ทฤษฎีกฏระเบียบของโลก แสดงถึงการมีอยู่ของพระเจ้า

   ความเป็นระบบและระเบียบ ข้อพิสูจน์การมีพระเจ้าในทัศนะของอัล กุรอาน

 

   โองการต่างๆของอัล กุรอานได้กล่าวถึงปรากฏการณ์ต่างๆ ของโลกว่า เป็นสัญญาณของพระเจ้า และยังได้เชิญชวนมนุษย์ให้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองในสัญญาณเหล่านั้น เพื่อที่จะทำให้รู้จักถึงพระองค์ และเรียกกันว่า “การรู้จักสัญญาณต่างๆของพระเจ้า” ซึ่งก็มีความคล้ายคลึงกับทฤษฎีกฏและระเบียบของโลก

ก่อนที่จะอธิบายในตัวอย่างจากโองการทั้งหลายของอัล กุรอาน เห็นได้ว่า มีหลายทัศนะที่แตกต่างกันในการตีความ และการอรรถาธิบายในความหมายของโองการเหล่านั้น ซึ่งมีดังนี้

1.นักอรรถาธิบายอัล กุรอานบางคนกล่าวว่า โองการของอัลกุรอานใช้เป็นหลักฐานยืนยันการพิสูจน์เหตุผลทางสติปัญญา ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับทฤษฎีกฏและระเบียบของโลก บ่งบอกถึง การมีอยู่ของพระเจ้า และการมีอยู่ในคุณลักษณะบางประการของพระองค์ เช่น ความรอบรู้และความมีวิทยปัญญา เป็นต้น

2. โองการทั้งหลายของอัล กุรอานกล่าวถึง การรู้จักพระเจ้าด้วยกับสัญชาตญาณดั้งเดิมของมนุษย์ที่เกิดจากจิตใต้สำนึกของเขา เป็นการเตือนสติให้มนุษย์มิได้หลงลืมในการรู้จักถึงพระองค์

3. โองการทั้งหลายของอัล กุรอานกล่าวถึง การโต้แย้งและข้อพิพาทของพวกบูชาเจว็ด โดยพวกเขามีความเชื่อว่า เจว็ดที่พวกเขาบูชานั้น มีความสามารถ และมีอำนาจสูงสุดในการบริหาร ในขณะที่พวกเขาไม่เชื่อว่า โลกนี้มีพระเจ้าเพียงองค์เดียวที่มีอำนาจสูงสุดและจำเป็นที่จะต้องรู้จักถึงพระองค์

หลังจากที่ได้อธิบายถึง การรู้จักในสัญญาณต่างๆของพระเจ้า และได้ยกโองการทั้งหลายมาเป็นตัวอย่าง มีดังนี้

อัล กุรอานได้กล่าวถึง การเชิญชวนมนุษย์ให้ใช้สติปัญญาในการรู้จักสัญญาณต่างๆของพระเจ้า ว่า

“แท้จริงในการสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน, การเปลี่ยนแปลงกลางวันและกลางคืน แน่นอนเป็นสัญญาณทั้งหลาย สำหรับผู้มีสติปัญญา” (บทอัลอาลิอิมรอน โองการที่ 190 )

 

และวจนะหนึ่งได้รายงานจากท่านอิมามซอดิก (ขอความสันติพึงมีแด่ท่าน) ว่า

ท่านได้กล่าวกับสาวกคนหนึ่งของท่านซึ่งมีนามว่า มุฟัฎฎอล เกี่ยวกับเหตุผลการมีอยู่ของพระเจ้าว่า

“โอ้มุฟัฎฎอล หนึ่งในเหตุผลของการสร้างแห่งพระเจ้า ผู้ทรงเกริกเกียรติเกรียงไกร คือ การสร้างโลกโดยทำให้มีความเป็นระบบและระเบียบ และหากว่า เจ้าได้ครุ่นคิดในการสร้างโลกของพระองค์ และทำให้โลกนี้แยกออกจากกันเป็นส่วนๆ จะเห็นได้ว่า โลกนี้เปรียบประดุจดัง บ้านที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกพร้อมสำหรับผู้อาศัยและสามารถใช้ในสิ่งเหล่านั้นได้ ,ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลคือ เพดานของบ้านหลังนั้น ,แผ่นดิน คือ พรมที่ใช้ปูในบ้านนั้น ,หมู่ดวงดาวทั้งหลาย คือ ดวงประทีบที่ทอแสงสว่างแวววาวในบ้านนั้น ,อัญมณีอันมากมายมหาศาล คือ ทรัพย์สมบัติและมรดกที่ซ่อนอยู่ และทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ในสถานที่ของมัน และมนุษย์ คือ เจ้าของบ้านหลังนั้น และเป็นผู้ที่อาศัยและใช้ในสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลาย ไม่ว่าเป็น พืชพรรณทุกชนิดหรือสัตว์ทุกประเภท ทั้งหมดนั้นถูกสร้างเพื่อให้ใช้ประโยชน์จากมันทั้งสิ้น  และนี่คือ เหตุผลที่กระจ่างชัดในการสร้างโลกของพระเจ้า และด้วยกับการมีวิทยปัญญาและความรอบรู้ของพระองค์ ดังนั้น พระองค์ คือ พระผู้สร้างโลกเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น”(บิฮารุลอันวาร เล่มที่ 3 หน้าที่ 61)

ตัวอย่างจากอัล กุรอานและวจนะที่ได้กล่าวถึงความเป็นระบบและระเบียบในการสร้างของพระเจ้า ซึ่งมีดังนี้

 

   1.การสร้างมนุษย์

 

อัล กุรอานได้กล่าวถึงการสร้างมนุษย์ ว่า

และบางสัญลักษณ์ของพระเจ้า คือ การสร้างมนุษย์มาจากดิน หลังจากนั้น พวกเจ้าก็เป็นมนุษย์ที่กระจัดกระจายบนหน้าแผ่นดิน” (บทอัร-รูม โองการที่ 20)

 

 

ท่านอิมามซอดิก (ขอความสันติพึงมีแด่ท่าน) ได้กล่าวเกี่ยวกับความเป็นระบบและระเบียบในการสร้างมนุษย์ ความว่า

“ช่างแปลกเสียนี่กระไร ในการสร้างของพระเจ้า ที่มนุษย์สงสัยว่า พระองค์ทรงปกปิดจากสายตาบ่าวของพระองค์ ในขณะที่พระองค์ทรงเห็นถึงผลของการกระทำที่สติปัญญาของมนุษย์นั้นมีความสับสนและงุนงงต่อการสร้างของพระองค์ และขอสาบานว่า หากมนุษย์ได้ครุ่นคิดในการกระทำของพระเจ้า  จะเห็นถึงความกระจ่างชัดในเหตุผลจากการกระทำเหล่านั้น ที่มีความเป็นระบบและระเบียบ และด้วยกับความโปรดปรานและความเมตตากรุณาของพระองค์ในการบริหาร และการสร้างทุกสรรพสิ่ง จากสิ่งที่มิได้มีมาก่อน แล้วทำให้เป็นธรรมชาติ โดยมีรูปร่าง ซึ่งทั้งหมดนั้น บ่งบอกถึงการมีอยู่ของพระผู้ทรงสร้างที่มีวิทยปัญญาเพียงพระองค์เดียว เพราะไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล และไม่มีความเป็นระบบและระเบียบ”[1]

 

   2.ความแตกต่างของภาษา และสีสัน

อัล กุรอานได้กล่าวถึงความแตกต่างของภาษา และสีสัน ว่า

“และบางสัญลักษณ์ของพระองค์ ในการสร้างชั้นฟ้ากับแผ่นดินและความแตกต่างของภาษากับสีผิวของพวกเจ้า การสับเปลี่ยนนั้นเป็นสัญลักษณ์ทั้งหลายสำหรับผู้มีวิจารณญาณ”

(บทอัรรูม โองการที่ 22)

ท่านอิมามซอดิก (ขอความสันติพึงมีแด่ท่าน) ได้กล่าวสอนกับมุฟัฎฎอล สานุศิษย์คนหนึ่งของท่าน ถึงความเป็นเอกะของพระผู้เป็นเจ้า ว่า

 “โอ้มุฟัฎฎอล จงคิดคำนึงเถิดว่า  อัลลอฮ์(พระเจ้า)ทรงประทานการพูดให้กับมนุษย์ทั้งหลายได้อย่างไร?แล้วทำให้พวกเขาพูดในสิ่งที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของพวกเขาได้ แ ละผลของการพูด ก็คือ ความคิดของพวกเขา และพระองค์ทรงทำให้พวกเขามีความเข้าใจในสิ่งทีอยู่เหนือตัวของพวกเขาได้ และถ้าพวกเขาไม่มีการพูด แน่นอนที่สุด เขาก็เหมือนกับสัตว์สี่เท้าที่ไม่ถูกรับรู้ในสิ่งที่มีอยู่ในตัว และไม่มีความรู้ในสิ่งอยู่นอกตัว”[2]

 

   3.ระบบการเป็นคู่ๆของสรรพสิ่งที่มีอยู่ในโลก

 

อัล กุรอานได้กล่าวถึง การมีอยู่เป็นคู่ๆของทุกสรรพสิ่งในโลก ว่า

“และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ การสร้างคู่ครองให้แก่พวกเจ้าจากตัวของพวกเจ้าเอง เพื่อพวกเจ้าจะได้มีความสุขอยู่กับนาง และการมีความรักใคร่และความเมตตาระหว่างพวกเจ้า แท้จริงในการนี้ แน่นอนย่อมเป็นสัญญาณแก่กลุ่มชนผู้ไตร่ตรอง”(บทอัร-รูม โองการที่ 21)

อัล กุรอานยังกล่าวอีกว่า

“และจากทุก ๆ สิ่งนั้น เราได้สร้าง (มัน) ขึ้นเป็นคู่ ๆ เพื่อพวกเจ้าจะได้ไตร่ตรอง

(บทอัซซาริยาต โองการที่ 49)

ท่านอิมามอะลี ( ขอความสันติพึงมีแด่ท่าน ) ได้กล่าวว่า

“พระเจ้าทรงสร้างความสว่างคู่กับความมืด และความเปิดเผยคู่กับความซ่อนเร้น และความแห้งแล้งคู่กับความเปียกชื้น และความหนาวคู่กับความร้อน และพระองค์เป็นผู้ทรงจัดให้มีระบบและระเบียบในสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ดั่งโองการที่กล่าวว่า “และจากทุกๆสิ่งนั้น เราได้สร้าง(มัน)ขึ้นเป็นคู่ๆ เพื่อพวกเจ้าจะได้ไตร่ตรอง”[3]

 

 

 

 

   4.การมีอยู่ของสิ่งที่มีชีวิต

 

อัล กุรอานได้กล่าวถึง การมีอยู่ของสิ่งที่มีชีวิต ว่า

 “แท้จริงอัลลอฮ์ ทรงเป็นผู้ให้เมล็ดพืชและเมล็ดอินทผลัมปริออก ทรงให้สิ่งที่มีชีวิตออกจากสิ่งที่ไม่มีชีวิต และทรงให้สิ่งที่ไม่มีชีวิตออกจากสิ่งที่มีชีวิต นั่นแหละคืออัลลอฮ์ แล้วอย่างไรเล่าที่พวกเจ้าถูกหันเหไปได้”

(บทอัลอันอาม โองการที่ 95)

ท่านอิมามอะลีได้กล่าวถึง การสร้างของสิ่งที่มีชีวิตว่า เป็นสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่อันหนึ่งของพระเจ้า ว่า

 “หากว่า สัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนก หรือสัตว์สี่เท้าและสัตว์ทุกชนิดมารวมตัวกัน ก็ไม่สามารถที่จะสร้างสัตว์อื่นที่เหมือนกับสัตว์ตัวนั้น หรือแม้ยุงสักตัวหนึ่งได้ เพราะว่าพวกมันไม่รู้ในวิธีการสร้าง และไม่มีสติปัญญาที่สามารถจะไปถึงความรู้นั้นได้”[4]

 

   5.การเจริญเติบโตของพรรณพืช

 

อัล กุรอานได้กล่าวถึง การเจริญเติบโตของพรรณพืช ว่า

 “และพระองค์คือ ผู้ที่ทรงให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วทรงให้ออกมาจากน้ำนั้น ซึ่งพรรณพืชของทุกสิ่งและเราได้ให้ออกจากพรรณพืชนั้น ซึ่งสิ่งที่มีสีเขียว และจากสิ่งที่มีสีเขียวนั้น เราได้ให้ออกมาซึ่งเมล็ดที่ซ่อนตัวอยู่ และจากต้นอินทผาลัมนั้น จั่นของมันเป็นหลายต่ำ (และทรงให้ออกมาด้วยน้ำนั้นอีก) ซึ่งสวนองุ่น และต้นมะกอก และต้นทับทิม โดยมีสภาพที่คล้ายคลึงกัน และไม่คล้ายคลึงกัน พวกเจ้าจงมองดู ผลของมัน เมื่อมันเริ่มออกผล และเมื่อมันสุกงอม แท้จริงในสิ่งเหล่านั้น แน่นอน มีสัญญาณมากมาย สำหรับกลุ่มชนผู้ศรัทธา” (บทอัล-อันอาม โองการที่ 99)

ท่านอิมามซอดิก (ขอความสันติพึงมีแด่ท่าน) ได้กล่าวถึงความลี้ลับในการสร้างและการเจริญเติบโตของพรรณพืช  บ่งบอกถึง การมีอยู่ของพระเจ้า ผู้ทรงมีวิทยปัญญา ว่า

“สูเจ้า จงใช้สติปัญญาไตร่ตรองในการสร้างต้นไม้และพรรณพืชทั้งหลาย เพราะว่าแท้จริงมันมีความต้องการอาหารเหมือนกับความต้องการของสัตว์ทั้งหลาย และมันไม่มีปากที่ใช้กินอาหารเหมือนกับสัตว์เหล่านั้น และไม่มีการเคลื่อนไหวเหมือนกับสัตว์เหล่านั้น แต่มันมีรากที่อยู่ใต้พื้นดินเพื่อที่จะได้หาอาหารไปหล่อเลี้ยงลำต้นของมัน ดังนั้น พื้นดิน คือ มารดาที่ให้การเลี้ยงดูและการเจริญเติบโต ส่วนรากของพรรณพืช คือ ปากที่ใช้สำหรับกินอาหารแล้วนำไปสู่ร่างกายของมัน ประดุจดั่งแม่ที่ให้นมแก่ลูกน้อยของนาง”[5]

 

 

   6.โลกของนกทั้งหลาย

 

อัล กุรอานกล่าวถึง การสร้างนกทั้งหลาย ว่า

“พวกเขาไม่เห็นฝูงนกดอกหรือว่า พวกมันได้รับความสะดวกสบายในห้วงอากาศแห่งชั้นฟ้า และไม่มีผู้ใดยึดดึงพวกมันไว้ได้นอกจาก อัลลอฮ์(พระเจ้า) แท้จริงในการนั้น แน่นอนย่อมเป็นสัญญาณต่างๆสำหรับกลุ่มชนผู้ศรัทธา”

(บทอัลนะห์ล์ โองการที่ 79)

 




[1] (บิฮารุลอันวาร เล่มที่ 3 หน้าที่ 152)

 

[2] (บิฮารุลอันวาร เล่มที่ 3 หน้าที่ 82)

[3] (อัตเตาฮีด-อัศศอดูก บทที่ 2 ฮะดีษที่ 2)

 

[4] (นะฮ์ญุลบะลาเฆาะ สุนทรโรวาทที่186)

[5] (บิฮารุลอันวาร เล่มที่ 3 หน้าที่ 130)

 

แสดงความเห็น