วีรกรรมอาชูรอ แยกชีอะฮฺแท้จริงออกจากชีอะฮฺเทียมเท็จ ตอนที่ 1

วีรกรรมอาชูรอ แยกชีอะฮฺแท้จริงออกจากชีอะฮฺเทียมเท็จ ตอนที่ 1

โดยเชคมาลิกี ภักดี

 

ในวันที่ขบวนการปฏิวัติเลือดของท่านอิมามฮูเซน (อ) เริ่มขึ้น เป็นยุคที่มีมุสลิมชีอะฮฺมีเป็นจำนวนมากที่อยู่ภายใต้การปกครองของบะนีอุมัยยะฮฺ ในขณะเดียวกันก็อยู่ในยุคสมัยการเป็นอิมามของท่านอิมามฮูเซน (อ) แต่ด้วยเหตุผลประการใด ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการของท่านอิมามฮูเซน (อ) ในสมรภูมิกัรบาลาอฺจึงมีเพียงจำนวนไม่ถึงร้อยคน จึงมีคำถามสำคัญอยู่สองคำถามคือ ทำไมมวลมุสลิมชีอะฮฺจำนวนมากในยุคนั้นจึงกลายเป็นผู้เข้าร่วมสังหารอิมามฮูเซน (อ)? และจำนวนชีอะฮฺเพียงน้อยนิดที่เข้าร่วมต่อสู้กับอิมามฮูเซน (อ) กระทั่งนาทีสุดท้าย? ผู้ที่เข้าร่วมสังหารท่านอิมามฮูเซน (อ) ชีอะฮฺจริงหรือ? ผู้ที่เข้าร่วมในการสังหารอิมามฮูเซน (อ) ณ แผ่นดินกัรบาลาอฺ คือบรรดาชีอะฮฺจริงหรือ?

เนื่องจากในเวลานี้บรรดาพวกสลาฟีย์วะฮาบีย์ต่างได้ออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกชีอะฮฺเป็นบ้าไปแล้ว มานั่งโศกเศร้าเสียใจต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในวันอาชูรอ แผ่นดินกัรบาลาอฺ ในขณะที่พวกชีอะฮฺนั่นแหละที่ร่วมกันสังหารอิมามฮูเซน (อ) จริงๆ แล้วพวกชีอะฮฺได้ร่วมกันจัดงานเพื่อรำลึกถึงความผิดของบรรพบุรุษของพวกเขาเท่านั้นเอง” และเมื่อมองไปยังเหตุการณ์ในวันนั้น ผู้ที่เขียนจดหมายเชื้อเชิญอิมามฮูเซน (อ) มาเป็นผู้ปกครองเมืองกูฟะฮฺ ก็คือชาวกูฟะฮฺที่เป็นยอมให้สัตยาบันต่ออิมามฮูเซน (อ) พวกเขาเป็นชีอะฮฺจริงหรือไม่?

 

การอ้างว่าบรรดาชีอะฮฺคือผู้ที่ร่วมกันสังหารอิมามฮูเซน (อ) ณ แผ่นดินกัรบาลาอฺปีฮ.ศ. 61 นั้น เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันอย่างเห็นได้ชัด ระหว่าง “ชีอะฮฺ” และ “การสังหารอิมามฮูเซน (อ)” เนื่องจากชีอะฮฺคือผู้ที่ปฏิบัติตาม ผู้ช่วยเหลือ ผู้ที่มีความรักต่อวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) ที่สำคัญยอมรับในวิลายัตของวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) ด้วยคุณสมบัติต่างๆ เหล่านั้น มันขัดแย้งกับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมในการสังหารอิมามฮูเซน (อ) อย่างชัดเจน ถ้าเรียกบุคคลเหล่านั้นว่าชีอะฮฺ แล้วผู้ที่ยืนหยัดเคียงข้างท่านอิมามฮูเซน (อ) ในวันอาชูรอจะเรียกพวกเขาในชื่ออะไร? หรือจะเรียกทั้งผู้ช่วยเหลืออิมามฮูเซน (อ) และผู้สังหารอิมามฮูเซน (อ) ว่า “ชีอะฮฺ” กระนั้นหรือ?

 

คำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามนี้คือ ผู้ที่เข้าร่วมสังหารท่านอิมามฮูเซน (อ) ในแผ่นดินกัรบาลาอฺครั้งนั้นทั้ง “ใช่ชีอะฮฺ” และ “ไม่ใช่ชีอะฮฺ” ใช่ชีอะฮฺอย่างไร? และไม่ใช่ชีอะฮฺอย่างไร? ท่านซัยยิดมุฮฺซินอะมีน ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ “อะอฺยานุลชีอะฮฺ” ว่า “ขอพระองค์ทรงคุ้มครองเราจากการคำพูดที่ว่า ผู้สังหารอิมามฮูเซน (อ) คือบรรดาชีอะฮฺ เนื่องจากผู้ที่ร่วมกันสังหารท่านอิมามฮูเซน (อ) ในวันนั้นคือบรรดาผู้ที่มีความโลภ ผู้ที่ไม่มีศาสนา ผู้กลับกลอก ผู้ที่ลุ่มหลงในโลกดุนยา ไม่มีสักคนเดียวที่เป็นชีอะฮฺผู้ที่มีความรักต่อวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) เพราะบรรดาชีอะฮฺคือผู้ที่มีความรักต่อท่านอิมามฮูเซน (อ) อย่างบริสุทธิ์ใจ ผู้ช่วยเหลือของท่านอิมาม (อ) กระทั่งลมหายใจสุดท้าย แม้กระทั่งบุคคลที่ไม่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์กัรบาลาอฺก็ได้ทำพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นชีอะฮฺของท่านอิมามฮูเซน (อ) หลายคน”

 

แต่ข้ออ้างของพวกสลาฟีย์วะฮาบีย์ ที่ว่าบรรดาชีอะฮฺคือผู้สังหารอิมามฮูเซน (อ) ก็มีส่วนถูกเช่นกัน เพราะชาวกูฟะฮฺที่เขียนจดหมายไปเชิญท่านอิมามฮูเซน (อ) มายังกูฟะฮฺ คือผู้ให้บัยอัตต่อท่านอิมามฮูเซน (อ) ดังนั้นการปฏิวัติของท่านอิมามฮูเซน (อ) ในวันนั้น คือการแยกชีอะฮฺแท้จริง ออกจากชีอะฮฺเทียมเท็จ หรือการแยกชีอะฮฺอะลี ออกจากชีอะฮฺอะบูซุฟยาน ซึ่งในวันอาชูรอท่านอิมามฮูเซน (อ) ได้เรียกพวกเขาเหล่านั้นว่า “โอ้ชีอะฮฺ อาลิอาบีย์ซุฟยานเอ๋ย....”

 

เนื้อหาสำคัญคือ “ชีอะฮฺอะลี” กับ “ชีอะฮฺอะบูซุฟยาน” เหตุการณ์ในวันอาชูรอ คือเหตุการณ์พิสูจน์ว่าใครคือชีอะฮฺอะลี และใครคือชีอะฮฺอะบูซุฟยาน? ใครคือชีอะฮฺแท้จริง ใครคือชีอะฮฺเทียมเท็จ?

 

คำตอบที่บอกว่าใช่ชีอะฮฺแต่พวกเขาคือบรรดาชีอะฮฺทางอุดมการณ์ของอะบูซุฟยาน ไม่ใช่ชีอะฮฺของอะลี หลักฐานที่ชี้ชัดว่าในกูฟะฮฺยุคนั้นไม่มีชีอะฮฺอะลีหลงเหลืออยู่เลยก็คือ หลังจากที่มุอาวียะฮฺได้ครองตำแหน่งคอลีฟะฮฺ เขาได้สั่งให้กำจัดชีอะฮฺในกูฟะฮฺจนหมดสิ้น หมายถึงใครก็ตามที่สังคมรู้จักว่าเป็นชีอะฮฺจะถูกจับกุม ถูกคุมขัง ถูกตามล้างตามฆ่า จึงทำให้ในเมืองกูฟะฮฺเวลานั้นไม่มีใครถูกรู้จักในนามชีอะฮฺ แต่ไม่ได้หมายถึงไม่มีชีอะฮฺอะลีในเมืองกูฟะฮฺอยู่เลย

 

หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เข้าร่วมสังหารอิมามฮูเซน (อ) ไม่ใช่บรรดาชีอะฮฺที่แท้จริง คือการกระทำที่ทารุณโหดร้ายต่อบรรดาบรรดาสตรีและเด็กๆ ที่เป็นลูกหลานบะนีฮาชิมในวันอาชูรอ แต่พวกเขาคือศัตรูที่ร้ายกาจที่สูดในบรรดาศัตรูของวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) พวกเขาปิดกั้นแหล่งน้ำเพื่อไม่ให้ท่านอิมามฮูเซน (อ) และบรรดาเด็กๆ สตรีได้ดื่มกิน แม้กระทั่งเด็กวัย 6 เดือน และยังได้สังหารเด็กคนนั้นอีกด้วย พวกเขาได้จับบรรดาเด็กๆ และสตรีที่เป็นลูกหลานของท่านศาสดา (ศ) เป็นเชลยศึกสงครามข้อหาก่อกบฏต่ออิสลาม พวกเขาได้ขี่ม้าเหยียบย่ำไปบนร่างที่ไร้วิญญาณของอิมามฮูเซน พวกเขาได้ตัดศีรษะของอิมามฮูเซน (อ) เสียบไว้ที่ปลายหอก ฯลฯ

 

อีกหลักฐานหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เข้าร่วมสังหารอิมามฮูเซน (อ) ไม่ใช่บรรดาชีอะฮฺที่แท้จริง โดยคำพูดของพวกเขาที่ได้กล่าวแก่อิมามฮูเซน (อ) ในวันนั้น อาทิเช่น “โอ้ฮูเซน ผู้มดเท็จ บุตรของผู้มดเท็จ” “โอ้ฮูเซน เรามาร่วมกันสังหารเจ้า เนื่องจากเราเคียดแค้นพ่อของเจ้า” “โอ้ฮูเซน นมาซของเจ้าจะไม่ถูกยอมรับจากพระองค์” “โอ้ฮูเซน ขอแจ้งข่าวดีเรื่องนรกสำหรับเจ้า” ฯลฯ คำกล่าวเหล่านี้หรือที่จะออกมาจากปากของชีอะฮฺอะลี เป็นไปไม่ได้เลย

 

แม้บางคนจะกล่าวอ้างว่า “ชาวกูฟะฮฺได้ประกาศให้สัตยาบันต่ออิมามฮูเซน (อ) และได้เชิญท่านอิมามฮูเซน (อ) มาเป็นผู้นำในกูฟะฮฺ คือข้อพิสูจน์การเป็นชีอะฮฺของชาวกูฟะฮฺ ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากการให้สัตยาบันไม่ได้หมายถึงการเป็นชีอะฮฺที่แท้จริงของอิมามฮูเซน (อ) เหตุเพราะเมื่อครั้งที่บรรดาสาวกของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ได้ให้สัตยาบันต่ออิมามอะลี (อ) ณ ฆอดีรคุม นับแสนคนก็ไม่ได้เป็นชีอะฮฺของอิมามอะลี (อ) เสียทั้งหมด เนื่องจากต่อมาผู้ที่ให้สัตยาบันเหล่านั้นกลับลุกขึ้นทำสงครามกับท่านอิมามอะลี (อ) ดังนั้นการให้สัตยาบันแค่ลมปากของชาวกูฟะฮฺไม่ได้เป็นข้อพิสูจน์การเป็นชีอะฮฺของอิมามฮูเซน

 

แสดงความเห็น