วะฮ์ฮาบี ตัวทำลายอิสลาม
ลัทธิวะฮ์ฮาบี : กำเนิด เป้าหมายและแนวความคิด
โลกมุสลิมและประชาชาติที่ไม่ใช่มุสลิมในช่วงวันเวลานี้ กำลังเห็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นของการโจมตีที่โหดร้ายของบรรดาศัตรูที่เป็นอาชญากรชาววะฮ์ฮาบีตักฟีรี (ลัทธิที่ตัดสินว่าผู้ที่มีความเชื่อที่ต่างไปจากตนเองทั้งหมดคือผู้ปฏิเสธอิสลาม) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบรรดามหาอำนาจของโลกโดยการนำของอเมริกา ลัทธิไซออนิสต์และกลุ่มประเทศในยุโรป ที่กำลังต่อต้านทำลายล้างบรรดามุสลิมและบรรดาชีอะฮ์ผู้ถูกกดขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวชีอะฮ์ในปากีสถาน ในการก่ออาชญากรรมเหล่านี้ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่อยู่บนท้องถนน ตลาดและในสถานที่ทำงาน ต้องตกเป็นเป้าของการโจมตีและต้องกลิ้งเกือกอยู่บนกองเลือดและฝุ่น?!
ศัตรูของอิสลามนั้น แม้เพียงคนเดียวจากพลเมืองทั่วไปในบางประเทศที่ถูกสังหาร เสียงร้องตะโกนประท้วงคัดค้านและการเรียกร้องสิทธิมนุษยชนของพวกเขาจะดังกึกก้องไปถึงชั้นฟ้าและทำให้หูทั้งหลายเกือบจะหนวก! แต่ในการเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้ พวกเขากลับไม่เคยแม้แต่จะแสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมาให้เห็นสักเพียงเล็กน้อย ในทางตรงข้าม พวกเขากลับให้การปกป้องบรรดาผู้ก่ออาชญากรรมเหล่านี้อย่างไร้ยางอายด้วยความอาจหาญสิ้นดี?!
เนื่องจากเหตุการณ์เหล่านี้ เพื่อที่จะให้เกิดความกระจ่างชัดมากขึ้นถึงตัวการและสาเหตุต่างๆ ของเหตุการณ์เหล่านี้ เพื่อเปิดเผยโฉมหน้าที่น่าอับอายและน่าอัปยศอดสูของกลุ่มวะฮ์บีตักฟีรีที่ได้รับการสนับสนุนทางด้านอาวุธ การเงินและการเมืองจากมหาอำนาจและรัฐบาลหุ่นเชิดในภูมิภาคตะวันออกกลาง อย่างเช่นซาอุดีอาระเบีย กาตาร์และอื่นๆ เราขอนำเสนอบทความต่อไปนี้แก่ท่านผู้อ่านผู้มีเกียรติ ซึ่งจะทำการวิเคราะห์ตรวจสอบวิธีการของการกำเนิดของลัทธิวะฮ์ฮาบีที่เกิดจากมุฮัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบและแนวคิดของลัทธินี้
ก่อนที่จะเข้าสู่การศึกษาค้นคว้านี้ จะขอกล่าวถึงประเด็นต่างๆ ต่อไปนี้
1. ลัทธิวะฮ์ฮาบี ถือกำเนิดขึ้นในคาบสมุทรอาหรับ ในศตวรรษที่ 12 ของฮิจเราะฮ์ศักราช (ศักราชอิสลาม) โดยมุฮัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบ ตะมีมี นัจดี (มีอายุระหว่าง ฮ.ศ.1115-1206) ลัทธิอุบาทว์ เบี่ยงเบนและห่างไกลจากจากหลักคำสอนอันสูงส่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งจวบจนถึงขณะนี้มิได้สร้างผลลัพธ์ใดๆ นอกจากการสร้างความแตกแยก การก่อความเสียหาย การทำลายล้างและอาชญากรรมขึ้นในโลกอิสลามและในหมู่ประเทศมุสลิม
2. คำกล่าวอ้างต่างๆ เกี่ยวกับเตาฮีด (ความเชื่อในเอกานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า) อันบริสุทธิ์และปฏิเสธทุกรูปแบบของการตั้งภาคี (ชิรีก) ความเชื่อที่เหลวไหลและการต่อสู้กับแนวความคิดและความเชื่อต่างๆ ที่ถือเป็นการปฏิเสธต่อศาสนา (กุฟร์)! ที่ประกอบด้วยการมองแต่เปลือกนอกอย่างผิวเผิน การมองเพียงด้านเดียว ความเข้าใจที่ผิดพลาดและการทำลายล้างร่องรอยต่างๆ ของศาสนาอิสลาม ในทางปฏิบัติกลับกลายเป็นการประนีประนอมจับมือกับบรรดาผู้ปฏิเสธศาสนา (กุฟฟาร) และนักล่าอาณานิคมผู้สวาปามโลก อย่างเช่นอังกฤษและสหรัฐอเมริกา!
3. ในอีกด้านหนึ่ง บรรดานักอาณานิคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งอังกฤษ แม้เราจะไม่กล่าวว่ามีส่วนในความพยายามอย่างมากมายในการสร้างและการก่อตั้งลัทธินี้ขึ้นมา แต่ก็เป็นสิ่งที่ชัดเจนว่าพวกเขาได้ฉกฉวยเอาประโยชน์อย่างมากมายจากลัทธินี้และจากลัทธิต่างๆ ที่คล้ายกันนี้ อย่างเช่น ลัทธิก็อดยานีในอินเดียและลัทธิบาไฮในอิหร่านและอื่นๆ ลัทธินี้ในปัจจุบันคือเครื่องมือที่สำคัญที่สุดและใหญ่ที่สุดของบรรดาประเทศนักล่าอาณานิคม อันได้แก่อเมริกาและอังกฤษ และเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดต่อความเป็นเอกภาพของชาวมุสลิม
4. ชาววะฮ์ฮาบีได้ทำให้ดินแดนแห่งวะฮ์ยู (วิวรณ์) และปวงศาสดาของพระเจ้า กลายเป็นฐานบัญชาการและศูนย์กลางของการเดินทางไปมาของบรรดาผู้ปฏิเสธศาสนา (กุฟฟาร) และบรรดาผู้ตั้งภาคี (มุชริกีน) การรวมตัวของกองกำลัง เครื่องมือและยุทโธปกรณ์สงครามต่างๆ ของบรรดาศัตรูของอิสลามและมุสลิม
5. ในอีกด้านหนึ่ง บรรดาผู้นำของลัทธิที่หลงทางนี้ ได้ยืนหยัดขึ้นต่อต้านการปฏิวัติอิสลามของอิหร่านภายใต้การนำของท่านอิหม่าม โคมัยนี (ร.ฮ.) ซึ่งเป็นวีรกรรมแห่งอิสลามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 14 แห่งฮิจญ์เราะฮ์ศักราช (คริตศักราชที่ 20) พวกเขาไม่เคยหยุดยั้งจากทุกรูปแบบของการต่อสู้ การปลุกปั่นและการก่อความสับสนวุ่นวายต่อมุสลิมชาวอิหร่านและต่อบรรดาผู้นำศาสนา! สถิติและตัวเลขต่างๆ ที่ถูกเผยแพร่ แสดงให้เห็นว่าในประเทศซาอุดีอาระเบีย (ศูนย์กลางของชาววะฮ์ฮาบี) ตลอดระยะเวลาในแต่ละปีแต่ละวันแต่ละคืน บทความ การปราศรัย การประชุม หนังสือ และอื่นๆ จำนวนนับร้อยนับพัน ถูกตีพิมพ์เผยแพร่และถูกแสดงโดยสถาบันและศูนย์กลางต่างๆ ทางด้านวัฒนธรรมของประเทศนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สื่อมวลชนที่ทำหน้าที่ในการนำเสนอข่าวในเครือของลัทธิวะฮ์ฮาบีและขบวนการของพวกซะละฟี (ทั้งเว็บไซต์และดาวเทียม) ในการต่อต้านและต่อสู้กับหลักการอันสูงส่งของชีอะฮ์อิสนาอะชะรียะฮ์ (ซึ่งเป็นอิสลามที่บริสุทธิ์ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ))
6. เมื่อพิจารณาถึงปัญหาเหล่านี้ แม้จะมีหนังสือและบทความต่างๆ จำนวนมากมายที่ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ออกไปโดยนักวิชาการและบุคคลสำคัญทางด้านวิชาการและทางศาสนาของประเทศอิหร่านและของประเทศมุสลิมอื่นๆ บางประเทศ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ หลักความเชื่อและพฤติกรรมของลัทธิวะฮ์ฮาบีก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงความจำเป็นในการให้ความรู้และความเข้าใจแก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นการปกป้องหลักความเชื่ออันถูกต้องของชีอะฮ์อิสนาอะชะรียะฮ์และมุสลิมโดยรวมที่มีความใฝ่รู้ในเนื้อหาต่างๆ ทางด้านประวัติศาสตร์ และมีความรักความผูกพันต่อการปฏิวัติอิสลามอันยิ่งใหญ่ของอิหร่าน การอธิบายและการให้ความกระจ่างต่อคำพูดอันเป็นประวัติศาสตร์ของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) เกี่ยวกับลัทธินิกายวะฮ์ฮาบีที่ไร้แก่นสารและเหลวไหล ในบทวิจัยนี้แม้จะเป็นย่างก้าวที่เล็กๆ แต่ก็พยายามที่จะทำหน้าที่ของตนในเรื่องนี้ อินชาอัลลอฮ์ (หากพระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์)
แสดงความเห็น