สหรัฐล้มเหลวในซีเรีย

หน่วยข่าวกรองเปิดเผยมีนักรบต่างชาติเดินทางเข้าสู่อิรักและซีเรียแล้ว 30,000 คน โดยส่วนมากเข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอเอส)

             สำนักข่าวทีวีชีอะฮ์ ฝ่ายข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามีการกล่าวหากองทัพสหรัฐฯ ว่า กำลังดูแคลนภัยคุกคามจากกลุ่มไอเอสในรายงานข่าวกรอง เพื่อทำให้ความพยายามของตนดูมีความหวังมากขึ้น
       
       อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (6) ของสัปดาห์หน้าประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯจะเป็นประธานในการประชุมนานาชาติกับบรรดาผู้นำที่ต่อสู้กับกลุ่มไอเอสและ “ลัทธิหัวรุนแรง” นอกเวลาการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ
       
       ขณะที่ในวันอังคารที่จะถึงนี้ (29) รายงานของสภาคองเกรสเกี่ยวกับการไหลทะลักของนักรบต่างชาติคาดว่าจะทำให้เห็นภาพความสิ้นหวังมากขึ้น โดยจะชี้ว่า การโจมตีทางอากาศที่นำโดยสหรัฐฯตลอดหนึ่งปีไม่ได้ทำให้การจัดหานักรบเชื่องช้าลงเลย กล่าวคือไม่มีผลอันใดเลยต่อนักรบไอเอส และขบวนการก่อการร้ายอื่นๆในซีเรียเลย
       
       นอกจากการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายกลุ่มไอเอสโดยกลุ่มพันธมิตรมหาอำนาจอาหรับและตะวันตก ที่นำโดยสหรัฐฯแล้ว กระทรวงกลาโหมของสหรัฐยังได้จัดโครงการฝึกกบฏซีเรีย มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์
       
       แต่โครงการดังกล่าวก็ได้แสดงให้เห็นถึงความน่าอับอายแล้วด้วยเช่นกัน  การบุกจู่โจมข้ามพรมแดนครั้งแรกของนักรบ 54 คนที่สหรัฐฯฝึกให้ได้ถูกสยบโดยกลุ่มติดอาวุธที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอัลกออิดะห์ และครั้งที่สองดูเหมือนว่าพวกเขาจะเอาอาวุธของตนเองจำนวนมากไปยกให้กับกลุ่มติดอาวุธเพื่อเป็นค่าผ่านทาง ซึ่งทั้งสองครั้งเป็นเหมือนการจัดฉากของสหรัฐ

ซึ่งหากมองให้เป็นกลางจะทำให้เห็นภาพได้ว่า การที่สหรัฐเข้าไปแทรกแซงในซีเรีย และปฏิบัติการทางอากาศต่อกลุ่มไอเอสนั้น หรือการฝึกนักรบ ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิมเสียอีก เพราะกลายเป็นว่านักรบไอเอส หรือกองกำลังอัลนุสรอได้อาวุธเพิ่ม แล้วนี่คือการแก้ปัญหาหรือเพิ่มปัญหา