มูฮัรรอม
มูฮัรรอม
คำว่า "กัรบาลา" ชาวอาหรับในอดีตมิเคยได้ยินมาก่อน แต่ชื่อนี้มาจากลิซานุลเฆบ(ฟากฟ้า) ชาวอาหรับได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก คือ
สะอีด บินญุฮ์มานเล่าว่า :
إِنَّ جَبْرَئِيلَ أَتَى النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ واَلِهِ وَسَلَّمَ بِتُراَبٍ مِنْ تُرْبَةِ الْقَرْيَةِ الَّتِيْ يُقْتَلُ فِيْهاَ الْحُسَيْنُ , وَقِيْلَ : اُسْمُهاَ كَرْبَلاَءُ !
แท้จริงท่านญิบรออีลได้มาหาท่านนบี(ศ)พร้อมด้วยดินจากตำบลหนึ่ง ซึ่งฮูเซนจะถูกสังหารที่นั่นมันมีชื่อว่า กัรบาลา
ดูหนังสืออัลฮูเซน สิมาตุฮู วะซีเราะตุฮู โดยสัยยิดมุฮัมมัดเรซ่า อัลฮูซัยนีอัลญะลาลี เล่ม 1 : 99
ท่านอะนัสบินมาลิกเล่าว่า
أَنَّ مَلَكَ الْمَطَرِ اسْتَأْذَنَ رَبَّهُ أَنْ يَأْتِيَ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَأَذِنَ لَهُ فَقَالَ لِأُمِّ سَلَمَةَ امْلِكِي عَلَيْنَا الْبَابَ لَا يَدْخُلْ عَلَيْنَا أَحَدٌ قَالَ وَجَاءَ الْحُسَيْنُ لِيَدْخُلَ فَمَنَعَتْهُ فَوَثَبَ فَدَخَلَ فَجَعَلَ يَقْعُدُ عَلَى ظَهَرِ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَعَلَى مَنْكِبِهِ وَعَلَى عَاتِقِهِ قَالَ فَقَالَ الْمَلَكُ لِلنَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَتُحِبُّهُ قَالَ نَعَمْ قَالَ أَمَا إِنَّ أُمَّتَكَ سَتَقْتُلُهُ وَإِنْ شِئْتَ أَرَيْتُكَ الْمَكَانَ الَّذِي يُقْتَلُ فِيهِ فَضَرَبَ بِيَدِهِ فَجَاءَ بِطِينَةٍ حَمْرَاءَ فَأَخَذَتْهَا أُمُّ سَلَمَةَ فَصَرَّتْهَا فِي خِمَارِهَا
قَالَ قَالَ ثَابِتٌ بَلَغَنَا أَنَّهَا كَرْبَلَاءُ
มลาอิกะฮ์ฝนได้ขออนุญาตต่อพระเจ้าของเขาลงมาพบท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) พระองค์ทรงอนุญาตแก่เขา
ท่านนบี(ศ)จึงกล่าวกับท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ว่าเฝ้าประตูบ้านให้เราทีอย่าให้ใครเข้ามาหาเรา
อะนัสเล่าว่า
แล้วท่านฮูเซนได้มากำลังจะเข้าไป(หาท่านนบี) นางได้ขวางเขาไว้ แต่เขาได้กระโจนเข้าไปนั่งอยู่บนหลังท่านนบี(ศ)บนบ่าบ้างบนไหล่ท่านบ้าง
มลาอิกะฮ์จึงกล่าวกับท่านนบี(ศ)ว่า
ท่านรักเขาไหม ? ท่านตอบว่า รักสิ
มลาอิกะฮ์กล่าวว่า แต่ประชาชาติของท่านจะสังหารเขา(ในอนาคต ) หากท่านต้องการ ฉันจะให้ท่านได้เห็นสถานที่ๆเขาจะถูกสังหาร
แล้วเขาตีที่มือเขาเอง จากนั้นเขาได้นำดินสีแดงก้อนหนึ่งมาให้ แล้วท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ได้รับมันไปเก็บไว้ในฮิญาบของนาง
อะนัสเล่าว่า ท่านษาบิตกล่าวว่า ที่เราทราบมานั้นมันคือ แผ่นดิน “ กัรบาลา “
ดูมุสนัดอะห์มัด หะดีษที่ 13050
ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า
إِنَّ ابْنِي هَذَا يُقْتَلُ بِأَرْضٍ مِنْ أَرْضِ الْعِرَاقِ ، فَمَنْ أَدْرَكَهُ فَلْيَنْصُرْهُ
หลานชายของฉันคนนี้(หมายถึงฮูเซน) จะถูกสังหาร ณ.สถานที่แห่งในแผ่นดินอิรัก
(คือที่กัรบาลา) ดังนั้นผู้ใดในหมู่พวกท่านอยู่ถึงวันนั้น ก็จงให้ความช่วยเหลือฮูเซนเถิด
สถานะหะดีษ – อิสนาดหะดีษ นักรายงาน เชื่อถือได้
ดูดุรรุสสะฮาบะฮ์ โดยอัชเชากานี หน้า 232 และมะอ์ริฟะตุส ซอฮาบะฮ์ เล่ม 2 : 447
นับจากวันแรกที่อิม่ามฮูเซนปฏิเสธการมอบสัตยาบัน(บัยอัต)ต่อยะซีดจนมาถึงวันที่ 10 มุหัรรอม ฮ.ศ. 61 รวมได้ 175 วัน
12 วันท่านพำนักอยู่ที่นครมะดีนะฮ์
4 เดือน 10 วัน ท่านพำนักอยู่ที่นครมักกะฮ์
23 วันในระหว่างที่ท่านเดินทางออกจากมักกะฮ์ไปเมืองกูฟะฮ์
8 วันท่านถูกปิดล้อมอยู่ในแผ่นดินกัรบาลานับจากวันที่ 2 ถึงวันอาชูรอ
จากนครมักกะฮ์ถึงแผ่นดินกัรบาลา อิม่ามฮูเซนได้แวะพักตามสถานที่ต่างๆด้วยกัน 38 แห่ง
แต่ละแห่งอยู่ห่างกันประมาณ 3 ฟัรซัค บางแห่งก็ 5 ฟัรซัค (1 ฟัรซัค = 4.83กม.)
จากนครมักกะฮ์ถึงแผ่นดินกัรบาลา อิม่ามฮูเซนเดินทางบกรวมยะยะทางได้ 1,470 กม.หรือ 91,341ไมล์
ในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 60 มุอาวียะฮ์บุตรอบูสุฟยานตาย ยะซีดบุตรมุอาวียะฮ์สืบราชบัลลังค์ต่อจากบิดา
กษัตริย์ ยะซีดได้ส่งจดหมายไปถึงวะลีดบินอุตบะฮ์บินอบูสุฟยาน ผู้ปกครองนครมะดีนะฮ์ว่า จงบังคับอิม่ามฮูเซนให้บัยอัตต่อเขา หากขัดขืนให้ตัดหัวส่งมาให้เขาทันที
หลังอ่านสารยะซีด วะลีดจึงขอเชิญอิม่ามฮูเซนมาพบที่บ้านเขาตอนค่ำ ซึ่งมีมัรวานบินฮะกัมอยู่ด้วย
ผู้ปกครองเมืองมะดีนะฮ์ได้แจ้งความประสงค์ของยะซีดให้อิม่ามฮูเซนรับทราบ
แต่อิม่ามฮูเซนได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ท่านจะไม่ยอมบัยอัตให้กับยะซีดอย่างแน่นอน ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
อิม่ามฮูเซนได้กล่าวว่า โอ้วะลีด
إِنّاَ أَهْلُ بَيْتِ النُّبُوَّةِ وَمَعْدِنُ الرِّسالَةِ وَمُخْتَلَفُ الْمَلائِكَةِ، وَ بِناَ فَتَحَ اللّهُ وَ بِناَ خَتَمَ اللّهُ
เราคืออะฮ์ลุลบัยต์นบี ต้นกำเนิดของคัมภีร์ บ้านของเราเป็นที่ขึ้นลงของมลาอิกะฮ์ อัลลอฮ์ทรงเปิดและปิดกิจการงานด้วยเรา
يَزيدُ رَجُلٌ فاسِقٌ شارِبُ الخَمرِ قاتِلُ النَّفْسِ الُمحتَرَمَةِ مُعْلِنٌ بِالفِسقِ وَ مِثْلى لا يُبايِعُ مِثْلَه
ยะซีดเป็นคนชั่ว ดื่มสุราเป็นอาจิณ ฆ่าคนบริสุทธิ์ ทำบาปอย่างเปิดเผย และคนอย่างฉันจะไม่ยอมบัยอัตให้กับคนอย่างยะซีด เราจะคอยดูกันว่าใครคือผู้ทรงสิทธิแห่งตำแหน่งคอลีฟะฮ์มากกว่ากัน
กล่าวจบอิม่ามฮูเซนจึงรีบรุดออกจากบ้านวะลีดไปทันที คืนนั้นอิม่ามฮูเซนเดินไปเยี่ยมกุโบร์ท่านรอซูล และพบมัรวานกลางทาง มัรวานได้แนะนำกับอิม่ามฮูเซนว่าให้ยอมบัยอัตเสียเถิดมันจะเป็นผลดีทั้งดุนยาและอาคิเราะฮ์สำหรับท่าน
อิม่ามฮูเซนจึงกล่าวว่า
إِنّا للّهِ وَإِنّا إِلَيْهِ راجِعُونَ، وَ عَلَى الاِسْلامِ اَلسَّلامُ، إِذْ قَدْ بُلِيَتِ الْاُمَّةُ بِرَاعٍ مِثْلِ يَزيدِ، وَلَقَدْ سَمِعْتُ جَدِّىْ رَسُولَ اللّهِ (ص) يَقُولُ : اَلْخِلاَفَةُ مُحَرَّمَةٌ عَلَى آلِ أَبِىْ سُفْياَنَ
ก็คงต้องขอกล่าวอำลาต่อศาสนาอิสลามว่าวัสสลาม ถ้าหากอุมมัตอิสลามต้องถูกทดสอบด้วยผู้ปกครองเยี่ยงคนอย่างยะซีด เพราะฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮ์ตาฉันกล่าวว่า การปกครองนั้นเป็นที่ต้องห้ามสำหรับลูกหลานของอบูสุฟยาน
คืนต่อมาอิม่ามฮูเซนได้ไปเยี่ยมกุโบร์ท่านรอซูล(ศ) ท่านกล่าวว่า
اَلسَّلامُ عَلَيْكَ يا رَسُولَ للّه اَنَا الْحُسَيْنُ بْنُ فاطِمَةَ فَرْخُكَ وَابْنُ فَرْخَتِكَ وَسِبْطُكَ الَّذى خَلَّقْتَنِى فى اُمَّتِكَ فَاشْهَدْ يانَبِىَّ اللّه اَنَّهُمْ خَذَلُونى وَلَمْ يَحْفَظُونى وَهذِهِ شَكْواىَ اِلَيْكَ حَتّى اَلْقاكَ
อัสสะลามุอะลัยก่ะ ยาร่อซูลัลลอฮ์ ฉันคือฮูเซน บุตรฟาติมะฮ์ บุตรสาวผู้เป็นที่รักของท่าน ฉันคือเชื้อสายของท่าน ซึ่งท่านได้ทิ้งไว้กับประชาชาติของท่าน โอ้ศาสดาแห่งอัลลอฮ์ โปรดเป็นพยานด้วยว่า พวกเขาทอดทิ้งฉันให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว และพวกเขาไม่เคยปกป้องฉันเลย นี่คือคำร้องเรียนของฉันไปยังท่าน จนกว่าฉันจะได้พบกับท่าน จากนั้นอิม่ามได้ทำนมาซอยู่เป็นเวลานาน จนใกล้รุ่งสาง
คืนต่อมาอิม่ามฮูเซนมาซิยารัตกุโบร์อีกและปฏิบัติเช่นเดียวกัน หลังนมาซเสร็จท่านวิงวอนต่ออัลลอฮ์ว่า
اَللّهُمَّ اِنَّ هَذَا قَبْرُ نَبِيِّكَ مُحَمَّدٍ (ص) وَاَنَا ابْنُ بِنْتِ نَبِيِّكَ وَقَدْ حَضَرَنِىْ مِنَ اْلأَمْرِ ماَ قَدْ عَلِمْتَ اَللّهُمَّ اِنِّى اُحِبُّ الْمَعْرُوفَ وَاُنْكِرُ الْمُنْكَرَ وَأَسْأَلُكَ ياَ ذَا الْجَلالِ وَالاْكْرامِ بِحَقِّ الْقَبْرِ وَمَنْ فِيْهِ اِلاَّ اخْتَرْتَ لِىْ ماَ هُوَ لَكَ رِضىً وَلِرَسُولِكَ رِضىً
โอ้อัลลอฮ์ นี่คือสุสานของท่านนบีมุฮัมมัด ส่วนฉันคือบุตรแห่งบุตรีของศาสดาของพระองค์ ฉันมีปัญหาบางอย่าง ซึ่งพระองค์ทรงรู้ดี โอ้อัลลอฮ์ แท้จริงฉันรักการทำความดีและชิงชังความชั่ว โอ้ผู้ทรงสูงส่งและเกรียงไกร ฉันขอวิงวอนต่อพระองค์ด้วยสิทธิของสุสานนี้และผู้ที่อยู่ในสุสานนี้ ได้โปรดประทานทางเลือกสำหรับฉัน ซึ่งเป็นที่พอพระทัยสำหรับพระองค์และรอซูลของพระองค์ด้วยเถิด
จากนั้นอิม่ามฮูเซนนั่งลงข้างๆสุสานและแนบศรีษะลงบนหลุมศพท่านรอซูล ท่านร้องไห้อยู่ตามลำพังจนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
( อิม่ามฮูเซนเล่าว่า ) ในขณะหลับท่านฝันเห็นท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้มาหาพร้อมด้วยมลาอิกะฮ์ รายล้อมอยู่รอบกายท่าน ท่านรอซูลทรุดกายลงจุมพิตที่ดวงตาทั้งสองของอิม่ามฮูเซน พลางกล่าวว่า
ยา ฮูเซน หลานรักของตา ดูเหมือนว่า ตาจะได้เห็นเจ้าต้องเกลือกกลิ้งอยู่บนกองเลือดของตัวเอง ที่ถูกหลั่งออกมาอย่างมากมาย ณ.แผ่นดินกัรบาลา ด้วยน้ำมือของคนกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของตาเอง ในสภาพที่เจ้าจะต้องกระหายน้ำอย่างหนัก แต่ก็ไม่มีใครให้เจ้าได้ดื่มในสภาพที่เจ้าจะหิวกระหายอย่างอย่างแสนสาหัส แต่ก็ไม่มีใครให้เจ้ากิน บุคคลเหล่านั้นหวังในชะฟาอัตของตา แต่พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้รับมันอย่างเด็ดขาด
حَبِيْبِِبيْ ياَ حُسَيْنُ اِنَّ اَباَكَ وَاُمَّكَ وَاَخاَكَ قَدَمُوْا عَلَيَّ وَهُمْ مُشْتاَقُوْنَ اِلَيْكَ، وَاِنَّ لَكَ فِي الْجِناَنِ لَدَرَجاَتٌ لَنْ تَنَالَهاَ اِلاَّ بِالشَهاَدَةِ
โอ้ฮูเซนหลานรัก พ่อเจ้า แม่เจ้าและพี่ชายเจ้าได้มาหาตา พวกเขาปรารถนาที่จะได้พบเจ้า แท้จริงแล้วในญันนะฮ์มีฐานันดรหนึ่งเตรียมไว้สำหรับเจ้าเป็นการเฉพาะ แต่เจ้ามิอาจจะได้รับมัน นอกเสียจากด้วยการเป็นชะฮีดเท่านั้น
ในความ ฝันอิม่ามฮูเซนได้กล่าวกับท่านตาว่า ท่านไม่ต้องการกลับมายังดุนยาอีกแล้วและขอให้ท่านรอซูลเอาตัวท่านไปอยู่ด้วย แต่ท่านรอซูลกล่าวว่า เจ้าต้องกลับไปยังดุนยาอีกครั้งหนึ่ง จนกว่าเจ้าจะได้รับตำแหน่งชะฮีดอันยิ่งใหญ่
เมื่ออิม่ามฮูเซนตื่นจากภวังค์ ท่านจึงตรงไปเยี่ยม(ซิยารัต)หลุมฝังศพของมารดาและพี่ชาย เพื่อกล่าวอำลา
เพราะอิม่ามฮูเซนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะไม่ยอมบัยอัตกับยะซีด และจะเดินทางออกจากนครมะดีนะฮ์ในตอนเช้ามืด
เป้าหมายการต่อสู้ของอิม่ามฮูเซน(อ)
ก่อนเดินทางออกจากนครมะดีนะฮ์ไปยังนครมักกะฮ์ อิม่ามฮูเซนได้ชี้แจงจุดประสงค์ของท่านว่า
إِنِّيْ لَمْ اَخْرُجْ اَشِرا وَلا بَطِراً وَلا مُفْسِداً وَلا ظالِماً
แท้จริงฉันมิได้ออกมาต่อสู้(กับยะซีด)เพราะความเห็นแก่ตัว หรือทรงตนว่าสูงศักด์ หรือเป็นผู้สร้างความเสียหาย หรือเป็นผู้กดขี่
وَاِنَّماَ خَرَجْتُ لِطَلَبِ اْلا صْلاحِ فِى اُمَّةِ جَدِّى صَلَّى اللّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ
แท้จริงที่ฉันต้องออก(เดินทางในครั้งนี้) ก็เพื่อต้องการปรับปรุงความเสียหายในอุมมัตท่านตาของฉัน(นบีมุฮัมมัด ศ.)
أُرِيْدُ اَنْ آمُرَ بِالْمَعْرُوفِ وَاَنْهَى عَنِ الْمُنْكَرِ
ฉันต้องการกำชับ(พวกเขา)ให้กระทำดี และห้ามปรามมิให้กระทำชั่ว
وَاَسيرَ بِسِيْرَةِ جَدِّىْ وَاَبِيْ عِلِىِّ بْنِ اَبِىْ طالِبٍ
โดยฉันจะดำเนินตามแนวทางของท่านตาของฉันและท่านอะลีบินอบีตอลิบบิดาของฉัน
فَمَنْ قَبِلَنِىْ بِقَبُوْلِ الْحَقِّ فَاللّهُ اَوْلَى بِالْحَقِّ
ดังนั้นผู้ใดยอมรับ(และดำเนินตามแนวทางของ)ฉันก็ถือว่าเขายอมรับความถูกต้อง ซึ่ง(แนวทางของ)อัลลอฮ์ ย่อมถูกต้องที่สุด
وَمَنْ رَدَّ عَلَىَّ هَذاَ اَصْبِرُ حَتَّى يَقْضِيَ اللّهُ بَيْنِىْ وَبَيْنَ الْقَوْمِ وَهُوَ خَيْرُالْحاَكِمِيْنَ وَهذِهِ وَصِيَّتِىْ
แต่หากผู้ใดปฏิเสธ(แนวทางของ)ฉันนี้ ฉันก็จะอดทนรอจนกว่าอัลลอฮ์จะเป็นผู้ทรงตัดสินระหว่างฉันกับหมู่ชนนั้น และพระองค์คือผู้ทรงเป็นเลิศในการตัดสิน และนี่คือวะซียัตของฉัน
ดูหนังสือละวาอิญุล อัชญาน โดยสัยยิดมุห์ซิน อัลอะมีน เล่ม 1 : 28
มุฮัมมัดอิบนิฮานาฟียะฮ์
น้องชายต่างมารดาเห็นอิม่ามฮูเซนพาครอบครัวญาติสนิทติดตามไปด้วยจึงถามว่า
ทำไมท่านต้องพาอะฮ์ลุลบัยต์ไปด้วย ???
อิม่ามฮูเซนตอบว่า
لَقَدْ شاَءَ اللهُ اَنْ يَرَانِيْ قَتِيْلاً وَشاَءَ اَنْ يَرَى حَرَمِيْ وَعِياَلِيْ سَباَياَ
อัลลอฮ์ ทรงประสงค์จะเห็นฉันถูกสังหาร(ในหนทางของพระองค์) และประสงค์จะเห็นครอบครัวฉันตกเป็นเชลย(เพื่อรับษะวาบในการต่อสู้ครั้งนี้ ด้วยเช่นกัน)
จากนั้นอิม่ามฮูเซนได้กล่าวคำอำลาต่อท่านหญิงอุ มมุสะละมะฮ์และชาวมะดีนะฮ์ทั้งมวล และสั่งกองคาราวานเคลื่อนขบวน ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ระงม
ในระหว่างที่กำลังออกเดินทางนั้น ม้าของอิม่ามฮูเซนได้หยุดชะงัก ไม่ยอมเดินท่านจึงมองดู จึงเห็นฟาติมะฮ์บุตรสาวท่านยืนขวางอยู่น้ำตานางไหลพรากจนอิม่ามฮูเซนต้องเบือนหน้าหนีไปจากภาพที่อยู่ตรงหน้าเพราะความเจ็บปวดรวด ร้าวในอก
แม้อิม่ามฮูเซนจะเข้มแข็งสักปานใด แต่นี่คือบุตรสาวของท่านดวงตาที่อ้อนวอนร้องขอที่จะเดินทางไปด้วย
ฟาติมะฮ์กล่าวว่า พ่อคะ พ่อจะทิ้งหนูไว้ที่นี่ตามลำพังหรือ ? ทำไมไม่ให้หนูไปด้วย นางกล่าวอ้อนวอนทั้งน้ำตา
ในขณะที่อิม่ามฮูเซนยังคงนิ่งเฉย ไม่อาจแม้แต่จะสบตาลูกสาวได้ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
ฟาติมะฮ์กล่าวว่า พ่อจ๋า ถ้าพ่อไม่ให้หนูไป หนูขอน้องอาลีอัซฆัรไว้ให้อยู่กับหนูจะได้ไหม
หนู สัญญาว่า จะดูแลน้องให้ดีที่สุด จนกว่าพ่อจะกลับมา น้ำตาของผู้เป็นพ่อไหลรินออกมา โอ้ฟาติมะฮ์ของพ่อ เจ้าคงไม่รู้หรอกว่า นี่คือวันสุดท้ายที่เจ้าจะได้เห็นหน้าพ่อและน้องชายของเจ้า
ระหว่าง นั้นท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ได้เข้ามารวบตัวฟาติมะฮ์บุตรีฮูเซนไว้ในอ้อมกอด พลางปลอบว่า เจ้าอยู่กับยายก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก แล้วนางส่งสัญญาณให้อิม่ามฮูเซนออกเดินทางต่อไป
ทิ้งสตรีในวัยชรา กับลูกสาวซึ่งกำลังป่วยอยู่ที่กอดกันร่ำไห้ปริ่มว่า น้ำตาแทบเป็นสายเลือด และทัศนียภาพอันเศร้าหมองของนครมะดีนะฮ์ไว้เบื้องหลังเป็นครั้งสุดท้าย.....
อิม่ามฮูเซนพำนักอยู่ที่นครมักกะฮ์ได้ 4 เดือน 10 วัน หลังจากนั้นท่านก็ออกจากมักกะมุ่งหน้าสู่กูฟะฮ์ อิบนุซิยาดรู้ข่าวการมากูฟะฮ์ของอิม่าม จึงสั่งปิดทางที่จะเข้าสู่กูฟะฮ์ทุกเส้นทาง ชนิดที่คนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้า และส่งทหารม้าหนึ่งพันนายติดอาวุธครบมือออกไปสกัดคาราวานอิม่ามฮูเซน ให้อยู่ในสภาพที่ห่างไกลจากแหล่งน้ำและทุ่งหญ้า
แม่ทัพโฮ้ร บุตรยะซีด อัลริยาฮีพร้อมทหารม้าจึงได้มาเผชิญหน้ากับอิม่ามท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุที่เนินชะรอฟ
เมื่อ แม่ทัพโฮ้รได้ให้สลามแก่อิม่ามฮูเซน และขอน้ำดื่มจากอิม่าม อิม่ามฮูเซนได้คนของท่านนำน้ำมาให้โฮ้รรวมทั้งทหารและม้าของพวกเขาดื่ม
พอถึงเวลาซุฮ์ริทั้งสองฝ่ายได้นมาซญะมาอัตร่วมกันโดยอิม่ามฮูเซนเป็นอิม่ามญะมาอัต หลังนมาซเสร็จ
อิม่ามฮูเซนได้ปราศรัยต่อหน้ากองทหารว่า
โอ้ท่านทั้งหลาย ฉันขอปราศรัยเพื่อทำให้หลักฐานจบสิ้นต่ออัลลอฮ์และต่อพวกท่านว่า ฉันไม่เคยหาพวกท่านจนพวกท่านที่ส่งจดหมายและตัวแทนของพวกท่านมาหาฉัน ให้ฉันเดินทางมาหาพวกท่านโดยกล่าวว่า พวกเรานั้นไม่มีอิม่ามผู้นำ หวังว่าอัลลอฮ์จะทรงรวมพวกเราไว้กับท่านบนทางนำ ถ้าหากพวกท่านยังคงตั้งอยู่บนสิ่งนั้นฉันได้มาหาพวกท่านแล้ว ดังนั้นพวกท่านจงมอบสัญญาให้ฉันมั่นใจเถิดแต่ถ้าหากพวกท่านไม่พอใจต่อการมาของฉันฉันก็จะขอกลับไปยังที่เดิมที่ฉันจากมา
เมื่ออิม่ามฮูเซนกล่าวจบ แม่ทัพโฮ้รได้ตอบว่า วัลลอฮิ ผมไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย อิม่ามฮูเซนจึงสั่งให้อุกบะฮ์นำจดหมายเป็นหมื่นๆฉบับออกมาเทให้แม่ทัพโฮ้รอ่าน
แม่ทัพโฮ้รตอบว่า ตัวผมได้รับบัญชาให้มาปิดล้อมพวกท่านและคุมตัวท่านไปส่งให้ท่านอุบัยดุลเลาะฮ์ บุตรซิยาด
เมื่ออิม่ามฮูเซนต้องการจะเดินทางต่อ แม่ทัพโฮ้รก็ทำการขัดขวางคาราวานอย่างเข้มแข้ง แม่ทัพโฮ้รกล่าวว่า ผมไม่มีวันปล่อยท่านไปอย่างเด็ดขาด หากท่านปฏิเสธที่จะไปกับเรา ก็ขอให้ท่านเลือกเส้นทางอื่น ที่จะไม่เข้าสู่เมืองกูฟะฮ์และก็ไม่กลับสู่นครมะดีนะฮ์เช่นกัน ผมจะได้มีข้อแก้ตัวกับท่านอุบัยดุลเลาะฮ์ บุตรซิยาด อิม่ามฮูเซนจึงบอกกับคนของท่านว่า ให้นำคาราวานเดินทางออกจากเส้นทางหลัก โดยมีทหารหนึ่งพันนายขนาบไปตลอดทาง คาราวานอิม่ามฮูเซนเคลื่อนมาจนถึงนัยนาวา(สถานที่หนึ่ง) ม้าที่อิม่ามฮูเซนขี่ก็หยุดอยู่กับที่ ท่านจึงเปลี่ยนไปขี่ม้าอีกตัวหนึ่ง ท่านกระตุกอย่างไรมันก็ไม่ยอมเดิน ท่านก็เปลี่ยนไปขี่ตัวที่สามมันก็ไม่ยอมก้าวขา จนท่านเปลี่ยนม้าไปหกเจ็ดตัว ก็เป็นเหมือนกันหมดคือไม่ยอมเดิน เมื่ออิม่ามฮูเซนเล็งเห็นสัญญาณ(อะลามัต)อันยิ่งใหญ่เช่นนั้น วันนั้นตรงกับวันที่ 2 มุหัรรอม อิม่ามฮูเซนจึงเอ่ยถามญาติและมิตรสหายของท่านว่า
مَا اسْمُ هذِهِ الاَرْضِ ؟ แผ่นดินนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร ?
พวกเขาตอบว่า ตุซัมมา นัยนะวา ( เรียกกันว่า นัยนาวา )
ท่านถามว่า มันยังมีชื่ออื่นอีกไหม
พวกเขาตอบว่า ตุซัมมา อันดุล-ตุฟู๊ฟ (เรียกกันว่า แผ่นดิน ตุฟูฟ)
ท่านถามว่า มันยังมีชื่ออื่นอีกไหม
พวกเขาตอบว่า ตุซัมมา อัลฆอฎิรีย๊าต (เรียกกันว่า ฆอดิรียะฮ์)
ท่านถามว่า มันยังมีชื่ออื่นอีกไหม
พวกเขาตอบว่า ชาตีอุล ฟูรอต ( ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส )
ท่านถามว่า มันยังมีชื่ออื่นอีกไหม
พวกเขาตอบว่า ตุซัมมา อัลอักรุ
อิม่ามกล่าวว่า أَعُوْذُ بِاللهِ مِنَ الْعَقْرِ
ขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์ให้พ้นจากบาดแผล
ท่านถามว่า แล้วมันยังมีชื่ออื่นอีกไหม
พวกเขาตอบว่า เรียกกันว่า กัรบาลา
เมื่ออิม่ามฮูเซนได้สดับฟังชื่อนี้ ท่านก็ถอนหายใจยาวด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองพลางกล่าวว่า
اَللّهُمَّ اَعُوذُبِكَ مِنَ الْكَرْبِ وَالْبَلاءِ
โอ้อัลเลาะฮ์ ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากความทุกข์โศกและภัยบาลาด้วยเถิด
هاهُنا مَحَطُّ رحالِنا وهاهُنا وَاللّهِ مَحَلُّ قُبُورِنا
นี่คือสถานที่ๆอูฐของเราจะหยุดพักอย่างถาวร ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า ที่นี่คือสุสานของพวกเรา
وَبِهَذاَ وَعَدَنِىْ جَدِّىْ رَسُوْلُ اللّهِ صَلَّى اللّهُ عَلَيْهِ وَ آلِهِ
และนี่คือสิ่งที่ท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ) ตาของฉันได้ให้สัญญาไว้กับฉัน
ท่านหญิงอุมมุสะละฮ์เล่าว่า วันหนึ่งท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)นั่งอยู่ในบ้านฉันโดยท่านญิบรีลได้มาหาท่าน(และมีฮูเซนหลานท่านรอซูลฯอยู่ด้วย) ท่านญิบรีลได้กล่าวกับท่านรอซูล(ศ)ว่า
إِنَّ أُمَّتَكَ سَتَقْتُلُ هَذاَ بِأَرْضِ يُقاَلُ لَهاَ كَرْبَلاَءُ فََتَناَوَلَ جَبْرِيْلُ عَلَيْهِ السَّلاَمُ مِنْ تُرْبَتِهاَ فَأَراَهاَ النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ فَلَماَّ أُحِيْطَ بِحُسَيْنٌ حِيْنَ قُتِلَ
قاَلَ : ماَ اسْمُ هَذِهِ الْأَرْضُ ؟
قاَلُوْا : كَرْبَلاَءُ قاَلَ : صَدَقَ اللهُ وَرَسُوْلُهُ أَرْضُ كَرْبُ وَبَلاَءُ
แท้จริงอุมมะฮ์(ประชาชาติ)ท่าน จะสังหารเด็กคนนี้(ฮูเซน) ณ.แผ่นดินที่มันมีชื่อว่า กัรบาลา
ท่านญับริล(อ)ได้เอาดินที่นั่นมาให้ท่านนบี(ศ)ได้เห็นมัน
เมื่อมาถึงตอนที่ฮูเซนถูกปิดล้อมในตอนที่เขาถูกสังหาร เขาจึงถามว่าแผ่นดินมีชื่อว่าอะไร ?
พวกเขาตอบว่า กัรบาลา
ฮูเซนกล่าวว่า อัลเลาะฮ์และรอซูลของพระองค์ได้ตรัสสมจริงแล้วว่า มันคือแผ่นดินแห่งความทุกข์โศกและภัยพิบัติ
ดูมุอ์ญัม กะบีร โดยฏ็อบรอนี หะดีษที่ 2819
اَلسَّلامُ عَلَيْكَ يا اَبا عَبْدِاللهِ وَعَلَى الاَْرْواحِ الَّتي حَلَّتْ بِفِنائِكَ عَلَيْكَ مِنّي سَلامُ اللهِ اَبَداً ما بَقيتُ وَبَقِيَ اللَّيْلُ وَالنَّهارُ وَلا جَعَلَهُ اللهُ آخِرَ الْعَهْدِ مِنّي لِزِيارَتِكُمْ،
اَلسَّلامُ عَلَى الْحُسَيْنِ وَعَلى عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ وَعَلى اَوْلادِ الْحُسَيْنِ وَعَلى اَصْحابِ الْحُسَيْنِ
اَلسَّلامُ عَلَيْكُمْ جَمِيْعَ الشُّهَداَءِ كَرْبَلاَءَ وَرَحْمَةُ اللهِ وَبَرَكاتُهُ
إِنَّا لِلَّهِ وَإِنَّا إِلَيْهِ رَاجِعُونَ
عَنْ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ (عَلَيْهِمَا السَّلَام)، قاَلَ :
نَظَرَ النَّبِيُّ (صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَ آلِهِ) إِلِى الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيٍّ (عَلَيْهِمَا السَّلَام) وَ هُوَ مُقْبِلٌ، فَأَجْلَسَهُ فِيْ حِجْرِهِ وَ قاَلَ :
اِنَّ لِقَتْلِ الْحُسَيْنِ حَراَرَةً فِىْ قُلُوْبِ الْمُؤْمِنِيْنَ لاَ تَبْرَدُ اَبَداًكتاب : مستدرك الوسائل : ج 10، ص 233 ح48021
อิม่ามญะอ์ฟัร บุตรอิม่ามมุฮัมมัด บาเก็ร (อ) กล่าวว่า :
ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) จ้องมองไปยังฮูเซน บุตรอะลี(อ)ขณะที่(เพิ่งคลอดใหม่ๆแล้วมีคนอุ้มเขา ) มุ่งตรงมาหาท่าน แล้วท่านได้ให้เขานั่งในตักท่านพลางว่า :
แท้จริงสำหรับการสังหารฮูเซน มันจะยังร้อนรุ่มอยู่ในหัวใจของบรรดาผู้ศรัทธา ที่จะไม่มีวันเย็นลงได้ตลอดกาล
อ้างอิงจากหนังสือ มุสตัดร่อกุล วะซาอิล เล่ม 10 : 233 หะดีษ 48021
ที่มา http://www.q4wahabi.com
แสดงความเห็น