จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป !

อย่าบังคับเด็กให้มีความประพฤติแบบเดียวกับท่าน เพราะจริงๆแล้วช่วงเวลาที่พวกเขาถูกสร้างมานั้นแตกต่างจากเวลาของท่าน

 

จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป !

 

หลุยส์ อาร์มสตรอง เป็นที่รู้จักว่ามีใบหน้า ที่ยิ้มแย้ม เสียงแหบห้าว พกผ้าเช็ดหน้าสีขาว และมีฝีมือเล่นทรัมเป็ต แต่ในวัยเด็กเขาขาดความอบอุ่นและมีชีวิตที่ยากลำบาก เพราะถูกพ่อทอดทิ้งตั้งแต่ยังเป็นทารก และถูกส่งเข้าสถานดัดสันดานด้วยวัยเพียง 12 ปี น่าประหลาดที่ชีวิตเขากลับพลิกผันไปในทางที่ดี

 

ปีเตอร์ เดวิส เป็นครูดนตรีได้มาสอนดนตรีแก่เด็กชายที่โรงเรียนนี้เป็นประจำ ไม่นานหลุยส์ก็เป่าคอร์เน็ตได้อย่างเชี่ยวชาญ และกลายเป็นหัวหน้าวงดนตรีเด็กชาย เส้นทางชีวิตของเขาราวกับถูกกำหนดให้กลายเป็นนักทรัมเป็ต และศิลปินที่โด่งดังไปทั่วโลก เรื่องราวของหลุยส์เป็นตัวอย่างให้กับพ่อแม่ทุกคน

 

ดังคำกล่าวที่ว่า “จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น” ไม่เพียงสามารถนำมาใช้กับการฝึกฝนฝ่ายวิญญาณและศีลธรรมในชีวิตลูกหลานของเราได้เท่านั้น เราควรตระหนักว่าเด็กมักสนใจในเรื่องที่เขามีพรสวรรค์อยู่แล้ว ในกรณีของหลุยส์ การฝึกฝนทางดนตรีเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้เขากลายเป็นนักทรัมเป็ตอัจฉริยะได้

 

ขณะที่เราสอนแนวทางของพระเจ้าจากพระดำรัสของพระองค์แก่ลูกหลานของเราด้วยความรักแล้ว เราควรสนับสนุนพวกเขาในสิ่งที่เขาสนใจและมีพรสวรรค์ มีพ่อแม่หลายคนพยายามบังคับลูกให้เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบไม่ยอมสนับสนุนในสิ่งที่ลูกชอบและทำได้ดีอยู่แล้ว เช่น ลูกเก่งด้านการวาดภาพ แต่พ่อแม่กลับให้ไปเรียนเป็นพยาบาลซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เด็กชอบหรือถนัด การบังคับให้ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ จะเกิดความอึดอัดใจและทำได้ไม่ดีพอซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเขาทั้งชีวิตก็ได้

 

ฉะนั้นการสนับสนุนเขาให้ทำในสิ่งที่เขาชอบ และเราเห็นสมควรจึงเป็นสิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม เพื่อพวกเขาจะได้เติบโตตามแผนการที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับพวกเขาอย่างสมบูรณ์

 

อิมามอาลี (อ) ได้กล่าวว่า "อย่าบังคับเด็กให้มีความประพฤติแบบเดียวกับท่าน เพราะจริงๆแล้วช่วงเวลาที่พวกเขาถูกสร้างมานั้นแตกต่างจากเวลาของท่าน"

 

ที่มา –อะฮ์ลุลบัยต์คิดส์

 

แสดงความเห็น