รายงานพิเศษการปฏิวัติอิสลามกับโลกปัจจุบัน

สำนักข่าวทีวีชีอะฮ์ ฝ่ายข่าวต่างประเทศ รายงานจากประเทศไทย

ปมความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศมุสลิมทั่วโลกนั้น มีพื้นฐานมาจากอิทธิพลของรัฐชาติสมัยใหม่และอิทธิพลของโลกตะวันตกที่ขัดกับหลักคำสอน เป็นสาเหตุว่า ทำไมกลุ่มเคลื่อนไหวมุสลิม ส่วนใหญ่อ้างความชอบธรรมในการขับไล่

"การปฏิวัติอิหร่าน" ที่เกิดขึ้นในปี 2522 นับเป็นต้นแบบของการปฏิวัติอิสลาม ที่ประสบผลสำเร็จ

ผศ.ดร.จุฬศพงศ์ จุฬารัตน์ อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬา ลงกรณ์มหาวิทยาลัยเล่าให้ฟังในงานเสวนา เรื่อง "การปฏิวัติอิสลามอิหร่านกับโลกปัจจุบัน" ว่า การปฏิวัติของอิหร่านเป็นเหมือนการจุดไฟ แห่งความหวังให้กับชาติมุสลิมอื่นๆ ที่ต่างก็ประสบกับการถูกกดขี่จากชาติตะวันตก ซึ่งริดรอนวิถีแบบอิสลาม และบทบาทของผู้นำทางศาสนาการปฏิวัติอิหร่านก่อให้เกิดผลกระทบไปทั่วโลก อาทิ เกิดผู้นำทางศาสนาที่มีบทบาทเรียกร้องให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และปลดแอกกลุ่มมุสลิมออกจากอำนาจของชาติตะวันตก เช่น โอซามา บิน ลาเดน ในอัฟกานิสถาน โกฮา ชาฮีร์ ในปากีสถาน และ อับดุล อาซิส อัง ฮาคิม ในอิรัก

ทำให้เกิดการแผ่ขยายของแนวคิดปฏิวัติอิสลาม และการเคลื่อน ไหวทางศาสนามากขึ้น มีการใช้คำสอนเป็นพลังในการต่อสู้หรือจิฮัด จนเกิดเป็นกลุ่มนักรบติดอาวุธ การก่อเหตุความรุนแรงของเครือข่าย ฮิซบัลเลาะห์ในซีเรียและตะวันออกกลาง และเครือข่ายเจมาห์ อิสลามิยาทางใต้ของไทยและแหลมมลายู

นอกจากนี้ยังเป็นต้นแบบการปลดแอกจากอำนาจในหลายๆ กลุ่ม อาทิ กลุ่มแนวร่วมปลดแอก (ซานดินิสต้า) ในนิการากัว ขบวนการแบ่งแยกดินแดนในไอร์แลนด์เหนือ และการเคลื่อนไหวของนายเนลสัน แมนเดลา ในแอฟริกาใต้

ในอดีตอิหร่านถูกท้าทายจากอิทธิพลชาติตะวันตกอย่างรุนแรง ตั้งแต่สมัยก่อนและหลังสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง โดยอังกฤษและรัสเซียเป็นมหาอำนาจที่เข้ามาในอิหร่านยุคแรก และเข้าแทรกแซงการเมืองภายใน ปฏิรูปตามตะวันตกให้เป็นระบอบรัฐสภา

ขณะเดียวกันก็เข้าควบคุมเศรษฐกิจผ่านธนาคารกลางและบริษัทแองโกล-เปอร์เชียน ออยล์ รวมทั้งพยายามแบ่งอิหร่านเป็น 2 ฝ่าย เพื่อใช้เป็นฐานขยายอำนาจในภูมิภาค

ด้วยความต้องการถ่วงดุล อำนาจ ชาห์โมฮัมหมัด เรซา กษัตริย์องค์สุดท้ายของอิหร่านดึงสหรัฐ มหาอำนาจใหม่เข้ามา แต่ขณะนั้นความรู้สึกชาตินิยมเริ่มก่อตัวขึ้นแล้วในหมู่ชาวอิหร่านที่มองว่านโยบายการทำตัวให้เป็นชาติตะวันตกของชาห์นั้นไม่สอดคล้องกับวิถีอิสลาม

ชาวอิหร่านถูกกดขี่ทางอ้อมบังคับให้ปฏิบัติตามวิถีตะวันตก บางส่วนละเลยธรรมเนียมปฏิบัติที่สั่งสอนโดยอิหม่าม ตลอดจนภาพของราชวงศ์ และชนชั้นสูงที่ถูกนำเสนอในแบบตะวันตก

ชาวมุสลิมหลายแสนคนออกมาต่อต้าน แต่ ชาห์เรซากลับใช้วิธีรุนแรง สั่งจำคุกผู้นำศาสนาไปจนถึงการเนรเทศ อยาตุลลอฮ์ โคไมนี ผู้นำทางศาสนาที่ได้รับความนับถืออย่างสูง

จุดชนวนให้ชาวอิหร่านหลายล้านคนประท้วงขับไล่ชาห์เรซา จนต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ

การปฏิวัติอิหร่านสิ้นสุดลง หลังพระเจ้าชาห์เรซา ถูกถอดออกจากตำแหน่ง และโคไมนี ได้รับการสถานปนาให้เป็นผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ทั้งในทางการเมืองและศาสนา

อิทธิพลของการปฏิวัติอิหร่านจึงเป็นเหมือนประกายแห่งความหวังให้กับกลุ่มเคลื่อนไหวมุสลิมในหลายประเทศ ที่เชื่อว่าพลังศรัทธาและคำสอนของผู้นำศาสนา จะช่วยนำพาให้เกิดความสำเร็จในการขจัดภัยคุกคามและอิทธิพลของตะวันตก รวมทั้งการเข้ามาของรัฐชาติสมัยใหม่

ที่มาข่าวสดออนไลน์

 

 

 

แสดงความเห็น