อมต่อกัน คือคำว่า "ฮิซบฺ" กับ "อัลลอฮ์" ทั้ง 2 คำรวมกันแปลว่า "พรรคของพระเจ้า" (The Party of God) ชื่อนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโองการหนึ่งของอัล-กุรอานที่ว่า "และผู้ใดให้อัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ และบรรดาผู้ศรัทธา เป็นมิตรแล้วไซร้ แท้จริงพรรคของอัลลอฮ์นั้น คือ พวกที่ชนะ" (อัลกุรอานบมอัลมาอิดะฮ์ โองการที่ 56)
ฮิซบุลลอฮ์เป็นองค์กรของชาวมุสลิมชีอะฮ์ในเลบานอนภาคใต้ ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะที่เป็นองค์กรช่วยเหลือสังคม กิจกรรมของกลุ่มมีทั้งการทำสื่อ การช่วยเหลือด้านการศึกษา การบริการสาธารณะสุข การวิจัย ฯลฯ ซึ่งบทบาทด้านการช่วยเหลือสังคมดังกล่าว ถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญมากที่สุดขององค์กร นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองในเลบานอนยุติลงเมื่อหลายปีก่อน นอกจากนั้น กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ยังเข้าไปเล่นการเมืองในระดับชาติด้วย
แม้กระนั้นก็ตาม คนส่วนใหญ่ทั่วโลกกลับรู้จักฮิซบุลลอฮ์ในฐานะที่เป็นกลุ่มขบวนการติดอาวุธที่ใช้ความรุนแรงเพียงด้านเดียวมากกว่า บางคนถึงกับประณามฮิซบุลลอฮ์ว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายด้วยซ้ำไป เพราะเป็นกลุ่มที่เคยสร้างความเสียหายให้แก่สหรัฐฯ และอิสราเอลมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง
แม้จะก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1982 แต่จุดกำเนิดของฮิซบุลลอฮ์ก็เริ่มต้นขึ้นก่อนหน้านั้น เริ่มจากการที่นักการศาสนาชาวอิหร่านคนหนึ่งที่ชื่อ มูซา ศอดร์ (Musa Sadr) ซึ่งย้ายมาอยู่ที่เลบานอนทางภาคใต้ในช่วงทศวรรษที่ 1960 ได้ก่อตั้งขบวนการหนึ่งขึ้นมาเรียกว่า "ขบวนการของคนด้อยโอกาส" (Movement of the Deprived) ที่เรียกร้องสิทธิและการปกป้องคนยากคนจนในพื้นที่ภาคใต้ของเลบานอน โดยมีกองกำลัง "อะมัล" (Armal) เป็นปีกทางการทหารที่คอยสู้รบกับศัตรูในสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้น
มูซา ศอดร์ หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างที่ไปเยือนลิเบียในปี ค.ศ.1978 แม้กระนั้นชื่อของเขาก็มักถูกอ้างถึงอยู่บ่อยๆ ในคำแถลงการณ์ของ ซัยยิด ฮัซซัน นัสรุลลอฮ์ ซึ่งเป็นผู้นำคนปัจจุบันของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า อุดมการณ์ของ "ขบวนการของคนด้อยโอกาส" ไม่ได้หายไปพร้อมๆ กับตัวผู้นำของขบวนการแต่อย่างใด
กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ในช่วงที่อิสราเอลเข้ามารุกรานเลบานอนในปี 1982 เป้าหมายหลักของกลุ่มจึงอยู่ที่การต่อต้านการยึดครองเลบานอนของอิสราเอล พร้อมกันนั้น ก็พยายามสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ชุมชนชาวชีอะฮ์ทางภาคใต้ของประเทศ พลังอำนาจของกลุ่ม ฮิซบุลลอฮ์เพิ่มขึ้นอย่างมากท่ามกลางสงครามกลางเมืองที่ดุเดือดที่สุดตลอดช่วงทศวรรษที่ 1980 จนในที่สุดกองกำลังของฮิซบุลลอฮ์ก็เข้มแข็งขึ้น จนสามารถเข้ามาแทนที่กองกำลังอะมัลในพื้นที่รอบๆ กรุงเบรุตได้
การต่อต้านกองกำลังอิสราเอลของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นขึ้นตามวันเวลา จากการทำสงครามตามรูปแบบ ก็เปลี่ยนมาเป็นใช้การสู้รบแบบกองโจร จนอิสราเอลไม่สามารถอดทนต่อความสูญเสียของฝ่ายตนได้ จึงตัดสินใจถอนทัพออกไปจากเลบานอนในปี 2000 นอกจากการต่อต้านอิสราเอลแล้ว ฮิซบุลลอฮ์ยังเข้าไปเล่นการเมือง โดยสามารถครองที่นั่งในรัฐสภาได้ถึง 23 ที่นั่ง จากทั้งหมด 128 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งปี 2005 รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและน้ำคนปัจจุบันก็เป็นสมาชิกของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ ความจริง กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ได้เข้ามามีบทบาททางการเมือง นับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งแรกหลังสงครามกลางเมืองในปี 1992 แล้ว อย่างไรก็ตาม เป้าประสงค์ที่แท้จริงของการก่อตั้งกลุ่มฮิซบุลลอฮ์คือ การปลดปล่อยเลบานอนจากการยึดครองของอิสราเอล
ฮิซบุลลอฮ์ถือว่าอิสราเอลเป็นรัฐที่ถือกำเนิดขึ้นอย่างผิดกฎหมาย เพราะได้มาจากการแย่งชิงดินแดนของชนชาติอื่น แม้ว่าอิสราเอลจะถอนกำลังออกไปจากเลบานอนแล้ว แต่ฮิซบุลลอฮ์ก็ยังมีอีก 2 ภารกิจที่จะต้องสะสาง คือปัญหาความขัดแย้งเหนือดินแดนชีห์บาอฺ ฟาร์ม (shebaa Farms) ที่ยังอยู่ภายใต้การยึดครองของอิสราเอล และการช่วยเหลือนักโทษชาวอาหรับที่ถูกอิสราเอลจับกุมไว้
ในประเด็นแรก ชีห์บาอฺ ฟาร์ม ตามทรรศนะของรัฐบาลเลบานอน ถือเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศ แต่ในขณะเดียวกัน อิสราเอลกลับอ้างว่าดินแดนนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีเรียที่ถูกอิสราเอล ยึดครองอยู่ ทั้งนี้ ชีห์บาอฺ ฟาร์ม ถือเป็นดินแดนที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ เพราะเป็นดินแดนที่อยู่สูงกว่าที่ราบสูงโกลาน (Golan Heights) ของซีเรีย ซึ่งเป็นดินแดนที่อิสราเอลยึดครองมาตั้งแต่หลังสงคราม 6 วันในปี 1967
ประเด็นต่อมา คือ เรื่องการช่วยเหลือนักโทษชาวอาหรับ ซึ่งมีจำนวนกว่า 10,000 คน ทั้งที่เป็นชาวปาเลสไตน์และชาวอาหรับรวมกัน ในจำนวนนี้มีนักโทษอยู่ประมาณ 2,000 คนที่เป็นชาวเลบานอน การแลกเปลี่ยนตัวประกันเกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อเยอรมันนีรับอาสาเป็นคนกลางในปี 2004 ในครั้งนั้น ปรากฏว่า อิสราเอลยอมปล่อยตัวประกันชาวอาหรับ 430 คน เพื่อแลกกับนายทหารอิสราเอล 3 นาย และนักธุรกิจอิสราเอลอีก 1 คน แต่ความจริงก็มีอยู่ว่า ตัวประกันชาวอาหรับที่ยังถูกอิสราเอลจับกุมโดยไม่มีการไต่สวนพิจารณาความผิดยังมีอยู่อีกเป็นจำนวนหลายพันคน ด้วยเหตุนี้ ฮัซซัน นัสรุลลอฮ์ จึงเตือนอิสราเอลมาตลอดว่า จะจับตัวประกันชาวอิสราเอลเพื่อแลกเปลี่ยนกับอิสรภาพของชาวอาหรับต่อไป
ฮิซบุลลอฮ์ไม่ใช่พรรคการเมืองตามความหมายของตะวันตก เพราะไม่ได้มีโครงสร้างพรรคอย่างเป็นทางการและไม่มีรายชื่อสมาชิกตายตัว แม้ว่าจะมีเป้าหมายเดียวกันกับพรรคการเมืองทั่วไปก็ตาม การให้ความสำคัญต่อบทบาทนักการศาสนา (อุลามาอฺ) ในสังคมนับเป็นลักษณะพื้นฐานของอุดมการณ์ของกลุ่ม ผู้นำของฮิซบุลลอฮ์เชื่อว่า มีเพียงนักการศาสนาเท่านั้นที่จะนำมาซึ่งสำนึกแห่งความเป็นอิสลาม หรือที่เรียกโดยกลุ่มฮิซบุลลอฮ์เองว่า สำนึกแห่งการสร้างเอกภาพ (the consciousness of unification) ความเชื่อนี้อธิบายถึงพลังอำนาจผูกขาดที่นักการศาสนามีอยู่ในพรรค
เชค อิบรอฮีม อัล-อมีน (Shaykh Ibranim al-Amin) เห็นว่า อำนาจของนักการศาสนานั้นไม่มีขอบเขตจำกัด สำหรับอุดมการณ์ของฮิซบุลลอฮ์แล้ว ความอยุติธรรมมีต้นเหตุปัญหามาจากมนุษย์ อันเป็นผลมาจากการที่คนบางกลุ่มกระทำต่อผู้อื่น พวกเขาเชื่อว่า ความยุติธรรมและความเท่าเทียมจะเกิดขึ้นได้ผ่านการพยายามของมนุษย์ โดยใช้กระบวนการการปฏิวัติ
หากจะพูดถึงกระแสความนิยมของคนเลบานอนที่มีต่อกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ คงต้องกล่าวว่าเนื่องจากฮิซบุลลอฮ์เป็นกลุ่มมุสลิมชีอะฮ์ ทำให้กลุ่มได้รับความนิยมชมชอบจากชาวมุสลิมชีอะฮ์ภายในประเทศ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้ของกรุงเบรุต และทางภาคใต้ของเลบานอน ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว กลุ่มฮิซบุลลอฮ์มีกิจกรรมการให้บริการแก่พลเรือนอย่างกว้างขวาง ทั้งในเรื่องการวิจัย การบริการด้านสาธารณสุข การศึกษา สวัสดิการสังคม และการสื่อสาร กิจกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นกิจกรรมที่เสริมส่งให้กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ได้รับความนิยมชมชอบ ได้รับการยอมรับและการสนับสนุนจากสังคมเลบานอนมากยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ความสำเร็จของฮิซบุลลอฮ์ที่สามารถขับไล่อิสราเอลออกไปจากประเทศในปี 2000 ก็ยิ่งเพิ่มกระแสความนิยมให้แก่ฮิซบุลลอฮ์เป็นอย่างมาก และจากการที่ซีเรียต้องถอดถอนกองกำลังออกไปจากเลบานอน ตามมติของสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อปลายปี 2006 ทำให้กองกำลังของกลุ่มอิซบุลลอฮ์เป็นกองกำลังที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในปัจจุบัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ชาวเลบานอนจำนวนมากจึงเชื่อว่า ผู้ที่จะปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศได้ ก็มีแต่กองกำลังของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์เท่านั้น
ในสายตาของโลกมุสลิมภายนอก ฮิซบุลลอฮ์ถือเป็นองค์กรหนึ่งในไม่กี่องค์กรที่สามารถท้าทายพลังอำนาจของอิสราเอล (ที่ได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐฯ) และเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จทั้งทางด้านสังคม การเมือง และการทหาร ฉะนั้น ยิ่งชาวเลบานอนถูกอิสราเอลทำร้ายมากเท่าใด ก็จะยิ่งเพิ่มกระแสความนิยมให้แก่กลุ่มฮิซบุลลอฮ์มากขึ้นเท่านั้น
แต่สำหรับสหรัฐฯ อิสราเอล อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลียแล้ว ฮิซบุลลอฮ์ คือกลุ่ม "ก่อการร้าย" ที่ไม่แตกต่างอะไรมากนักกับอัล-กออิดะฮ์ของอุซามะฮ์ บิน ลาดิน แม้ว่ารัฐบาลเลบานอนและอีกหลายๆ ประเทศจะให้การยอมรับฮิซบุลลอฮ์ ในฐานะที่เป็นขบวนการปลดปล่อยที่มีความชอบธรรมก็ตาม
โดย ดร.ศราวุฒิ อารีย์
ที่มา immjournal.com
แสดงความเห็น