๔๐ หะดีษจากท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ตอนที่ ๒

๔๐ หะดีษจากท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ตอนที่ ๒


๑๔. นักปราชญ์ที่มีความละโมบต่อโลก

أَوْحَى اللّهُ إِلى داوُدَ(عليه السلام) لا تَجْعَلْ بَيْنى وَ بَيْنَكَ عالِمًا مَفْتُونًا بِالدُّنْيا فَيَصُدَّكَ عَنْ طَريقِ مَحَبَّتى فَإِنَّ أُولئِكَ قُطّاعُ طَريقِ عِبادِى الْمُريدينَ، إِنَّ أَدْنى ما أَنـَا صانِعٌ بِهِمْ أَنْ أَنـْزَعَ حَلاوَةَ مُناجاتى عَنْ قُلوبِهِمْ

ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า อัลลอฮฺทรงมีวิวรณ์แก่ดาวูดว่า จงอย่าให้นักปราชญ์ที่มีความละโมบต่อโลกเป็นสื่อกลางระหว่างฉันกับเจ้า ซึ่งจะเป็นสาเหตุสกัดกั้นเจ้าออกจากหนทางแห่งมิตรภาพของฉัน เพราะว่าพวกเขาได้ปล้นสมดภ์ความอยากรู้อยากเห็นไปปวงบ่าวที่รักยิ่งของฉัน แน่นอนสิ่งเล็กน้อยที่สุดที่ฉันจะทำกับพวกเขาคือถอดถอนความหวานชื่นในมะนาญาตของฉันออกจากจิตใจของพวกเขา.

หมายเหตุ มะนาญาตหมายถึงการวิงวอนในสิ่งที่ตนปรารถนา คำรำพันที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า และรวมไปถึงการวิงวอนขออภัยในความผิดบาป


๑๕. ผลของความเชื่อมั่น (ยะกีน)

لَوْ كُنْتُم تُوقِنُونَ بِخَيْرِ الاْخِرَةِ وَ شَرِّها كَما تُوقِنُونَ بِالدُّنيا لاَثَرْتُمْ طَلَبَ الآخِرَةِ

ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ถ้าหากเจ้าเป็นผู้ที่มีความเชื่อมั่นในความดี และความชั่วของโลกหน้า ดังเช่นที่ท่านมีความเชื่อต่อความดีโลก เจ้าต้องเลือกโลกหน้าอย่างแน่นอน.


๑๖.คำถามแรกในวันกิยามะฮฺ

لا تَزُولُ قَدَمَا الْعَبْدِ يَوْمَ القِيمَةِ حَتّى يُسْأَلَ عَنْ أَرْبَع: عَنْ عُمْرِهِ فيما أَفـْناهُ، وَ عَنْ شَبابِهِ فيما أَبـْلاهُ، وَ عَنْ عِلْمِهِ كَيْفَ عَمِلَ بِهِ، وَ عَنْ مالِهِ مِنْ أَيـْنَ اكْتَسَبَهُ وَ فيما أَنـْفَقَهُ، وَ عَنْ حُبِّنا أَهـْلَ الْبَيْتِ

ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ไม่มีบ่าวคนใดในวันกิยามะฮฺจะได้ก้าวเดิน จนกว่าเขาจะถูกถาม คำถามสี่ข้อ ดังนี้

(๑) จะถามเกี่ยวกับชีวิตของเจ้าว่า ได้ใช้ชีวิตไปบนหนทางไหน

(๒) จะถามเกี่ยวกับความหนุ่มว่าเจ้าได้ใช้ความหนุ่มให้หมดไปอย่างไร

(๓) จะถามเกี่ยวกับทรัพย์สินว่า เจ้าได้ทรัพย์สินมาอย่างไร และใช้ไปในหนทางไหน

(๔) จะถามเกี่ยวกับความรักที่มีต่อเรา อหฺลุลบัยตฺ


๑๗. ยืนหยัดในภารกิจการงาน

وَ لكِنَّ اللّهَ يُحِبُّ عَبْدًا إِذا عَمِلَ عَمَلاً أَحـْكَمَهُ

ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) เมื่อได้ฝังร่างของ สะอฺดิบนิ มะอาซ เสร็จแล้วท่านได้กล่าวว่า รู้ไหมอีกไม่นานหลุมฝังศพของเขาก็จะทรุดพังหมดสิ้น สิ่งที่เราได้ตบแต่งไว้มันก็จะพังหมด แต่ทว่า “อัลลอฮฺทรงรักปวงบ่าวที่เมื่อปฏิบัติภารกิจแล้ว เขายืนหยัดต่อการปฏิบัติของตน”


๑๘. ความตายเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่

أَلنّاسُ نِيامٌ إِذا ماتُوا انْتَبَهُوا

ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ประชาชนส่วนมากจะหลับใหล แต่เมื่อความตายได้มาสู่เขาก็จะตื่นขึ้น.


๑๙. การกระทำที่เป็นเหตุของผลบุญ

سَبْعَةُ أَسـْباب يُكْسَبُ لِلْعَبْدِ ثَوابُها بَعْدَ وَفاتِهِ:رَجُلٌ غَرَسَ نَخْـلاً أَوْ حَـفَـرَ بِئْـرًا أَوْ أَجْرى نَهْـرًاأَوْ بَنـى مَسْجِـدًا أَوْ كَتَبَ مُصْحَفًا أَوْ وَرَّثَ عِلْمًاأَوْ خَلَّفَ وَلَـدًا صالِحـًا يَسْتَغْفِرُ لَـهُ بَعْـدَ وَفاتِـهِ

ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ภารกิจเจ็ดประการหากใครได้กระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเขาตายไปเขาจะได้รับผลบุญของภารกิจทั้งเจ็ดนั้นได้แก่ *ผู้ที่ได้ปลูกต้นไม้ (ที่มีผล) * ผู้ที่ได้ขุดบ่อน้ำ * ผู้ที่ได้ทำให้น้ำในแม่น้ำลำคลองไหล * ผู้ที่ได้สร้างมัสญิด * ผู้ที่ได้เขียนอัล-กุรอาน * ผู้ที่ได้มอบความรู้ของตนไว้เป็นมรดก * ผู้ที่ได้ทิ้งบุตรที่ซอลิหฺไว้ให้ทำการขออภัยเมื่อยามที่ตนได้จากไป.


๒๐. ความเจริญผาสุก

طُوبى لِمَنْ مَنَعَهُ عَيـْبـُهُ عَنْ عُيـُوبِ الْمُـؤْمِنينَ مِنْ إِخْوانِهِ طُوبى لِمَنْ أَنـْفَقَ الْقَصْدَ وَ بَذَلَ الفَضْلَ وَ أَمْسَكَ قَولَهُ عَنِ الفُضُولِ وَ قَبيحِ الْفِعْلِ

ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ความผาสุกเป็นของผู้ที่ข้อตำหนิของเขาได้เป็นอุปสรรคต่อการเผยข้อบกพร่องของพี่น้องผู้ศรัทธา

ความผาสุกเป็นของผู้ที่ได้หยิบจ่ายใช้สอยแต่พอดี (ไม่ตระหนี่หรือสุรุ่ยสุร่าย) บริจาคส่วนที่เหลืออยู่ หลีกเลี่ยงการพูดมาก คำพูดที่ไม่ดี และการกระทำความผิด.


๒๑. ความรักที่มีต่ออาลิมุฮัมมัด (ลูกหลานท่านศาสดา)

مَنْ ماتَ عَلى حُبِّ آلِ مُحَمَّد ماتَ شَهيـدًا.

أَلا وَ مَنْ ماتَ عَلى حُبِّ آلِ مُحَمَّد ماتَ مَغْفُورًا لَهُ.

أَلا وَ مَنْ ماتَ عَلى حُبِّ آلِ مُحَمَّد ماتَ تائِبـًا.

أَلا وَمَنْ ماتَ عَلى حُبِّ آلِ مُحَمَّد ماتَ مُؤْمِنًا مُسْتَكْمِلَ الإِيمانِ.

أَلا وَ مَنْ ماتَ عَلى بُغْضِ آلِ مُحَمَّد جاءَ يَوْمَ الْقِيمَةِ مَكْتُوبٌ بَيْنَ عَيْنَيْهِ مَأْيُوسٌ مِنْ رَحْمَةِ اللّهِ.

أَلا وَ مَنْ ماتَ عَلى بُغْضِ آلِ مُحَمَّد لَمْ يَشُمَّ رائِحَةَ الْجَنَّةِ

· ผู้ที่ตายบนความรักที่มีต่ออาลิมุฮัมมัด เขาได้ตายอย่างชะฮีด

· พึงสังวรไว้เถิดว่าผู้ที่ตายบนความรักที่มีต่ออาลิมุฮัมมัด ตายอย่างผู้ที่ได้รับการอภัย

· พึงสังวรไว้เถิดว่าผู้ที่ตายบนความรักที่มีต่ออาลิมุฮัมมัด ตายอย่างผู้กลับตัวกลับใจ

· พึงสังวรไว้เถิดว่าผู้ที่ตายบนความรักที่มีต่ออาลิมุฮัมมัด ตายอย่างผู้ทีมีอีมานสมบูรณ์

· พึงสังวรไว้เถิดว่าผู้ที่ตายบนความเกียจชังที่มีต่ออาลิมุฮัมมัด ในวันกิยามะฮฺเมื่อเขาเข้ามาสู่สนามสอบสวนบนหน้าผากระหว่างคิ้วของเขาจะเขียนว่า ผู้หมดหวังในเมตตาของอัลลอฮฺ

· พึงสังวรไว้เถิดว่าผู้ที่ตายบนความเกียจชังที่มีต่ออาลิมุฮัมมัด เขาจะไม่ได้กลิ่นอายของสวรรค์


๒๒. คำพูดที่ไม่ดีของสามีภรรยา

أَيُّمَا امْرَأَة أَذَتْ زَوْجَها بِلِسانِها لَمْ يَقْبَلِ اللّهُ مِنْها صَرْفًا وَ لا عَدْلاً وَ لا حَسَنَةً مِنْ عَمَلِها حَتّى تُرْضِيَهُ وَ إِنْ صامَتْ نَهارَها وَ قامَتْ لَيْلَها وَ كانَتْ أَوَّلَ مَنْ يَرِدُ النّارَ وَ كَذلِكَ الرَّجُلُ إِذا كانَ لَها ظالِمًا

ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ภรรยาคนใดที่ได้พูดจาร้ายกาจกับสามีของเธอ อัลลอฮฺจะไม่รับการตอบแทน การและเปลี่ยน และคุณความดีจากการงานของเธอจนกว่าสามีของเธอจะอภัยให้ แม้ว่าในตอนกลางวันเธอจะถือศีลอด และดำรงอิบาดะฮฺในตอนกลางคืนก็ตาม เธอคือบุคคลแรกที่ถูกโยนลงนรก และทำนองเดียวกันสามีที่กดขี่ภรรยาของตน.


๒๓. ภรรยาที่บังคับให้สามีทำในสิ่งที่ไร้ความสามารถ

أَيُّمَا امْرَأَة لَمْ تَرْفُقْ بِزَوْجِها وَ حَمَلَتْهُ عَلى ما لا يَقْدِرُ عَلَيْهِ وَ ما لا يُطيقُ لَمْ تُقْبَلْ مِنْها حَسَنَةٌ وَ تَلْقَى اللّهَ وَ هُوَ عَلَيْها غَضْبانُ

ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ภรรยาที่ไม่มีความพอควรกับสามีของตน เธอได้ให้สามีทำในสิ่งที่เขาไร้ความสามารถ อัลลอฮฺจะไม่ตอบรับคุณความดีของเธอ ในวันกิยามะฮฺเธอจะได้พบกับอัลลอฮฺ ขณะที่พระองค์ทรงโกรธกริ้วเธอ.


๒๔. ภารกิจแรกที่ถูกสวบสวนในวันกิยามะฮฺ

أَوَّلُ ما يُقْضى يَوْمَ القِيمَةِ الدِّماءُ

ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ภารกิจแรกที่ถูกสอบสวนในวันกิยามะฮฺคือ เลือดที่ได้ถูกหลั่งโดยไม่เป็นธรรม.


๒๕. การไร้ความเมตตา

إِطَّلَعْتُ لَيْلَةَ أَسْرى عَلَى النّارِ فَرَأَيْتُ امْرَأَةً تُعَذَّبُ فَسَأَلْتُ عَنْها فَقيلَ إِنَّها رَبَطَتْ هِرَّةً وَ لَمْ تُطْعِمْها وَ لَمْ تَسْقِها وَ لَمْ تَدَعْها تَأْكُلُ مِنْ خَشاشِ الاَْرْضِ حَتّى ماتَتْ فعَذَّبَها بِذلِكَ وَ اطَّلَعْتُ عَلَى الْجَنَّةِ فَرَأَيْتُ امْرَأَةً مُومِسَةً يَعنى زانِيَةً فَسَأَلْتُ عَنْها فَقيلَ إِنَّها مَرَّتْ بِكَلْب يَلْهَثُ مِنَ الْعَطَشِ فَأَرْسَلَتْ إِزارَها فى بِئْر فَعَصَرَتْهُ فى حَلْقِهِ حَتّى رَوِىَ فَغَفَرَ اللّهُ لَها

ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ในค่ำมิอฺรอจฉันได้เห็นนรก ซึ่งมีหญิงคนหนึ่งกำลังถูกลงโทษอยู่ ฉันได้ถามสารทุกข์สุขดิบของเธอได้รับคำตอบว่า เธอได้จับแมวขังไว้โดยไม่ให้อาหารและน้ำดื่ม และไม่ได้ปล่อยมันให้เป็นอิสระเพื่อว่าแมวตัวนั้นจะได้หาอาหารกินจนกระทั่งมันได้ตายไป อัลลอฮฺจึงลงโทษเธอเพราะความผิดดังกล่าว. และฉันได้เห็นสวรรค์ ซึ่งในนั้นมีหญิงสกปรกคนหนึ่ง (หญิงผิดประเวณี) ฉันได้ถามสารทุกข์สุขดิบของเธอ ได้รับคำตอบว่า เธอได้เดินผ่านสุนัขที่กำลังกระหายน้ำนอนลิ้นห้อยตัวหนึ่ง เธอจึงเอาเสื้อของเธอไปชุบน้ำในบ่อ แล้วนำน้ำนั้นมาให้สุนัขกิน จนกระทั่งสุนัขนั้นได้หายหิว และอัลลอฮฺได้อภัยโทษในความผิดของเธอด้วยการกระทำดังกล่าว.


๒๖. การไม่ตอบรับการกระทำที่ไม่บริสุทธิ์ใจ

إِذا كانَ يَوْمُ الْقِيمَةِ نادى مُناد يَسْمَعُ أَهْلُ الْجَمْعِ أَيْنَ الَّذينَ كانُوا يَعْبُدُونَ النّاسَ قُومُوا خُذُوا أُجُورَكَمْ مِمَّنْ عَمِلْتُمْ لَهُ فَإِنّى لا أَقـْبـَلُ عَمَلاً خالَطَهُ شَىْءٌ مِنَ الدُّنْيا وَ أَهْلِها

ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า เมื่อวันกิยามะฮฺได้มาถึงจะมีผู้ร้องเรียกส่งเสียงขึ้น ประชาชนทั้งหมดจะได้ยินเสียงนั้น เขาจะส่งเสียงว่า โอ้เจ้าพวกเคารพบูชาผู้คนเอ๋ยพวกเจ้าอยู่ที่ไหน จงลุกขึ้นมาซิ มาเอารางวัลของเจ้าจากผู้ที่เจ้าได้เคารพบูชาพวกเขา เพราะฉันไม่ยอมรับการกระทำที่มันผสมผสานกับโลกแห่งวัตถุและพวกของมัน.

หมายเหตุ หมายถึงการกระทำของพวกที่ชอบโอ้อวด อยากได้หน้ากับคนอื่น โดยลืมนึกถึงอัลลอฮฺแม้ว่าเขาจะบริจาคทรัพย์สินสฤงคารจำนวนมากมายเขาก็จะไม่ได้รับการตอบแทนแต่อย่างไร เพราะสิ่งที่เขาได้ทำลงไปไม่ได้ทำเพื่ออัลลอฮฺ แต่ทว่าเขาได้ทำเพื่อคนอื่น หรือสิ่งอื่น.


๒๗. ความละโมบต่อโลกเป็นตัวทำให้การงานเสีย

لَيَجيئَنَّ أَقوامٌ يَوْمَ الْقِيمَةِ وَ أَعْمالُهُمْ كَجِبالِ تِهامَة فَيُؤْمَرُ بِهِمْ إِلَـىالنّارِ قالُوا يا رَسـُولَ اللّهِ مُصَلّينَ؟ قالَ نَعَمْ يُصَلُّونَ وَ يَصُومُونَ وَيَأْخُذُونَ هِنْـأً مِنَ اللَّيْلِ فَـإِذا عَرَضَ لَهُمْ شَىْءٌ مِنَ الـدُّنْيا وَثَبُوا عَلَيْهِ

ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ในวันกิยามะฮฺจะมีประชาชนกลุ่มหนึ่งถูกนำตัวออกมาตัดสิน คุณงามความดีที่เขาได้สั่งสมประดุจดังภูเขาตะฮามะฮฺ ซึ่งได้มีบัญชาให้นำสิ่งเหล่านั้นไปลงนรก บรรดาศ่อฮาบะฮฺได้พูดว่าโอ้ท่านศาสดา พวกเขาทำนมาซน่ะ ท่านศาสดา ตอบว่า แน่นอนพวกเขาได้ทำนมาซ ได้ถือศีลอด ได้ตื่นในตอนกลางคืน (เพื่อดำรงอิบาดะฮฺ) แต่เมื่อเอาบางสิ่งแห่งโลกวัตถุไปล่อ พวกเขาก็จะกระโจนเข้าหาทันทีเพื่อให้ไปถึงมัน.

หมายเหตุ ตะฮามะฮฺชื่อภูเขาที่อยู่ในมักกะฮฺ

 

แสดงความเห็น