ชีวประวัติอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ตอนที่1
ชีวประวัติอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ตอนที่1
อิมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 3 ชะฮฺบาน ฮ.ศ. 3 ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) มีความยินดีในการเกิดมาของท่านอย่างยิ่ง ท่านได้รีบไปที่บ้านของฟาฏิมะฮฺบุตรสาวของท่านทันที เพื่ออวยพรให้แก่นางในการคลอดบุตรคนใหม่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ผู้เป็นตาได้อะซานที่หูขวาและอิกอมะฮฺที่หูซ้าย และตั้งชื่อเรียกท่านว่า “ฮุซัยนฺ”วันที่ 7 หลังจากถือกำเนิด ท่านอะลีผู้เป็นบิดาได้เชือดแพะ (ทำอะกีเกาะฮฺ) แล้วนำเนื้อไปแจกจ่ายแก่คนยากจนและขัดสนทั้งหลาย ศาสดา มุฮัมมัด (ศ็อลฯ) รักฮุซัยนฺ (อ.) หลานชายของท่านมาก ท่านได้หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเศร้าอย่างสุดซึ้ง เมื่อมีวะฮฺยู (วิวรณ์) มาแจ้งให้ท่านทราบถึงเหตุการณ์ณ์ที่จะประสบแก่ฮุซัยนฺในอนาคตท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า “ฮุซัยนฺนั้นมาจากฉันและฉันก็มาจากฮุซัยนฺ เขาคืออิมามบุตรของอิมาม เชื้อสายของเขาเก้าคนจะเป็นอิมามคนสุดท้ายในหมู่พวกเขาได้แก่ อัล มะฮฺดี ซึ่งเขาจะมาปรากฏในยุคสุดท้าย เขาจะทำให้แผ่นดินเต็มไปด้วยความเที่ยงธรรมและยุติธรรมหลังจากที่มันเคยถูก ทำให้เต็มไปด้วยความอธรรมและความเลวร้าย”
อิมามฮุซัยนฺ (อ.) กับท๋านศาสดา (ซ็อล ฯ)
นับ ตั้งแต่ อิมามฮุซัยนฺ (อ.) ถือกำเนิดขึ้น จนกระทั่งท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) เสียชีวิต ท่านมีอายุได้ประมาณ 6 ปีกับไม่กี่เดือน ตลอดระยะเวลาประชาชนทั้งหลาย ต่างมองเห็นความรัก และความเมตตาของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ที่แสดงต่อท่านอิมาม เป็นการประกาศให้ทุกคนทราบว่า เขาคือ อิมามท่านที่สามของโลกอิสลาม
ซัลมาล อัลฟารซีย์ กล่าวว่า ฉันเห็นท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ชอบเอาฮุซัยนฺนั่งบนตักของท่าน จูบและหอมฮุซัยนฺ ตลอดเวลา และกล่าวว่า เจ้าเป็นบุรุษผู้มีเกียรติ บุตรของผู้มีเกียรติ และเป็นบิดาของผู้มีเกียรติทั้งหลาย เจ้าเป็นอิมามบุตรของอิมาม และเป็นบิดาของผู้เป็นอิมามทั้งหลาย เจ้าเป็นข้อพิสูจน์ของพระเจ้า บุตรของผู้เป็นข้อพิสูจน์ของพระเจ้า และเป็นบิดาของผู้เป็นข้อพิสูจน์ทั้งหลาย ซึ่งมีทั้งสิ้น 9 คน คนสุดท้ายของพวกเขาคือ ผู้ยืนหยัดในหมู่พวกเขา อัลกออิมุลมะฮฺดีย์ (อ.) (มักตัล คอรัซมี เล่ม 1 หน้า 146 กะมาลุดดีน ซะดูก หน้า 152)
อะนัซ บุตรของมาลิก รายงานว่า เมื่อมีผู้คนถามท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ท่านรักลูกหลาน (อะฮฺลุลบัยตฺ) คนใดมากที่สุด กล่าวว่า (สุนัน ติรมิซีย์ เล่ม 5 หน้า 323)ท่านศาสดานำฮะซัน และฮุซัยนฺไปกอดแนบไว้กับอก และท่านจูบเด็กน้อยทั้งสองครั้งแล้วครั้งเล่า (ซะคออิร อัลอุกบา หน้า 122)
อบู ฮุร็อยเราะฮฺ ผู้เปรียบเสมือนเป็นผลรางวัลของมุอาวิยะฮฺ ผู้เป็นศัตรูของอะฮฺลุลบัยตฺ (อ.) สารภาพว่า ฉันเห็นท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) เอาฮะซันและฮุซัยนฺขี่ไว้บนไหล่ และเดินเข้ามาหาพวกเรา เมื่อมาถึงพวกเราท่านกล่าวว่า บุคคลใดก็ตามรักเด็กทั้งสอง เท่ากับรักฉัน และบุคคลใดเป็นศัตรูกับเด็กทั้งสอง เท่ากับเป็นศัตรูกับฉัน (อัลอิซอบะฮฺ เล่ม 11 หน้า 30)
สูงส่งที่สุด ใกล้ชิดที่สุด ประเสริฐที่สุดของความสัมพันธ์ด้านจิตวิญญาณระหว่างท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กับอิมามฮุซัยนฺ (อ.) คือ ประโยคที่ท่านกล่าวว่า ฮุซัยนฺมาจากฉัน และฉันมาจากฮุซัยนฺ สุนัน ติรมิซีย์ เล่ม 5 หน้า 324
ในสมัยของบิดา
ฮุซัยนฺ (อ.) อยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของท่านศาสดาผู้เป็นตานานถึง 6 ปี ในช่วงเวลาเหล่านั้น ท่านมีโอกาสได้เรียนรู้หลักจริยธรรม และมารยาทอันยิ่งใหญ่อย่างมากมายจากท่านตาของท่าน หลังจากนั้นท่านศาสดาได้จากไปเมื่อท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) สิ้นชีวิต ท่านอิมามได้ใช้เวลาในอายุขัยอันประเสริฐของท่านอยู่กับ อิมามอะลี บิน อบีฏอลิบ (อ.) ผู้เป็นบิดานานถึง 30 ปี ท่านรู้สึกเจ็บปวดต่อบททดสอบที่ผู้เป็นบิดาได้รับ อิมามอะลีมิเคยเรียกร้องสิ่งใดนอกจากพระเจ้า ช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งเคาะลิฟะฮฺท่านไม่เคยอยู่นิ่งแม้เพียงเล็กน้อย เช่นกันยุคที่ท่านถูกช่วงชิงตำแหน่ง นอกจากการกลั่นแกล้งแล้วพวกเขามิได้กระทำสิ่งอื่นใด ดังนั้น ท่านจึงยืนหยัดเคียงข้างบิดาอยู่ตอลดเวลา และเชื่อฟังปฏิบัติตามบิดาของท่านด้วยชีวิตและจิตใจ
เมื่อท่านอะลีเป็น เคาะลีฟะฮฺ ท่านนำอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ไปทุกที่เพื่อกอบกู้อิสลาม เหมือนกับทหารที่สละพลีอุทิศตัวเอง เพื่อยืนหยัดต่อสู้ เพื่อให้ธงชัยแห่งสัจธรรมได้ยืนหยัดอย่างมั่นคง อิมามเข้าร่วมในสงคราม “ญะมัล” “ซิฟฟีน” และ “นะฮฺรอวาน” พร้อมกับพี่ชายฮะซัน ท่านปกป้องบิดาของท่าน และอิสลามด้วยชีวิตบางครั้งท่านเข้าประท้วงผู้ที่ช่วงชิงตำแหน่งเคาะลิฟะ ฮฺไปจากบิดาของท่าน ในสมัยปกครองของอุมมัร เคาะลิฟะฮฺที่สอง อิมามได้เข้าไปในมัสญิด ขณะที่อุมัรกำลังกล่าวคำเทศนาอยู่บนมิมบัรของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ท่านได้ขึ้นไปบนมิมบัรและกล่าวด้วยเสียงดังว่า เจ้าจงลงไปจากมิมบัรของบิดาฉัน เมื่อท่านอะลี (อ.) สิ้นชีวิต ฮุซัยนฺได้ให้สัตยาบันแก่ฮะซันผู้เป็นพี่ชายในการรับตำแหน่งคอลีฟะฮฺ และยืนหยัดเคียงข้างเพื่อต่อต้านมุอาวิยะฮฺ ตัซกิเราะฮฺ อัลคอซ อิบนิ เญาซีย์ หน้า 24 อัลอิซอบะฮฺ เล่ม 1 หน้า 333 นักประวัติศาสตร์บางท่านกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่ออิมามฮุซัยนฺ (อ.) อายุได้เพียง 10 ปี เท่านั้น
อิมามฮุซยนฺ (อ.) กับพี่ชาย
หลังจากชะฮาดัตอิมามอะลี (อ.) โดยคำสั่งของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และวะซียัตของอิมามอะลี (อ.) ตำแหน่งอิมามได้ตกทอดมายังอิมามฮะซัน (อ.) บุตรชายคนโตของท่านอิมามอะลี (อ.) ซึ่งเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคนต้องเชื่อฟังปฏิบัติตามอิมามฮะซัน อิมามฮุซัยนฺ (อ.) เชื่อฟังและให้การสนับสนุนพี่ชายมาโดยตลอด ทั้งร่วมมือ ร่วมใจ และร่วมความคิดเห็น
เมื่อครั้งที่อิมามฮะซัน (อ.) จำเป็นต้องทำสัญญาสงบศึกกับมุอาวิยะฮฺ โดยบัญชาของพระเจ้า ซึ่งต้องทนทุกข์และแบกรับความเศร้าโศกอย่างมากมาย อิมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้ร่วมชะตากรรมบนความทุกข์ยากพร้อมกับพี่ชาย ท่านทราบดีว่าการทำสัญญาสงบศึกครั้งนี้ เป็นประโยชน์อย่างสูงกับมุสลิมและสังคม มุอาวิยะฮฺ ปรากฏตัวต่อหน้าอิมามฮะซัน และอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ปากอันสกปรกของเขาได้พูดจาเราะราน อิมามฮะซัน (อ.) และอิมามอะลี (อ.) อิมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้ลุกตอบโต้มุอายะฮฺ แต่อิมามฮะซันได้เรียกให้นั่งลง และท่านเป็นผู้ตอบโต้มุอาวิยะฮฺด้วยถ้วยวาจาที่เป็นโวหารอันสูงส่ง จนเขาไม่สามารถพูดต่อไปได้
อิมามฮุซัยนฺ (อ.) ในสมัยมุอาวิยะฮฺ
เมื่อมุอาวิยะฮฺลอบวางยาพิษท่านฮาซัน (อ.) จนท่านต้องพลีชีพไป ฮุซัยนฺ (อ.) จึงสืบทอดตำแหน่งอิมาม ในขณะที่มีอายได้ 47 ปี อิมามฮุซัยนฺ (อ.)ตระหนักดีว่า มุอาวิยะฮฺคือสาเหตุหลักในความเสื่อมเสียทุกอย่างของประชาคมมุสลิม มุอาวิยะฮฺได้เสแสร้งแสดงตนในสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของอิสลาม แต่การกระทกลับทำลายศาสนา เขามีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้ชาวซีเรียและสาวกผู้บริสุทธิ์ใจของท่าน ศาสนทูต ออกห่างอย่างสิ้นเชิงกับสัจธรรมของอิสลาม พยายามโฆษณาชวนเชื่อ โดยมีเป้าหมายเพื่อบิดเบือนภาพพจน์ของอะฮฺลุลบัยตฺ (อ.) ขับไล่ทุกคนที่ต่อต้านนโยบายทางการเมืองของเขา สังหารสาวกของท่านศาสดาและสหายของอิมามอะลี (อ.) เป็นจำนวนมาก บุคคลสำคัญคนหนึ่งในจำนวนนั้น ได้แก่ ฮะญัร บิน อะดีย์ ซึ่งมุอาวิยะฮฺได้สังหารไปพร้อมกับบุตรชายของเขาใน “มะร็อจ อุซรออ์” นอกเมืองดามัสกัส มุอวิยะฮฺคิดหาวิธีและกระทำการเพื่อให้ยะซีดบุตรชายของตนเองขึ้นครองตำแหน่งเคาะลิฟะ ฮฺให้ได้ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจถึงบุคลิกภาพของยะซีด ว่าเป็นผู้ที่ดูหมิ่นดูแคลนต่อศาสนา และผู้ที่เคร่งครัด เขาดื่มสุราใช้เวลาส่วนมากหมดไปกับการละเล่นกับฝูงลิง อิมามฮุซัยนฺ (อ.) เคยเตือนมุอาวิยะฮฺให้เห็นถึงอันตรายจากสิ่งที่เขากระทำไป แต่มุอาวิยะฮฺหาได้คล้อยตามไม่ เขาประกาศเจตนารมณ์ในการมอบตำแหน่งให้ยะซีด หลังจากนั้นก็ดำเนินการในเรื่องมอบสัตยาบันด้วยการใช้กำลังแลบีบบังคับประชาชน
การลุกขึ้นต่อสู้ของ อิมามฮุซัยนฺ (อ.)
ยะซีดก่อนที่มุอาวิยะฮฺจากไปเขาได้ดำเนินการทุกอย่าง เพื่อให้ยะซีดขึ้นเป็นเคาะลิฟะฮฺ และเมื่อเขาจากไปยะซีดได้สถาปนาตนเองเป็นอมีริลมุอฺมินีน และเพื่อให้การปกครองที่ไม่ถูกต้องของตนดำเนินต่อไป จึงเรียกให้บรรดาผู้นำต่าง ๆ ให้สัตยาบันกับตน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเขียนจดหมายถึง วะลีด ผู้ปกครองมะดีนะฮฺขณะนั้น และกำชับว่าให้เอาสัตยาบันจากฮุซัยนฺ แทนเขาด้วย ถ้าฮุซัยนฺ ปฏิเสธโอยไม่ยอมให้สัตยาบันจงสังหารเขาเสีย ผู้ปกครองได้นำคำสั่งของยะซีดไปแจ้งให้อิมามฮุซัยนฺ (อ.) ทราบ อิมามกล่าวว่า มนุษย์มาจากอัลลอฮฺ และต้องย้อนกลับคืนสู่พระองค์ บนอิสลามคือ การจนสิ้น เมื่อประชาชาติต้องมีผู้ปกครองเยี่ยงยะซีด
วะลีดในฐานะผู้ปกครองเมืองมะดีนะฮฺ ได้เชิญอิมามฮุซัยนฺ (อ.) มาพบและเปิดเผยเรื่องราวตามคำสั่งของยะซีด อิมามฮุซัยนฺ (อ.) รู้ทันทีว่ายะซีดต้องการที่จะโฆษณาชวนเชื่อในภายหลังว่า ฮุซัยนฺในฐานะบุตรของท่านศาสดา ได้มอบสัตยาบันให้กับเขาแล้ว ตำแหน่งคอลีฟะฮฺของเขาก็จะถูกต้องตามหลักศาสนา ดังนั้นอิมามฮุซัยนฺ (อ.) จึงปฏิเสธการให้สัตยาบัน เพราะยะซีดเป็นคนละเมิดศาสนา ดื่มสุราและมิได้ปกครองตามกฎที่อัลลอฮฺทรงประทานมา วะลีดขู่อิมามฮุซัยนฺ (อ.)ว่าจะสังหารท่าน ถ้าหากปฏิเสธการให้สัตยาบัน แต่อิมามมิได้คิดถึงสิ่งใดทั้งสิ้น นอกจากผลประโยชน์ของอิสลาม ถึงแม้ว่าในการกระทำดังกล่าว จะทำให้ท่านต้องถูกสังหารก็ตาม
เมืองกูฟฮฺปรารถนาดีกับอิมาม
อิมามฮุซัยนฺ (อ.) ทราบดีว่ารัฐบาลของยะซีดซึ่งไม่มีการยอมรับอย่างเป็นทางการ ถ้าท่านยังคงอยู่ในมะดีนะฮฺต่อไปต้องถูกสังหารอย่างแน่นอน ด้วยพระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า ท่านออกเดินทางอย่างเงียบ ๆ ไปสู่มักกะฮฺการเดินทางของอิมาม (อ.) เป็นการแสดงให้เห็นว่าท่านปฏิเสธการให้สัตยาบัน กัยยะซีด ข่าวการปฏิเสธการให้สัตยาบันของอิมาม ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งมักกะฮฺ และมะดีนะฮฺตลอดจนเมืองกูฟะฮฺ บรรดามุสลิมที่ต้องทนกับความอยุติธรรมของมุอาวิยะฮฺนั้น ต่างใฝ่ฝันที่จะให้รัฐบาลที่ปกครองโดยอะลี บิน อบีฏอลิบ หวนกลับมาอีกครั้ง เพราะเป็นรัฐบาลที่ยุติธรรมตามหลักการของอิสลาม เมื่อชาวเมืองกูฟะฮฺทราบ ข่าวว่าอิมามฮุซัยนฺ (อ.)ปฏิเสธการให้สัตยาบันต่อยะซีด พวกเขาจึงส่งจดหมายไปหาอิมามฮุซัยนฺ (อ.) เพื่อขอร้องให้เดินทางมายังเมืองกูฟะฮฺ และช่วยปลดปล่อยพวกเขาให้พ้นจากความอยุติธรรมและความเลวร้าย
จดหมายที่เขียนส่งมายังอิมามฮุซัยนฺ (อ.) มีจำนวนภึง 12,000 ฉบับ ทุกฉบับจะเขียนประโยคหนึ่งเหมือนกันว่า “โอ้ บุตรของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ โปรดมาอยู่ที่นี่เถิด เพราะพวกเราไม่มีใครเป็นผู้นำนอกจากท่าน” จุดประสงค์ของชาวกูฟะฮฺที่ส่งจดหมายเชิญท่านเป็นจำนวนมากมาย ต้องการให้อิมามมาสอน และเป็นผู้ชี้นำพวกเขา
ทูตของอิมามฮุซัยนฺ (อ.)
อิมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้ส่งบุตรชายของอาคนหนึ่งคือ “มุสลิม บิน อะกีล” เป็นทูตไปยังเมืองกูฟะฮฺ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และสภาพของสังคม และส่งข่าวให้ท่านทราบภายหลัง เมื่อมุสลิมไปถึงกูฟะฮฺ เขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น อย่างไม่เคยมีมาก่อน ประชาชนจำนวนหลายพันคนให้บัยอัตกับท่านในฐานะตัวแทนอิมาม (อ.) อิมามได้ฝากจดหมายฉบับหนึ่งให้แก่ชาวเมืองกูฟะฮฺ ใจความจดหมายนั้นมีตอนหนึ่งความว่า
“นอกจากนี้แล้วจะขอบอกว่า จดหมายของพวกท่านได้ถึงยังข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าซาบซึ้งกับที่พวกท่านกล่าวมาจากความปรารถนาดีของพวกท่านต่อการมาที่ นี่ของข้าพเจ้าเพื่ออยู่กับพวกท่าน บัดนี้ข้าพเจ้าได้ส่งน้องชายของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นบุตรชายของท่านอาของข้าพเจ้า มายังพวกท่านเขาเป็นที่เชื่อถือของข้าพเจ้าจากคนในหมู่อะฮฺลุลบัยตฺของ ข้าพเจ้าชื่อของเขาคือ มุสลิม บิน อะกีล”
มุสลิม บิน อะกีล ได้รับการต้อนรับกันอย่างอบอุ่น มีประชาชนเข้ามาห้อมล้อมรายรอบเขาแล้วให้สัตยาบันมากกว่า 18,000 คน มุสลิมได้เขียนจดหมายส่งให้อิมาม รายงานความเคลื่อนไหวในกูฟะฮฺให้อิมามทราบ มุสลิม บิน อะกีล ได้เขียนจดหมายถึงอิมามฮุซัยนฺ (อ.) โดยแจ้งว่าบัดนี้ชาวกูฟะฮฺ ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ในการสนับสนุนสัจธรรม และปฏิเสธการให้สัตยาบันต่อยะซีดและเรียกร้องให้อิมามเดินทางมาให้ได้ในเร็ววัน
อิมามรู้จักชาวกูฟะฮฺเป็นอย่างดี พวกเขาไม่ซื่อสัตย์ตามข้อตกลง และปราศจากศาสนา สิ่งนี้อิมามเห็นตั้งแต่สมัยที่อิมามอะลี บิดาของท่านปกครองกูฟะฮฺอยู่ ดังนั้นคำพูด และการให้สัตยาบันต่อมุสลิมจึงไม่อาจไว้วางใจได้ แต่เพื่อให้สิ้นสุดข้อพิสูจน์ และเป็นไปตามประสงค์ของพระเจ้า อิมามจึงตัดสินใจเดินทางไปยังกูฟะฮฺ วันที่ 8 ซุลฮิจญะฮฺ วันซึ่งมุสลิมทั้งหลายต่างเดินทางไปอาเราะฟะฮฺ และมินาผู้ที่เดินทางไม่ทันต่างกระวีกระวาดรีบออกจากมักกะฮฺ แต่อิมามพร้อมกับครอบครัว และหมู่มวลมิตรของท่านยังคงอยู่ที่มักกะฮฺ วันและเวลาเช่นนั้น ท่านพร้อมกับครอบครัวและสหาย ได้ออกเดินทางไปยังอิรัก การกระทำของอิมาม เท่ากับท่านได้ปฏิบัติหน้าที่อันทรงเกียรติ และเป็นการประกาศให้ชาวโลกทราบกันถ้วนหน้าว่า บุตรของศาสนทูตไม่ถือว่า การปกครองของยะซีดเป็นทางการ และท่านไม่ยอมให้สัตยาบัน นอกจากนั้นท่านยังลุกขึ้นต่อต้านการปกครองของเขาอีกต่างหาก
การต่อต้าน “มุสลิม บิน อะกีล”
ฝ่ายยะซีดจับตาดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเมืองกูฟะฮฺอยู่อย่างใกล้ชิด ดังนั้น เมื่อยะซีดรู้ข่าวการเดินทางของมุสลิมไปยังเมืองกูฟะฮฺ ซึ่งมีชาวกูฟะฮฺจำนวนมากมายให้สัตยาด้วย เขาจึงแต่งตั้งผู้ปกครองเมืองคนใหม่ นั่นคือ “อุบัยดิลลาฮฺ อิบนิ ซิยาด” ซึ่งเดินทางมาถึงยังเมืองกูฟะฮฺอย่างเร่งด่วน
อิบนิซิยาด ได้ใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอด้านความศรัทธาของประชาชน ตลอดจนความหวาดกลัวของพวกเขา “อิบนุซิยาด” เริ่มใช้แผนทางการเมือ ทั้งด้วยการปราบปราม การเข่นฆ่า การติดสินบน และข่มขู่ประชาชนด้วยทหารที่กำลังเดินทางมาจากซีเรีย
ชาวเมืองกูฟะฮฺหวาด กลัวและทอดทิ้งมุสลิมไว้อย่างโดดเดี่ยว เขาต้องอยู่ตามลำพัง แต่เขาก็มิได้ยอมจำนน เขายืนหยัดต่อสู้จนได้รับบาดแผลฉกรรจ์ จนในที่สุดต้องตกเป็นเชลย และต้องพลีชีพในที่สุด (ขอให้อัลลอฮฺทรงพึงพอพระทัยต่อเขาด้วยเถิด”ข่าวการถูกสังหารของมุสลิม และผู้ให้การสนับสนุนได้ล่วงรู้ไปถึงอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ในขณะที่กำลังอยู่ในเส้นทางที่จะไปยังเมืองกูฟะฮฺพอดี ทำให้ท่านตะหนักว่าชาวเมืองกูฟะฮฺหลอกลวงท่าน อิมามจึงกล่าวกับบรรดาสหายและผู้ติดตามว่า
“ใครที่ติดตามเรามาจะต้องพลีชีพ และคนใดที่ผละทิ้งจากเราก็จะไม่บรรลุถึงชัยชนะเช่นกัน”
อิมามฮุซัยนฺ (อ.)ล่วงรู้ถึงสถานการณ์ที่ท่านจะต้องเผชิญอยู่เบื้องหน้า แต่ท่านคำนึงถึงหน้าที่ ที่จำเป็นเพื่ออิสลามและมวลมุสลิม
ที่มา http://www.islamshia-w.com
แสดงความเห็น