ความอิจฉาริษยา ตอนที่1




ความอิจฉาริษยา ตอนที่1


 

อิจฉาริษยา คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจต่อความโปรดปรานที่คนอื่นได้รับ โดยมีความปรารถนาให้ความโปรดปรานนั้นสูญหายไป ดังนั้นหากมีความรู้สึกอยากได้ความโปรดปราน แต่ไม่ปรารถนาที่จะให้ความโปรดปรานนั้นสูญหายจากผู้อื่นแล้วไซร้ ก็ไม่ถือว่าเป็นอิจฉาริษยา

ข้อเท็จจริงของอิจฉาริษยาคือ มีความโกรธแค้นในความรู้สึกของผู้อิจฉาริษยา ซึ่งไม่อยากให้ผู้อื่นประเสริฐกว่าตนเอง และนั่นคืออิจฉาริษยาที่อัลกุรอานและหะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ห้ามไว้ และมีเอกฉันท์ของปวงนักปราชญ์อิสลามว่าเป็นสิ่งต้องห้าม

แต่สำหรับผู้ที่มีความปรารถนาอยากได้สิ่งดีๆที่ผู้อื่นมีอยู่นั้นไม่ถือว่าเป็นการอิจฉา ดังที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้ว่า

‏ อิบลีสอิจฉานบีอาดัม


 ตั้งแต่อัลลอฮฺทรงกำหนดให้ท่านนบีอาดัมเป็นคอลีฟะฮฺในโลกนี้ หมายถึงเป็นตัวแทนสืบทอดและปฏิบัติตามพระบัญชา อิบลีสจึงไม่พอใจ แสดงความโกรธแค้นและอิจฉาริษยาต่อท่านนบีอาดัม โดยกล่าวว่า


﴿ قَالَ أَنَاْ خَيْرٌ مِّنْهُ خَلَقْتَنِي مِن نَّارٍ وَخَلَقْتَهُ مِن طِينٍ ﴾


ความว่า : “ข้าพระองค์ดีกว่าเขา โดยที่พระองค์ทรงบังเกิดข้าพระองค์มาจากไฟ และบังเกิดเขามาจากดิน” (อัลอะอฺรอฟ 12)


    ความโกรธแค้นของอิบลีสก่อให้เกิดความอิจฉาริษยาต่อท่านนบีอาดัม   ซึ่งการอิจฉาของอิบลีสนั้นกลายเป็นความปรารถนาที่จะให้ท่านนบีอาดัมและลูกหลานของท่านหลงผิดไปจากหนทางของอัลลอฮฺ โดยมันกล่าวว่า


﴿ قَالَ رَبِّ بِمَا أَغْوَيْتَنِي لأُزَيِّنَنَّ لَهُمْ فِي الأَرْضِ وَلأُغْوِيَنَّهُمْ أَجْمَعِينَ ﴾


ความว่า : “โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ โดยที่พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์หลงผิดไปแล้ว แน่นอนข้าพระองค์ก็จะทำให้เป็นที่เพริศแพร้วแก่พวกเขาในแผ่นดินนี้ และแน่นอนข้าพระองค์จะทำให้พวกเขาทั้งหมดหลงผิด” (อัลฮิจรฺ 39)


   จากเหตุการณ์นี้กล่าวได้ว่าความผิดครั้งแรกที่เกิดต่อหน้าอัลลอฮฺคือการอิจฉาริษยา และสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้นคือการที่ไม่ตระหนักในฮิกมะฮฺ(คือความรอบรู้และความเหมาะสม)ของอัลลอฮฺ จึงทำให้เกิดขึ้นซึ่งความไม่พอใจในกฎสภาวะที่อัลลอฮฺทรงกำหนดไว้ และนั่นคือสาเหตุเดียวที่ทำให้มนุษยชาติทั้งหลายมีการอิจฉาริษยาซึ่งกันและกัน เนื่องด้วยความอ่อนแอแห่งความศรัทธาและการเชื่อมั่นต่อพระกำหนดของอัลลอฮฺ


พี่น้องของนบียูซุฟอิจฉาท่านนบียูซุฟ


เป็นเหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงในประวัติของบรรดานบีและร่อซูล กล่าวคือการที่พี่น้องของท่านนบียูซุฟอิจฉาริษยาท่านในฐานะที่เป็นบุตรชายคนโปรดของบิดาของพวกเขา(คือท่านนบียะอฺกู๊บ) จึงเกิดความรู้สึกว่ายูซุฟไม่ควรเป็นบุตรชายคนโปรดเลยและเกิดความโกรธแค้นโดยแสดงออกเป็นถ้อยคำ ซึ่งพวกเขากล่าวว่า


﴿ إِذْ قَالُواْ لَيُوسُفُ وَأَخُوهُ أَحَبُّ إِلَى أَبِينَا مِنَّا وَنَحْنُ عُصْبَةٌ إِنَّ أَبَانَا لَفِي ضَلاَلٍ مُّبِينٍ . اقْتُلُواْ يُوسُفَ أَوِ اطْرَحُوهُ أَرْضاً يَخْلُ لَكُمْ وَجْهُ أَبِيكُمْ وَتَكُونُواْ مِن بَعْدِهِ قَوْماً صَالِحِينَ ﴾


ความว่า : “แน่นอน ยูซุฟและน้องของเขาเป็นที่รักแก่พ่อของเรายิ่งกว่าพวกเรา ทั้งๆที่พวกเรามีจำนวนมาก แท้จริงพ่อของเราอยู่ในการหลงผิดจริงๆ พวกท่านจงฆ่ายูซุฟเถิดหรือเอาไปทิ้งในที่เปลี่ยวเสีย เพื่อความเอาใจใส่ของพ่อของพวกท่านจะเกิดขึ้นแก่พวกท่าน และพวกท่านจะเป็นกลุ่มชนที่ดีหลังจากเขา” (ยูซุฟ 8-9)


เหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างที่ย่อมปรากฏในทุกสังคม หรืออาจเกิดในทุกครอบครัวก็ได้ เพราะสาเหตุของมันคือความอยุติธรรมในการดูแลของบิดามารดา และการอิจฉาระหว่างพี่น้องอาจเกิดจากความหวงแหนของคนหนึ่งในบรรดาพี่น้อง เพราะอยากได้รับความสนใจมากกว่าพี่น้องเขา

ยิวอิจฉาท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

ชาวยิวมีความหวังว่านบีสุดท้ายในโลกนี้จะเกิดจากวงศ์วานอิสรออีล แต่เมื่อนบีท่านนั้นมาจากวงศ์วานอาหรับ(คือลูกหลานท่านนบีอิสมาอีล   ) ยิวจึงไม่พอใจและปฏิเสธท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยสิ้นเชิง ซึ่งอัลลอฮฺได้ตรัสถึงการอิจฉาของพวกยิวว่า


﴿ أَمْ يَحْسُدُونَ النَّاسَ عَلَى مَا آتَاهُمُ اللّهُ مِن فَضْلِهِ فَقَدْ آتَيْنَا آلَ إِبْرَاهِيمَ الْكِتَابَ وَالْحِكْمَةَ وَآتَيْنَاهُم مُّلْكاً عَظِيماً. فَمِنْهُم مَّنْ آمَنَ بِهِ وَمِنْهُم مَّن صَدَّ عَنْهُ وَكَفَى بِجَهَنَّمَ سَعِيراً ﴾


ความว่า : “หรือว่าพวกเขาอิจฉาคนอื่นในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานให้จากความกรุณาของพระองค์แก่คนอื่น แท้จริงนั้นพระองค์ได้ประทานให้แก่วงศ์วานของอิบรอฮีมมาแล้ว ซึ่งคัมภีร์และความรู้เกี่ยวกับศาสนา และได้ทรงให้แก่พวกเขาซึ่งอำนาจอันยิ่งใหญ่ แล้วในหมู่พวกเขา(วงศ์วานของอิบรอฮีม)มีผู้ศรัทธาต่อเขา และในหมู่พวกเขามีผู้ที่ขัดขวางเขา และเพียงพอแล้วที่ญะฮันนัมเป็นเปลวเพลิงอันโชติช่วง” (อันนิซาอฺ 54-55)


ในพระดำรัสข้างต้นอัลลอฮฺทรงประณามการปฏิเสธของชาวยิวด้วยสองเหตุผล เหตุผลแรกคือการที่อัลลอฮฺทรงให้ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นศาสนทูตนั้นเป็นพระประสงค์และพระกรุณาของอัลลอฮฺ จึงไม่มีใครมีสิทธิที่จะคัดค้านพระประสงค์ของพระองค์โดยเด็ดขาด ฉะนั้นผู้ที่จะอิจฉาท่านนบีมุฮัมมัด ก็ประหนึ่งเป็นผู้คัดค้านพระประสงค์ของอัลลอฮฺอย่างชัดเจน เหตุผลที่สองคือ ชาวยิวได้รับพระกรุณาจากอัลลอฮฺ โดยให้มีบรรดานบีและร่อซูลหลายท่านถูกส่งมายังพวกยิวอย่างต่อเนื่อง และตามประวัติของชาวยิวเป็นที่ประจักษ์ว่าบรรดานบีและร่อซูลของพวกเขาส่วนมากถูกปฏิเสธ อัลลอฮฺจึงได้ทรงประณามชาวยิวที่อิจฉาวงศ์วานของท่านนบีอิสมาอีลที่มีร่อซูลท่านนี้ท่านเดียว ทั้งๆที่พวกเขาได้มีบรรดานบีและร่อซูลอย่างมากมายมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมศรัทธาต่อนบีท่านนี้ เพราะการอิจฉาริษยามาเป็นกำแพงขัดขวางมิให้จิตใจของพวกเขาบริสุทธิ์และน้อมรับต่อพระประสงค์ของอัลลอฮฺ และนั่นคือบทเรียนอันใหญ่หลวงสำหรับมนุษยชาติทุกยุคทุกสมัยทุกสถานที่ ว่าสัจธรรมย่อมมีเอกเทศในความเป็นสัจธรรม ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ สายตระกูล สัญชาติ หรืออื่นใด นอกจากว่าเป็นสัจธรรมที่มาจากอัลลอฮฺ เพราะฉะนั้นคนทุกคนมีหน้าที่ตรวจสอบจิตใจของตัวเอง ว่าความถูกต้องที่ปรากฏต่อหน้าเราเคยถูกปฏิเสธโดยไร้เหตุผล หรือด้วยเหตุผลที่เกี่ยวกับความเป็นสัจธรรมหรือไม่

แสดงความเห็น