อับราฮะฮ์แห่งซาอุฯ และกองทัพช้างทั้งหลายของสหรัฐฯ

เมื่อครั้งที่อับราฮะฮ์จอมโอหังยกกองทัพช้างมาเพื่อทำลายวิหารกะอ์บะฮ์ ก่อนที่จะเข้าถึงเขตพื้นที่มักกะ พวกเขาได้กวาดต้อนยึดเอาฝูงอูฐของท่านอับดุลมุตตอลิบ บ่าวผู้ศอเละฮ์ของพระเจ้าและเป็นปู่ของท่านศาสดาแห่งอิสลามไปอย่างมิชอบ ท่านอับดุลมุตตอลิบได้มุ่งไปยังค่ายพ

 

เมื่อครั้งที่อับราฮะฮ์จอมโอหังยกกองทัพช้างมาเพื่อทำลายวิหารกะอ์บะฮ์ ก่อนที่จะเข้าถึงเขตพื้นที่มักกะ พวกเขาได้กวาดต้อนยึดเอาฝูงอูฐของท่านอับดุลมุตตอลิบ บ่าวผู้ศอเละฮ์ของพระเจ้าและเป็นปู่ของท่านศาสดาแห่งอิสลามไปอย่างมิชอบ ท่านอับดุลมุตตอลิบได้มุ่งไปยังค่ายพักแรมของพวกเขา ท่านได้ทวงอูฐของท่านคืนจากอับราฮะฮ์โดยที่มิได้เอ่ยสิ่งใดเกี่ยวกับมักกะฮ์และวิหารกะอ์บะฮ์เลย ซึ่งสร้างความแปลกใจให้แก่อับราฮะฮ์เป็นอย่างมาก เขากล่าวว่า : “ฉันคิดว่าผู้ที่ยิ่งใหญ่เยี่ยงท่านคงจะวิตกกังวลเกี่ยวกับกะอ์บะฮ์และมักกะฮ์ พร้อมข้อร้องฉันมิให้รุกรานเมืองนี้ แต่ตรงกันข้ามท่านกลับร้องขอเพียงอูฐของท่านจากฉันแค่นั้นหรือ ?”

 

ท่านอับดุลมุตตอลิบตอบว่า : “ฉันคือเจ้าของอูฐของฉัน และวิหารกะอ์บะฮ์แห่งนี้ก็มีเจ้าของมันเช่นเดียวกันที่จะพิทักษ์ปกป้องบ้านของตนเอง ” เวลาที่ผ่านไปเพียงเล็กน้อยชี้ให้เห็นถึงการมีวิสัยทัศน์ที่นุ่มลึกของท่านอับดุลมุตตอลิบ และแล้วกองทัพช้างของอับราฮะฮ์ก็ถูกถล่มโดยฝูงนกอะบาบีลด้วยกับอาวุธแห่งนรกซิจญีล และเรียกราวนี้ได้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์เพื่อตอกย้ำถึงพลานุภาพของเอกองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ)

ณ ตอนนี้ในช่วงเวลาที่บ้านแห่งพระเจ้าตกอยู่ภายใต้การยึดครองของต้นไม้ที่ถูกสาปแช่ง และเหล่าบรรดาผู้แสวงบุญยังบ้านที่ปลอดภัยของพระองค์ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ ซึ่งโศกนาฏกรรมแห่งมินาคือหนึ่งจากอาชญากรรมทั้งหลายของราชวงศ์อาลิซาอู๊ด ราชวงศ์ที่ก่อฟิตนะฮ์ในภูมิภาค สงครามและการรุกรานเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เสียงเหล่ามุฟตีย์ของซาอุฯ ที่มีบรรพบุรุษเป็นจอมโกหกและแปลงปลอมฮะดิษนั้นดังพอ ที่จะนำเอาความเท็จที่พวกเขากุขึ้นมาว่า ” อันศอรุลลอฮ์ ” แห่งเยเมนยิงขีปนาวุธเข้าใส่มักกะฮ์มาเชื่อมโยงกับเรื่องราวของอับราฮะฮ์ พร้อมประกาศกร้าวว่าจะทำลายล้างพวกเขาให้สิ้นซากเหมือนดังนกอะบาบีล ..

 

ประชาชนเยเมนเหมือนกับกองทัพอับราฮะฮ์ที่รุกรานก่อนอย่างนั้นหรือ ? หรือว่ารัฐบาลซาอุฯ กันแน่ที่โจมตีประเทศนี้ก่อนโดยใช้ข้ออ้างสนับสนุนประธานาธิบดีที่ขอลาออกที่ไม่ได้ถูกแต่งตั้งตามกฏหมาย เพื่อขัดขวางการเป็นเอกราชที่แท้จริงของประชาชนเยเมนจากการตกเป็นทาส ? และถ้าหากอันศอรุลลอฮ์มีเจตนาที่จะทำลายบ้านของพระเจ้าจริงๆ ละก็ ทำไมอาลิซาอู๊ดถึงไม่มอบหมายให้พระองค์ผู้ทรงอำนาจตอบโต้การกระทำดังกล่าวแทนการใช้อะบาบีล ( เครื่องบินรบ ) ของตนเองทิ้งซีจญีล (ระเบิด ) ถล่มเยเมน ? ในเมื่อพวกเขาเชื่อในการกำหนดภาวะการณ์ ของอัลลอฮ์ ทำไมพวกเขาถึงแทรกแซงในการงานของพระองค์ โดยใช้ตนเองเป็นศาลเตี้ย ? เรือรบของสหรัฐฯ ซาตานตัวใหญ่และเป็นฏอฆูตแห่งยุคสมัยสามารถเล่นบทบาทของอะบาบีล และระเบิดของอังกฤษกับอิสราเอลสามารถเป็นซิจญีลได้หรือ ? พระองค์นับว่าการงานเฉกเช่นนี้เป็นที่อนุญาติอย่างนั้นหรือ ? การสังหารประชาชนที่บริสุทธิ์ของเยเมนในพิธีไว้อาลัยที่แม้แต่เลขาธิการของสหประชาชาติที่ไร้จิตสำนึกและรับเงินใต้โต๊ะจากซาอุฯ ยังต้องออกมาประณามสิ่งนี้อย่างไม่มีทางเลือก และนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งจากอาชญากรรมทั้งหลายที่ก่อโดยอะบาบีลของสหรัฐฯ กับซิจญีลของตะวันตก

 

 

หากรัฐบาลของซาอุดิอารเบียมีความกังวลเกี่ยวกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของอิสลามแล้วไซร้เหตุใดพวกเขาถึงยื่นมือเเห่งมิตรภาพให้กับเหล่าผู้ยึดครองกิบละฮ์แรกของมุสลิม และไม่เคยคิดดำเนินการใดเพื่อปลดปล่อยบัยตุลมุก็อดดัสเลย ?

หรือแท้ที่จริงแล้ว การกุเท็จดังกล่าวของซาอุฯ เพียงเพื่อต้องการปกปิดความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องของรัฐบาลนี้ในเยเมนและภูมิภาค และความล้มเหลวในการดึงดูดประเทศมุสลิมบางประเทศของภูมิภาคให้เข้าร่วม จะต้องไม่ลืมว่า ในช่วงเริ่มต้นของการโจมตีเยเมน รัฐบาลซาอุฯ ได้พูดถึงแนวร่วมพันธมิตรที่มีเพียงตนเท่านั้นที่ทราบรายละเอียด ในขณะที่ประเทศที่ถูกเอ่ยนามว่าจะเข้าร่วมในสงครามนี้กลับไม่รู้เรื่องอะไร หลายประเทศที่ถูกประกาศชื่อว่าเป็นสมาชิกของแนวร่วมดังกล่าวได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการปฏิเสธการเข้าร่วมของตน บางประเทศอย่างเช่น ปากีสถานก็ออกมาประกาศว่าไม่ถือฝ่ายใด จะเข้าร่วมสมทบก็ต่อเมื่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดนคุกคาม

 

ยี่สิบเดือนแห่งการโจมตีเยเมนของซาอุฯ มีเพียงอาชญากรรม การเข่นฆ่าและสังหารเด็ก และในขณะนี้ที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีโต้ตอบของเหล่านักปฏิวัติและทหารหาญของเยเมน และเมื่อเห็นว่าสถานที่และเมืองต่างๆ ที่เป็นจุดยุทธศาตร์เฉกเช่น พื้นที่อัลเญดดะฮ์ และริยาดตกอยู่ในพิกัดขีปนาวุธของเยเมน ทำให้ตระหนักได้ว่ากำลังจะเป็นเหมือนดั่ง ” ซัดดัม ฮุซเซน ” ที่ฝันว่าจะชนะภายในไม่กี่วัน แต่ต้องตื่นด้วยหมัดของอิหร่าน พวกเขากำลังเห็นความเป็นจริงที่เป็นอยู่ เห็นทหารของตนเองกับโลงศพ เห็นสมรภูมิการต่อสู้ของเหล่าผู้มีอีมานไปยังการช่วยเหลือของพระเจ้า ทำให้ซาอุฯ ที่ทำได้ทุกวิธีทาง พยายามที่จะกระตุ้นความรู้สึกของมวลมุสลิมด้วยกับการกล่าวเท็จไปยังกลุ่มอันศอรุลลอฮ์

เพื่อหาพวก และมอบฝันกำลังใจให้กับกองกำลังที่เหน็ดเหนื่อยและสิ้นหวังของตน

 

เหล่านักปกครองที่ทำให้เรื่องราวแห่งยุคญาฮิลียะฮ์ก่อนการแต่งตั้งศาสดา (ศ็อลฯ) มีชีวิตขึ้นอีกครั้งในศตววษนี้นั้นควรค่ากับการลงทัณษ์ของพระเจ้ามากกว่า มิใช่เหล่านักต่อสู้ที่มกมุ่นอยู่กับการญิฮาดเพื่อปกป้องเกียรติยศและชีวิตของตน หากเหล่ามุฟตีของซาอุฯ ได้รับกลิ่นไอเพียงน้อยนิดของศาสนาอิสลาม พวกเขาคงไม่ฟัตวาให้มีการญิฮาดด้วยเซ็กก์หรือสิ่งที่เหมือนกับมัน ที่สร้างความยินดีให้กับพวกไร้ยางอายในโลกหรอก มันเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจว่าสิ่งมีชีวิตเฉกเช่นนี้ยังเรียกตัวเองว่ามนุษย์อีกหรือ ซ้ำยังเห็นว่าตนอยู่ในสถานนะที่ได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์ ถ้าหากต้องมีการถล่มลงมาของซิดญีลจริงๆ แล้วละก็ นั่นย่อมเป็นขีปนาวุธของชาวเยเมนที่ลงบนหัวของนักปกครองเหล่านี้ และกวาดทำลายล้างกองทัพจอมรุกรานขอวอับราฮะฮ์ อินชาอัลลอฮ์.

 

 

ที่มา : http://kayhan.ir/fa/mobile/news/89347/854

แสดงความเห็น