วาซียัตศาสดา(ศ็อลฯ) ตอนที่๖
วาซียัตศาสดา(ศ็อลฯ) ตอนที่๖
คำว่าตัวแทน (الوصي) คือหนึ่งในฉายานามของท่านอิมามอะลี (อ.) ที่รู้จักกันดี นับตั้งแต่ยุคแรกของอิสลาม ซึ่งฉายานามนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือปทานุกรมต่างๆ (معاجم اللغة) มากมาย และบรรดาอัครสาวกผู้ทรงเกียรติตลอดจนชนรุ่นต่อมาต่างได้เรียกขานท่านอะลีด้วยกับฉายานามดังกล่าว
ในช่วงสุดท้ายแห่งชีวิตของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ท่านปรารถนาที่จะบันทึกการเป็นวะศีย์ (ตัวแทน) ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรท่านจึงได้ร้องขอแผ่นกระดาษและปากกาเพื่อจะบันทึกสิ่งสำคัญนั้นแก่บรรดาประชาชาติ เพื่อพวกเขาจะได้ไม่หลงทางหลังจากนั้น แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความขัดแย้งวุ่นวาย และเสียงดังอลหม่านซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ต้องยกเลิกการบันทึกพินัยกรรมอันนั้นอย่างสิ้นเชิง.
และเหตุการณ์วิปโยคในวันนั้นได้ทำให้ท่านอิบนุอับบาส (รฎ.) ต้องร้องให้จนแก้มทั้งสองของท่านชุ่มไปด้วย น้ำตา และได้สร้างความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่แก่โลกอิสลามที่มิอาจจะหาสิ่งอื่นใดมาทดแทนได้ตราบจนถึงทุกวันนี้
อาจจะมีบางคนตั้งขอสงสัยว่าสาเหตุของการล่าช้าในการบันทึกพินัยกรรมของท่านศาสดา(ซ็อล ฯ)นั้นคืออะไร จนกระทั่งบางคนได้นึกไปและพูดออกมาว่า “ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) หลงไปแล้ว” ซึ่งถ้าท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้บันทึกพินัยกรรมเร็วกว่านี้แล้วไซร้ เหตุการณ์ความขัดแย้ง และการโต้เถียงย่อมไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งในความเป็นจริงบุคคลที่ตั้งข้อสงสัยเช่นนี้ เขาได้ลืมหลายสิ่งหลายอย่างไป อาทิเช่น
หนึ่ง : เงื่อนไขในการทำพินัยกรรมไม่จำเป็นต้องบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แค่ประกาศต่อหน้าสาธารชนก็เพียงพอแล้ว
สอง : สิ่งที่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ต้องการจะบันทึกนั้น ท่านได้กล่าวด้วยวาจาไว้หลายต่อหลายครั้งแล้ว ในวาระโอกาสต่างๆ.
สาม : ผู้ทำพินัยกรรมย่อมบันทึกสิ่งที่ตนมีความรู้สึกว่า สิ่งนั้นอาจเป็นความขัดแย้งที่ขึ้นได้ภายหลังจากที่ตนได้จากไป
นั้นคือสิ่งที่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ต้องกระทำนั่นเอง แต่ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ขาดฝันเกิดขึ้นก่อน จนทำให้การบันทึกพินัยกรรมดังกล่าวนั้นต้องถูกยกเลิกไป ซึ่งประเด็นสำคัญที่ท่านศาสดาต้องการจะบันทึกคือ ต้องการชี้ให้เห็นถึงฐานะภาพ และความสำคัญของพินัยกรรม มาตรว่าพวกเขาได้ละเลยต่อพินัยกรรม นั่นหมายถึงว่าพวกเขาได้ทำการ ทรยศต่อผู้เป็นเจ้าของพินัยกรรมนั้นเอง!
ด้วยสาเหตุต่างๆเหล่านี้ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญอันยิ่งใหญ่ของการทำพินัยกรรมของท่านศาสดา(ซ็อล ฯ)
และด้วยสาเหตุอันใดหรือที่ท่านต้องทำพินัยกรรมขณะที่ท่านนอนป่วยในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต? !
และอะไรหรือคือความขัดแย้งของฮะดีซต่างๆที่ได้อธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว?
และทำไมท่านถึงไม่ทำพินัยกรรมก่อนที่ท่านจะล้มป่วย?!
จะมีข้อกล่าวอ้างอันใดหรือ สำหรับผู้ที่โต้เถียงและขัดแย้งคำสั่งของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) จนเป็นสาเหตุทำให้การบันทึกพินัยกรรมต้องล้มเหลวลง
จากข้อสงสัยที่ได้กล่าวมาท่านสามารถพบคำตอบโดยสังเขปพร้อมด้วยหลักฐานที่เป็นข้อพิสูจน์อันชัดเจนที่นำมาเสนอเพื่อให้ท่านได้พิจารณาตรึกตรอง และเพื่อคลายข้อสงสัย และเงื่อนงำต่างๆที่เกิดขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์ อิสลามในครั้งนั้น
สายรายงานทางประวัติศาสตร์
จากท่าน อิบนุอับบาส (รฎ.) กล่าวว่า :
“เมื่อท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้ล้มป่วยลงในช่วงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ขณะนั้นมีท่านอุมัรฺอิบนุคอฏฏอบ และบรรดาสาวกคนอื่นๆ ร่วมอยู่ในบ้านของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้กล่าวว่า :
هلم اكتب لكم كتابا لاتضلوا بعده
“จงนำแผ่นบันทึกพร้อมปากกามาให้ฉัน ฉันจะบันทึกสิ่งหนึ่งแก่พวกท่านซึ่งพวกท่านจะไม่หลงหลังจากนี้ตลอดไป” (หลังจากบันทึกนั้น)
ทันใดนั้นท่านอุมัรฺได้กล่าวขึ้นว่า “แท้จริงอาการป่วยไข้ได้ครอบงำท่านนบี (ซ็อล ฯ) เสียแล้ว ขณะที่ในหมู่ของพวกท่านมีอัล-กรุอานอยู่ ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการมีคัมภีร์ของอัลลอฮฺ (ซบ.)” ทันใดนั้นได้เกิดการโต้เถียงกันขึ้นในหมู่ของพวกเขา บางกลุ่มได้พูดว่า “จงไปนำสิ่งที่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ต้องการมา ท่าน จะได้บันทึกบางสิ่งสำหรับพวกเรา เพื่อพวกเราจะได้ไม่หลงทางตลอดไป อีกบางกลุ่มในหมู่พวกเขาได้พูดเหมือนกับที่อุมัรฺ ได้พูด ความขัดแย้งวุ่นวายและความอลหม่านต่อหน้าท่านนบี (ซ็อล ฯ) ได้ทวีความรุนแรงขึ้น ท่านศาสดาจึงได้กล่าวแก่พวกเขาว่า : “พวกท่านจงออกไป”
และท่าน อิบนุอับบาส ได้กล่าวต่ออีกว่า “แท้จริงรางร้าย ที่มีต่อรางร้ายทั้งหลาย อันเนื่องมาจากความวุ่นวายและความขัดแย้ง ได้กลายเป็นสิ่งขัดขวางระหว่างท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กับการบันทึก”[๑]
จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง...
๑. ผู้ที่คิดว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์จากการหลงทางทั้งปวง เขาได้ทำให้มันจบลง
๒.พินัยกรรมที่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ปารถนาที่จะบักทึก พวกเขากับไม่ใส่ใจ พวกเขาต้องการออกจาก สัจธรรม...
๓. พวกเขาได้ทำการปกปิดมัน...
๔. เปรียบดั่งพวกเขาได้ฉีกสัจธรรมด้วยมือของพวกเขา...
เหตุการณ์ครั้งนั้นได้สร้างความเสียหายต่ออิสลามและประชาชาติมุสลิม และเป็นเหมือนเนื้อร้ายที่ฝังอยู่ในประชาชาตินี้ นับตั้งแต่วันที่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้จากไป ตราบจนถึงปัจจุบันนี้ และจะเป็นเช่นนี้ต่อไปตราบชั่วกาลนาน แม้นว่าจะต้องเสีย เลือดเนื้อและชีวิตไปก็มิอาจทดแทนสิ่งที่สูญหายไปได้ แล้วใครกันเล่า
- คือผู้รับผิดชอบ
- มันเป็นความผิดของท่าน อุมัรฺเพียง คนเดียวกระนั้นหรือ
- และเหตุการณ์ดังกล่าวมีเงื่อนงำอันใดแอบแฝงอยู่
[๑] เซาะฮีย์บุคอรี. ๗: ๙ หมวด ผู้ป่วย และเช่นเดียวกันเล่มที่ ๘: ๑๖๑ พิมพ์ที่ ดารุ้ล ฟิกร์ อิสตัมบูล ตุรกี
แสดงความเห็น