ผู้นำการปฏิวัติแห่งอิหร่านระบุอิหร่านต้องมีอำนาจป้องกัน

ฯพณฯอยาตุลลอฮ์ซัยยิดอาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของประเทศอิหร่านได้กล่าวต่อคณะมัดฎอฮ์ (ผู้อ่านลำนำเกี่ยวกับความประเสริฐของอะฮ์ลุลบัยต์) ว่า ขีปนาวุธคือกุญแจสู่อนาคตของสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ พร้อมสนับสนุนหน่วยพิทักษ์การปฏิวัติ (Revolutionary Guard) ที่ถูกชาติตะวันตกวิพากษ์วิจารณ์จากการทดสอบขีปนาวุธ เมื่อช่วงที่ผ่านมา
       
      สำนักข่าวทีวีชีอะฮ์ ฝ่ายข่าวต่างประเทศ รายงานจากสำนักข่าวฟาร์สนิวส์รายงานว่า ฯพณฯอยาตุลลอฮ์ซัยยิดอาลี คอเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติแห่งอิหร่าน สนับสนุนข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำกับชาติมหาอำนาจเมื่อปีที่แล้ว แต่เรียกร้องให้อิหร่านอย่ารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับสหรัฐฯและพันธมิตรไปมากกว่านี้ และให้รักษาความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและการทหารเอาไว้ โดย ฯพณฯ ได้กล่าวว่า
       “พวกที่บอกว่าอนาคตอยู่ในการเจรจาไม่ใช่ขีปนาวุธนั้นไม่เป็นพวกโง่เขลาก็เป็นพวกคนทรยศ”       
       “หากสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้มุ่งการเจรจาแต่ไม่มีอำนาจป้องกัน ก็คงจะต้องยอมจำนนต่อคำขู่คุกคามจากประเทศอ่อนแอทุกครั้ง”
       ซึ่งความหมายในคำปราศัยของ ฯพณฯอยาตุลลอฮ์ซัยยิดอาลี คอเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติแห่งอิหร่าน นั้นหมายถึงความปลอดภัยของประเทศอิหร่าน ตั้งแต่อดีตจนกระทั่งปัจจุบัน อิหร่านไม่เคยรุกกรานประเทศใด และการปราศัยเช่นนี้นั้นสื่อถึงอำนาจในการป้องกันตนเองของประเทศอิหร่านหากมีประเทศหนึ่งประเทศใดข่มขู่หรือคุกคาม ทั้งยังเปรียบเทียบสงคราม8ปี อิรัก-อิหร่าน ที่ประเทศอิรักรุกรานประเทศอิหร่าน ให้เห็นถึงความสำคัญของยุทธโธปกรณ์ที่ต้องใช้ในการปกป้องตนเองจากการรุกรานของภายนอก
       ความคิดเห็นของฯพณฯอยาตุลลอฮ์ซัยยิดอาลี คอเมเนอี อาจเป็นการส่งข้อความถึงอดีตประธานาธิบดี อักบัร ฮาเชมี ราฟซันญานี ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทวีตข้อความว่า “อนาคตอยู่ในการเจรจาไม่ใช่ขีปนาวุธ”
       
      เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านทำการทดสอบขีปนาวุธ ซึ่งพวกเขาระบุว่าเป็นการแสดงแสนยานุภาพทางการทหาร และหมายถึงถึงอำนาจการยับยั้งแบบปลอดนิวเคลียร์ของประเทศอิหร่าน ทำให้สหรัฐฯและมหาอำนาจยุโรปหลายชาติระบุว่า การทดสอบดังกล่าวละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ห้ามไม่ให้อิหร่านทดสอบขีปนาวุธที่รองรับหัวรบนิวเคลียร์ได้ ในจดหมายร่วมลงนาม ซึ่งประเทศสหรัฐฯได้ยื่นเริ่องต่อองค์การสหประชาชาติเพื่อเป็นเหตุในการเพิ่มการคว่ำบาตรต่อประเทศอิหร่านแต่รัสเซียซึ่งเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงที่มีอำนาจวีโต้ระบุว่าการทดสอบดังกล่าวไม่ได้ละเมิดมติที่ 2231 ซึ่งประเทศอิหร่านปฏิเสธมาโดยตลอดว่าขีปนาวุธที่กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านได้ทดสอบนั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับหัวรบนิวเคลียร์ และอิหร่านไม่ได้มีแผนการในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์