วิถีการต่อสู้ของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ตอนที่๑
วิถีการต่อสู้ของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ตอนที่๑
การต่อสู้ในสังคมมีมากมายหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไป บางคนสู้เพื่ออุดมการณ์ บางคนต่อสู้เพื่อสังคม บางคนต่อสู้เพื่อตนเอง บางคนต่อสู้เพื่อศาสนา และบางคนต่อสู้เพื่อสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ซึ่งการต่อสู้แต่ละประเภทที่เกิดขึ้นมานั้น บางประเภทเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และดำรงอยู่ได้ชั่วครู่หลังจากนั้น ทั้งวิถีทางและเจตนารมณ์ก็อันตรธานหายไปหมดสิ้น นอกจากนั้นการต่อสู้ในแต่ละครั้ง ยังสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตอีกเป็นจำนวนมาก แต่จะมีสักกี่การต่อสู้ที่ได้รับการกล่าวขาน ยกย่อง และถูกนำมาเป็นแบบอย่างในการต่อสู้ และการดำเนินชีวิตของเขา นับตั้งแต่เริ่มมีการต่อสู้จวบจนถึงปัจจุบัน แน่นอน ตรงนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กล่าวถึงการต่อสู้ของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) และเหตุผลเดียวที่ทำให้ขบวนการของท่านอิมาม (อ.) ยั่งยืน ได้รับการสรรเสริญยกย่อง ถูกนำมาเป็นแบบอย่างในการต่อสู้ และการดำเนินชีวิตจวบจนถึงปัจจุบัน นั่นเป็นเพราะว่าขบวนการของท่านอิมาม (อ.) มี ความจริงใจ มีเจตนาเพื่ออัลลอฮฺ และมีวิสัยทัศน์ สิ่งเหล่านี้ถือว่ามีความจำเป็น และมีคุณค่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาด้านการต่อสู้ด้วยแล้ว ถ้าปราศจากความจริงใจและบริสุทธิ์ในเพื่ออัลลอฮฺแล้ว ถึงแม้ว่าจะได้รับชนะแต่จะไม่มีความยั่งยืน และบั้นปลายสุดท้ายก็จะเบี่ยงเบนไปสู่วิถีของชัยฏอนมารร้าย
ดังนั้นเกี่ยวกับการยืนหยัดของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) เราสามารถวิเคราะห์ได้หลายรูปแบบ ซึ่งในบทความนี้จะขอนำเสนอเฉพาะประเด็นที่มีความสำคัญยิ่งเท่านั้น
ก. การเชื่อฟังปฏิบัติตามพระเจ้า
โดยหลักการแล้วต้องเข้าใจว่าความรอบรู้ของเหล่าบรรดามวลมิตร มิได้ล่วงรู้ถึงอนาคต และอดีตของตนและของคนอื่น อีกทั้งมิได้ครอบคลุมถึงการเปลี่ยนแปลงในชีวิตปรกติประจำวัน ทว่าท่านเหล่านั้นได้ปฏิบัติหน้าที่ทางบทบัญญัติทั่วไปของตนเหมือนกับ ประชาชนคนอื่น ฉะนั้น มาตรฐานนี้เองจึงศูนย์กลางการขับเคลื่อน การตัดสินใจต่างๆ ของพวกเขา อีกทั้งเป็นพลังขับเคลื่อนในการดำรงอิบาดะฮฺ และการปฏิบัติหน้าที่อื่นแด่พระเจ้า โดยที่ท่านเหล่านั้นมิได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิได้คำนึงความรอบรู้ และมิได้กังวลว่าผลภายนอกจะออกมาเป็นอย่างไร ดังที่อัลลอฮฺ (ซบ.) ตรัสกับเราะซูล (ซ็อลฯ) ว่า “จงกล่าวเถิด การนะมาซ การเคารพภักดีของฉัน การมีชีวิตและการตายของฉัน เพื่ออัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก เท่านั้น ไม่มีภาคีใดๆ สำหรับพระองค์ โดยเหตุนั้นฉันถูกบัญชา ฉันคือคนแรกในหมู่ผู้สวามิภักดิ์”[1]
ท่านซัยยิดชุฮะดา (อ.) ได้ตอบคำถามของสาวกบางท่าน ที่ถามท่านถึงเป้าหมายในการเคลื่อนขบวนครั้งนี้ ประกอบกับเวลานั้นสถานการณ์เต็มไปด้วยอันตราย ท่านได้บ่งชี้ให้เห็นเหตุผลของเดินทางดังนี้ว่า
1) ท่านอิมามกล่าวแก่ อับดุลลอฮฺ บินญะอฺฟัร และยะฮฺยาว่า “ท่านได้ฝันเห็นเราะซูล (ซ็อลฯ) ซึ่งท่านได้สั่งให้ฉันกระทำการดังกล่าวนั้น”[2]
2) ทานได้กล่าวแก่อุมมุซัลมาว่า “โอ้มารดาเอ๋ย เป็นพระประสงค์ของอัลลอฮฺ (ซบ.) ที่จะให้ฉันถูกสังหาร และถูกตัดศีรษะโดยน้ำมือของศัตรูที่อธรรมและกดขี่”[3]
3) บางตอนของคำเทศนาขณะที่ท่านตัดสินใจออกเดินทางไปอีรัก ท่านกล่าวว่า “ความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺคือ ความพึงพอใจของเราอะฮฺลุลบัยตฺ”[4]
บางตอนของบทซิยารัตของท่าน กล่าวว่า “ฉันขอปฏิญาณว่า ฉันจะแสดงความเคารพภักดีต่อพระองค์ ตลอดไป จนกว่าความตายจะกร่ำกรายมาถึง”[5]
บทซิยารัตตอนอื่นของซัยยิดชุฮะดา (อ.) ได้กล่าวถึงท่านและอิมามท่านอื่นๆ และซิยารัตของท่านเราะซูล (ซ็อลฯ) จะมีประโยคว่า “อะบัดตัลลอฮฺ” และประโยคที่คล้ายคลึงกันกล่าวไว้ ซึ่งวัตถุประสงค์ก็คือ ตำแหน่งของการอิบาดะฮฺ และการแสดงตนเป็นบ่าวที่ดีต่อพระองค์ ซึ่งทั้งหมดทุกขั้นตอนของการดำรงชีวิต เขาได้ปฏิบัติตนตามพระประสงค์ของพระผู้อภิบาลเท่านั้น และนี่ถือว่าเป็นเครื่องหมายที่ดีและสูงส่งที่สุดของการแสดงตนเป็นบ่าว ทว่านี่คือผู้ศรัทธาที่แท้จริง
โดยหลักการแล้วถ้าหากบรรดานะบี (อ.) หรือหมู่มิตรของอัลลอฮฺ มิได้เป็นบ่าวที่แท้จริงแล้วละก็ ตำแหน่งนะบี หรือวิลายะฮฺ หรืออิมามจะมิถูกมอบแก่พวกเขาอย่างแน่นอน ดังคำปฏิญาณที่กล่าวว่า “ข้าฯขอปฏิญาณว่า มุฮัมมัดคือบ่าวและเป็นเราะซูลของพระองค์” «وَ اَشْهَدُ أنَّ مُحَمَّداً عَبْدُهُ وَ رَسُولُهُ».
บรรดาผู้ศรัทธาเมื่อก้าวไปถึงตำแหน่งดังกล่าวแล้ว ตำแหน่งและฐานันดรที่สูงส่งไปกว่านั้นจะถูกประทานแก่พวกเขาไปตามลำดับขั้น ตอน ซึ่งประโยคที่กล่าวว่า «رِضَا اللهِ رِضَانَا اَهْلَ الْبَیتِ» ความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺ คือความพอใจของเราอะฮฺลุลบัยตฺ
[1] อัลมาอิดะฮฺ 162 -163
[2] บิฮารุลอันวาร เล่ม 44, หน้า 366,
[3] อ้างแล้วเล่มเดิม, หน้า 331
[4] อ้างแล้วเล่มเดิม, หน้า 367
[5] กามิลซิยารัต หน้า 207 บาบ 79 ซิยารัตบทที่ 5
แสดงความเห็น