มารยาทอันสมบูรณ์แบบของท่านอับบาส อิบนุ อะลี
มารยาทอันสมบูรณ์แบบของท่านอับบาส อิบนุ อะลี
ท่านอบุลฟัฎล์ อัลอับบาส จะไม่นั่งเคียงข้างท่านอิมามฮุเซน (อ.) โดยปราศจากการขออนุญาตจากท่าน และภายหลังจากได้รับอนุญาตให้นั่งแล้ว ท่านจะนั่งลงเหมือนกับบ่าวผู้ถ่อมตนที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเจ้านายของตน
หนึ่งในเคล็ดลับของความสำเร็จในชีวิตของบรรดาผู้ที่ประสบความสำเร็จแล้วนั้น สามารถกล่าวได้ว่า คือ เรื่องของ “มารยาท” (อาดาบ) ซึ่งได้ถูกย้ำไว้อย่างมากมายในคำรายงาน (ริวายะฮ์) ต่าง ๆ ของอิสลาม และสามารถจะมีผลกระทบอย่างมากมายในในการดำเนินชีวิตของคนเรา
หนึ่งในคำจำกัดความต่าง ๆ ที่ถูกอธิบายโดยบรรดาท่านอิมาม (อ.) ในประเด็นที่เกี่ยวกับมารยาทนั้น คือฮะดีษบทหนึ่งจากท่านอิมามญะวาด (อ.) ซึ่งท่านกล่าวว่า :
الاْدَبُ عِنْدَ النّاسِ النُّطْقُ بِالْمُسْتَحْسَناتِ لا غَیْرُ، وَ هذا لا یُعْتَدُّ بِهِ ما لَمْ یُوصَلْ بِها إلی رِضَااللهِ سُبْحانَهُ، وَ الْجَنَّةِ، وَ الاْدَبُ هُوَ أدَبُ الشَّریعَهِ، فَتَأدَّبُوا بِها تَكُونُوا أُدَباءَ حَقّاً
“(ความหมายและความเข้าใจเกี่ยวกับ) มารยาทในทัศนะของประชาชนนั้น คือ การพูดจาที่นิ่มนวลและสวยงามเพียงเท่านั้น ในขณะที่สิ่งนี้ไม่อาจถูกนับ ทั้งนี้เนื่องจากมันไม่อาจนำไปสู่ความพึงพอพระทัยของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมหาบริสุทธิ์และสรวงสวรรค์ได้ แต่ทว่ามารยาทนั้น คือ การระวังรักษาและการปฏิบัติตามบทบัญญัติของศาสนา ดังนั้นท่านทั้งหลายจงฝึกฝนอบรมตนด้วยสิ่งนี้ แล้วพวกท่านจะเป็นผู้มีมารยาทอย่างแท้จริง” (อิรชุลกูลูบ, ดัยละมี, หน้าที่ 160)
ในคำรายงาน (ริวายะฮ์) ต่าง ๆ ของอิสลาม หนึ่งในมรดกที่ล้ำค่าที่สุดที่ผู้เป็นพ่อสามารถมอบให้ลูก ๆ ของตนนั้น ได้ถูกแนะนำไว้ว่ามันคือมารยาท ถึงขั้นที่ท่านอมีรุลมุอ์มินีน อะลี บินอบีฏอลิบ (อ.) ได้กล่าวว่า :
«لا میراث کالادب»
“ไม่มีมรดกใดที่จะเลอเลิศเหมือนดั่งมารยาท (และการอบรมขัดเกลา)”
(นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์, ฮิกมะฮ์ที่ 13)
ในทัศนะของอิสลามถือว่า มารยาทและการอบรมขัดเกลาบุตรหลานนั้น มีคุณค่ายิ่งกว่าการสนองตอบความต้องการต่าง ๆ ทางด้านร่างกายและวัตถุ ในฮะดีษอีกบทหนึ่งท่านได้กล่าวว่า :
ما نحل والد ولدا نحلا افضل من ادب حسن
“ไม่มีสิ่งใดที่ผู้ให้กำเนิดจะมอบเป็นของขวัญให้แก่บุตรที่จะประเสริฐยิ่งไปกว่าการมีมารยาทที่ดี”
(มุสตัดร็อก อัลวะซาอิล, เล่มที่ 15, หน้าที่ 165)
คุณลักษณะนี้ คือหนึ่งจากคุณลักษณะที่สำคัญและเด่นชัดที่สุดที่มีอยู่ในตัวท่านกอมัร บนีฮาชิม หรือท่านอบุลฟัฎล์ อัลอับบาส (อ.) ตลอดช่วงชีวิตของท่าน และในตลอดอายุขัยของท่านนั้น ท่านได้พยายามระวังรักษามารยาทด้วยวิธีการที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ทั้งต่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งและทั้งต่อปวงบ่าวของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อท่านอบาอับดิลลาฮ์ อิมามฮุเซน (อ.) ผู้เป็นพี่ชายของตน และท่านคือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของบรรดาผู้ที่เป็นไปตามคำพูดของท่านอิมามญะวาด (อ.) ได้แสดงให้เห็นถึงมารยาทของตนในระดับสูงสุด ด้วยการระวังรักษาบทบัญญัติและประเด็นต่าง ๆ ของศาสนาและการปฏิบัติตามคำสั่งต่าง ๆ ของพระผู้เป็นเจ้า
คุณลักษณะที่สำคัญและเป็นจุดเด่นเฉพาะตัวนี้ สามารถพบเห็นได้ในมิติต่าง ๆ แห่งการดำเนินชีวิตของท่านอับบาส (อ.) ซึ่งในที่นี้จะขอชี้ให้เห็นตัวอย่างบางส่วนจากมิติเหล่านั้นในชีวิตของมหาบุรุษท่านนี้
1.มารยาทในการเชื่อฟังปฏิบัติตาม
ท่านอบัลฟัฎลิ์ อัลอับบาส (อ.) นั้น ทั้งในการเชื่อฟังปฏิบัติตามคำสั่งต่าง ๆ ของพระผู้เป็นเจ้าและทั้งในการเชื่อฟังและปฏิบัติตามผู้นำ (อิมาม) ของตน ถือว่าอยู่ในแนวหน้าและนำหน้าประชาชนทั้งหมดในยุคสมัยของตน โดยที่เมื่อท่านอมีรุ้ลมะอ์มินีน อะลี (อ.) ได้ขอให้ท่านอะกีลน้องชายของตนช่วยคัดเลือกสตรีคนหนึ่งเพื่อมาเป็นภรรยาของตน โดยที่ท่านคาดหวังว่า คุณลักษณะของการเชื่อฟังปฏิบัติตามและให้การช่วยเหลือท่านอิมามฮุเซน (อ.) หัวหน้าบรรดาชะฮีด (ผู้พลีชีพ) จะเป็นส่วนหนึ่งจากคุณลักษณะต้น ๆ ของบุตรที่จะถือกำเนิดขึ้นมาจากภรรยาในอนาคตของตน โดยท่านกล่าวว่า :
اُریدُ مِنکَ أن تَختِبَ لی إمرَآةً مِن ذَوِ البُیوتِ وَ الحَسبِ وَ النَّسَبِ وَ الشُّجاعَة لِکَی اُسیبَ مِنها وُلدا یَکونُ شجاعاً أضُدا یَنصُرَ وَلَدیَ الحُسَین لِیُواصیهِ لِنَفسِهِ فی طَفِّ کَربلا
“ฉันต้องการให้ท่านคัดเลือกสตรีคนหนึ่งจากผู้ที่มีบ้านเรือน มีชาติตระกูล มีสายตระกูลที่ดีงามและมีความกล้าหาญ เพื่อที่นางจะได้ให้กำเนิดบุตรแก่ฉันที่มีความกล้าหาญและมีความเข้มแข็ง ซึ่งเขาจะให้การช่วยเหลือฮุเซนบุตรของฉัน เพื่อที่เขา (ฮุเซน) จะมอบภารกิจแก่เขาให้ปฏิบัติแทนตนในแผ่นดินกัรบะลา”
ท่านอับบาสได้ไปถึงระดับหนึ่งของมารยาทในการเชื่อฟังและการปฏิบัติตาม โดยที่ในคำรายงาน (ริวายะฮ์) บทหนึ่งได้ฉายภาพบุคลิกภาพอันสูงส่งนี้ของท่านให้ทุกคนได้เห็นโดยกล่าวว่า :
“ท่านอบุลฟัฎล์ อัลอับบาส จะไม่นั่งเคียงข้างท่านอิมามฮุเซน (อ.) โดยปราศจากการขออนุญาตจากท่าน และภายหลังจากได้รับอนุญาตให้นั่งแล้ว ท่านจะนั่งลงเหมือนกับบ่าวผู้ถ่อมตนที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเจ้านายของตน” (มะอาลิซซิมฏ็อยน์, เล่มที่ 1 , หน้าที่ 443)
จวบจนกระทั่งวินาทีสุดท้าย ในวันอาชูรอที่ท่านอับบาสได้อยู่เคียงข้างอิมาม (ผู้นำ) ของตน และคอยให้การพิทักษ์ปกป้องนาย (เมาลา) ของตนและค่ายพักต่าง ๆ ของเหล่าสตรีและเด็ก จนกระทั่งเมื่อลูกหลานและบรรดาผู้ช่วยเหลือผู้ซื่อสัตย์ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ได้เสียชีวิตลงจนหมดสิ้นแล้ว ท่านไม่อาจที่จะอดทนต่อไปได้และได้ขออนุญาตท่านอิมามฮุเซน (อ.) เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อจะออกสู่สนามรบ
ท่านได้ไปถึงตำแหน่งอันสูงส่งของมารยาทในการเชื่อฟังและการปฏิบัติตามผู้นำ โดยที่ท่านอิมามซัจญาด (อ.) ได้กล่าวเกี่ยวกับบุคลิกภาพของบุรุษแห่งพระเจ้าท่านนี้ได้เช่นนี้ว่า :
رَحِمَ الله عمِّي العبّاس، فلقد آثر وأبْلي وَ فَدي أخاهُ بِنَفسِهِ حَتّي قُطِعَتْ يداه، فَأبْدَلَهُ اللهُ عزّ و جلّ بها جناحَيْن يَطِير بهما مع الملائکة في الجنّة، کما جَعَل لِجعفر بْن أبي طالب، و انّ للعباس عندالله تبارک و تعالي منزلة يَغْبِطُهُ بها جميعُ الشُّهداءِ يَوْمَ الْقِيامَةِ
“ขออัลลอฮ์ทรงเมตตาท่านอับบาสน้าชายของฉัน แน่นอนยิ่งท่านได้เสียสละ แบกรับความเจ็บปวดและได้พลีอุทิศชีวิตของตนเองแด่พี่ชายของตน จนกระทั่งแขนทั้งสองของท่านได้ถูกตัดขาด ดังนั้นอัลลอฮ์ (ผู้ทรงเกริกเกียรติผู้ทรงเกรียงไกร) ได้ทรงมอบสองปีกให้ท่านเพื่อโบยบินอยู่ในสวรรค์ร่วมกับมะลาอิกะฮ์ (ทวยเทพ) เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงประทานให้แก่ท่านญะอ์ฟัร บุตรของท่านอบีฏอลิบ และแท้จริงสำหรับท่านอับบาสนั้นมีตำแหน่ง (อันสูงส่ง) ณ อัลลอฮ์ (ผู้ทรงจำเริญผู้ทรงสูงส่ง) ที่บรรดาชะฮีด (ผู้พลีชีพ) ทั้งมวลจะรู้สึกอิจฉา (อยากได้เหมือน) ท่านในตำแหน่งนั้น” (อัล-อามาลี , เชคซอดูก , หน้าที่ 462)
ท่านอับบาสพยายามที่จะอยู่เคียงข้างท่านอิมามฮุเซน (อ.) พี่ชายของตนเองตลอดเวลาเพื่อคอยรับใช้และให้การช่วยเหลือท่าน ในช่วงเวลาที่ท่านได้ถูกเชิญตัวไปเพื่อให้สัตยาบันต่อยาซีดนั้น ท่านอับบาสคือบุคคลผู้หนึ่งที่ได้ร่วมเดินทางไปกับพี่ชายของตนจนถึงดารุ้ลอิมาเราะฮ์ (ตำหนักผู้ปกครอง) และเมื่อท่านอิมาม (อ.) ได้ออกเดินทางจากมครมะดีนะฮ์มุ่งสู่นครมักกะฮ์ ท่านก็ร่วมทางไปด้วยโดยไม่ละทิ้งพี่ชายของตนไว้อย่างเดียวดาย
2. มารยาทในการรำลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า
ท่านอับบาสเป็นผู้รำลึกและเคารพภักดี (อิบาดะฮ์) ต่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งด้วยรูปแบบที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังเช่นที่ในบันทึกทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชีวประวัติของท่านได้มีปรากฏเช่นนี้ว่า ท่านเป็นบุตรชายของอิมาม (อะลี) ผู้ซึ่งการอิบาดะฮ์ต่าง ๆ ในยามดึกสงัดของท่านเป็นที่เลื่องลือทั้งในหมู่ประชาชนทั้งหลาย ท่านคือบุคคลซึ่งได้ถูกบันทึกเกี่ยวกับสถานภาพของท่านไว้เช่นนี้ว่า :
کانَ فاضِلاً عالِماً عابِداً زاهِداً فَقیهاً تَقیّاً
“ท่านเป็นผู้มีความประเสริฐ เป็นผู้รู้ เป็นผู้เคร่งครัดการอิบาดะฮ์ มีความสมถะ เป็นผู้มีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (ในเรื่องศาสนา) เป็นผู้มีความยำเกรงพระผู้เป็นเจ้า” (มะอาลิซซิบฏ็อยน์, เล่มที่ 1 , หน้าที่ 436)
ท่านไม่เพียงแต่จะระวังรักษามารยาทเช่นนี้ต่อพระผู้เป็นเจ้าของตนเท่านั้น ทว่าต่อผู้เป็นนาย (เมาลา) และอิมาม (ผู้นำ) ของตน ท่านก็ไม่เคยลดละในการระวังรักษามารยาทแม้เพียงชั่วขณะเดียว ด้วยการปฏิบัติตามโองการต่าง ๆ ของพระผู้เป็นเจ้า ดังตัวอย่างเช่น :
لا تَجْعَلُوا دُعاءَ الرَّسُولِ بَیْنَكُمْ كَدُعاءِ بَعْضِكُمْ بَعْضا
“และพวกเจ้าจงอย่าเรียกขานศาสนทูตในระหว่างพวกเจ้า เหมือนกับการเรียกขานกันเองของพวกเจ้า” (ซูเราะฮ์อันนูร / อายะฮ์ที่ 63)
ตลอดระยะเวลา 34 ปีแห่งอายุขัยของท่านอับบาสนั้น ท่านไม่เคยเรียกท่านอิมามฮุเซน (อ.) ด้วยคำว่า “พี่ชาย” เลย แต่จะเรียกด้วยคำว่า “ซัยยิดี” (นายของฉัน) “เมาลาย” (ผู้ปกครองของฉัน) หรือ “ยับนะร่อซูลิ้ลลาฮ์” (โอ้บุตรของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์)
3.มารยาทด้านจิตวิญญาณ
คำว่ามารยาทด้านในหรือด้านจิตวิญญาณนั้น หมายถึง การที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งจะทรงยิ่งใหญ่เสมอในความคิด ในจิตใจและในการดำเนินชีวิตของท่าน และสิ่งที่นอกเหนือไปจากพระผู้เป็นเจ้านั้น จะเป็นสิ่งเล็กและไร้ความสำคัญในสายตาของท่าน ดังเช่นที่ ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้สาธยายถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ของมนุษย์ที่มีความสูงส่งและมีเกียรติไว้ โดยกล่าวว่า :
عظم الخالق فی أنفسهم فصغر ما دونه فی أعینهم
“(พวกเขา คือผู้ซึ่ง) พระผู้สร้างทรงยิ่งใหญ่ในจิตใจของพวกเขา ดังนั้นสิ่งที่นอกเหนือไปจากพระองค์เป็นสิ่งเล็กในสายตาของพวกเขา” (อัซรอรุซซอลาฮ์, หน้าที่ 301)
ท่านอับบาส บุตรของท่านอิมามอะลี (อ.) ได้รู้จักพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นผู้ทรงยิ่งใหญ่และทรงสูงส่ง โดยที่นอกจากพระผู้เป็นเจ้าผุ้ทรงสูงส่งแล้ว ท่านไม่เคยมีความเกรงกลัวผู้ใดในหัวใจของตนเลย และด้วยกับการรักษามารยาททางด้านจิตวิญญาณและด้านในหัวใจนี้ ท่านได้ใช้ชีวิตของตนเองจวบจนวินาทีสุดท้ายอยู่เคียงข้างผู้เป็นนาย (เมาลา) ของตนและได้ทำการพิทักษ์ปกป้องครอบครัวของท่านอิมามอุเซน (อ.) ด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเกินคำบรรยาย และได้ปฏิเสธข้อเสนอต่าง ๆ ของยะซีดผู้ชั่วร้ายที่ส่งผ่านมาโดยชิมร์ บินซิลญูชัน ที่ให้ท่านแยกตัวออกจากท่านอิมามอุเซน (อ.) และเดินทางไปกูฟะฮ์และจะมอบอาชีพ ที่ดินและทรัพย์สินเงินทองให้เป็นรางวัลตอบแทน และท่านกลับรู้สึกไม่พอใจและโกรธกริ้วอย่างรุนแรงต่อข้อเสนอนี้
ที่มาเว็บไซต์ซอฮิบซะมาน
แสดงความเห็น