วิลายะตุลฟะกีฮฺ ตอนที่ 2

วิลายะตุลฟะกีฮฺ ตอนที่  2

โดยซัยยิดมุบาร็อค ฮุซัยนี

ท่านอิมามโคมัยนี (รฮ) ได้สถาปนาระบอบการปกครองอิสลามที่มี “วะลียุลฟะกีฮ์เป็นประมุขสูงสุด” ขจัดปัดเป่าความเสื่อมโสมมทางศาสนาออกจนหมดสิ้น และคืนเกียรติยศอันสูงส่งให้กับชาวมุสลิมทั่วทั้งโลกอีกครั้งหนึ่ง อาทิเช่น

1-การคืนเกียรติยศให้กับสตรีที่คลุมฮิญาบ และให้นางมีบทบาทเท่ากับบุรุษเพศในเวทีสาธารณะ หลังจากสิทธิสตรีอิสลามถูกจำกัดภายในบ้านเพียงเท่านั้น จนสตรีมุสลิมมากมายมีโอกาสเข้าร่วมสังคมในทุกระดับชั้น

2-การนำเอาคัมภีร์อัลกุรอานมาเป็นธรรมนูญการปกครองและบังคับใช้

3-การปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ทั้งโลกและต่อสู้กับผู้กดขี่โดยมิได้จำกัดศาสนาและนิกาย ดังเช่นการตัดความสัมพันธ์กับประเทศแอฟริกาใต้ และให้การสนับสนุนต่อพี่น้องชาวปาเลสไตน์ การยกเลิกบรรษัทข้ามชาติ ที่เข้ามาสูบทรัพยากรธรรมชาติอย่างอยุติธรรม

4-การประกาศเป็นศัตรูอย่างชัดเจนกับรัฐเถื่อนไซออนิสต์

5-การประกาศให้ศุกร์สุดท้ายของเดือนรอมฏอนอันทรงเกียรติเป็นวันอัลกุดส์สากล

6-การจัดตั้งกองกำลังปฏิวัติเพื่อเป็นทหารรับใช้รัฐอิสลามจากการถูกรุกรานในทุกรูปแบบ

7-การจัดตั้งกองกำลังอาสาสมัครแห่งชาติ (บะซีจญ์)

เหล่านั้นคือบางส่วนเท่านั้นที่นำเสนอในที่นี้ เพราะการรับใช้ของมหาบุรุษท่านนี้ อิมามโคมัยนี (รฮ) ไม่มีผู้ใดสามารถจะถ่ายทอดผ่านน้ำหมึกลงในกระดาษได้ทั้งหมด

ศัตรูอิสลามจึงมีความพยายามทุกวิธีทางในการทำลายระบอบนี้ลง โดยมีวางแผนในระยะยาว เริ่มต้นคือการประกาศสนับสนุนชาฮ์ปาลาวี ในการจัดตั้งรัฐบาลผลัดถิ่น, ส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าไปในอิหร่านและสังหารแกนนำการปฏิวัติพร้อมก่อการจลาจล, สนับสนุนกลุ่มมุญาฮิดีนคัลก์หลังจากกลุ่มนี้ก่อกบฏต่อรัฐอิสลาม, ในยุคต้นของชัยชนะการปฏิวัติอิสลามจึงมีบรรดานักการศาสนาและนักปฏิวัติอิสลาม ถูกสังหารลงถึง 12,000 คน

ส่วนการเมืองระดับประเทศนั้น ศัตรูได้ปลุกปั่นอิรักให้เปิดศึกสงครามกับอิหร่าน และพร้อมด้วยเหล่าพันธมิตรแห่งซาตานถึง 65 ชาติ ต่างเข้าร่วมในสงครามครั้งนี้

สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน หลังจากการปฏิวัติบรรลุสู่ความสำเร็จ ต้องเผชิญทั้งศึกภายในกล่าวคือ การก่อจลาจล และการถูกลอบสังหารผู้นำและแกนนำการปฏิวัติ ทั้งศึกภายนอก คือสงครามกับเหล่าซาตานแห่งยุคสมัย แต่ด้วยพระหัตถ์แห่งพระผู้เป็นเจ้า ที่ประทานลงมาแด่ วลีอัมร์มุสลิมีน อิมามโคมัยนี (รฮ) ท่านจึงสามารถนำชัยชนะมาสู่แผ่นดินอิหร่าน และสามารถพิชิตศัตรูได้ทั้งภายในและภายนอก

หลายต่อหลายครั้งที่ท่านทำการตัดสินใจเสมือนกับมันคือหนึ่งในมุอ์ญิซาตของมุสฏอฟา (สิ่งพ้นญาณวิสัยแห่งศาสดา) ที่นักการศาสนาระดับแนวหน้าในขณะนั้น ต่างมึนงงต่อการตัดสินใจของท่าน เลือดของบรรดาผู้พลีในหนทางแห่งพระผู้เป็นเจ้าและวีรชนแห่งชาติ ต่างได้หลั่งลงบนพื้นแผ่นดินอิหร่านเกือบสามแสนคน และมันคือเลือดบริสุทธิ์ที่จะสร้างความชุ่มฉ่ำให้แก่นักปฏิวัติตลอดไป ตราบจนท่านอิมามมะฮฺดี (อ) จะปรากฏตัว และพร้อมจะหลั่งอีกคราเมื่อศัตรูมารุกราน เพราะมันคือสัตยาบันใจที่นักรบแห่งพระเจ้า ได้มอบไว้ให้แด่วลีอัมร์มุสลิมีนของพวกเขา ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) จึงกล่าวยกย่องเหล่าบรรดาผู้พลีในหนทางแห่งพระผู้เป็นเจ้าว่า “ บรรดาชะฮีดคือวีระบุรุษแห่งพระผู้เป็นเจ้าบนหน้าแผ่นดิน”

ระบอบ “วิลายะตุ้ลฟะกีฮ์” จึงเริ่มเป็นที่สนใจของบรรดาศัตรู เพราะเป็นระบบเดียวที่สามารถเชิญชวนประชาชนสู่สมรภูมิอย่างผู้กล้าหาญ เพราะคือระบอบเดียวที่ทำให้ความตายหอมหวานเสมือนน้ำผึ่งหลังจากเหตุการณ์อาชูรอ เพราะคือระบอบเดียวที่บิดามารดาส่งลูกออกไปปกป้องอิสลามอย่างผู้หาญกล้าเหมือนท่านหญิงซัยหนับ (อ) และอุมมุลบะนีน คือระบอบเดียว ที่สร้างผู้ถือธงอย่างต่อเนื่องมาตรว่าเขาจะถูกตัดแขนซ้ายหรือขวาก็ตาม และคือระบอบเดียวที่สามารถผลิตวีระบุรุษแห่งพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างต่อเนื่อง ฯลฯ ทั้งหลักฐานจากฮาดิษและอัลกุรอาน ต่างบ่งบอกถึงความสำคัญของระบอบวิลายะตุลฟะกีฮ์ต่ออำนาจการปกครองของรัฐหนึ่ง และทั้งเหตุผลทางด้านสติปัญญาที่ต่างยอมรับภาวะผู้นำในระบบเช่นนี้

ศัตรูอิสลามที่มาจากทุกหน่วยงาน และทุกองค์กรจึงเริ่มเข้าสู่การวางแผนในระยะยาว เพื่อหวังทำลายระบอบนี้ลง โดยมีสหรัฐ อิสราเอล อังกฤษ และอีกหลายชาติเข้าร่วม และดึงมันสมองจากองค์กรลับทั้งฟรีเมสัน, มอสสาด, ซีไออี, ซีเอ็ฟอาร์, เอ็มไอ6, จีไอพี เป็นคนวางแผนโดยใช้ยุทธศาสตร์ New world order และยุทธการอื่นๆ เป็นกลไกในการขับเคลื่อนครั้งนี้ และได้คลอดยุทธการออกมาเป็นระลอก 

แสดงความเห็น