ความมหัศจรรย์ของอัล-กุรอาน ตอนที่๑
ความมหัศจรรย์ของอัล-กุรอาน ตอนที่๑
อัล-กุรอาน เป็นคัมภีร์แหงฟากฟ้าเพียงฉบับเดียวที่ประกาศด้วยความมั่นใจว่า ไม่มีผู้ใดบนโลกนี้สามารถประดิษฐ์คัมภีร์ที่มีความคล้ายเหมือนอัล-กุรอานได้เด็ดขาด แม้ว่ามนุษย์ทั้งโลกและบรรดาญินทั้งหมดจะรวมมือกัน ก็ไม่อาจประดิษฐ์คัมภีร์ที่มีคล้ายเหมือนอัล-กุรอานได้เด็ดขาด อีกทั้งอัล-กุรอานได้กล่าวท้าทายมวลมนุษย์ไว้ว่า จงกล่าวเถิด แน่นอนหากมนุษย์และญินรวมกันที่จะประดิษฐ์สิ่งคล้ายเหมือนอัล-กุรอานนี้ พวกเขาไม่อาจจะนำมาได้และแม้ว่าบางคนในหมู่พวกเขาเป็นผู้ช่วยเหลือแก่อีกบางคนก็ตาม (อัล-กุรอาน บทอัลอิสรอ โองการที่ 88)
มิใช่เพียงแค่มนุษย์ทั้งโลกจะไม่สามารถประดิษฐ์คัมภีร์ทีมีความคล้ายเหมือนอัล-กุรอานได้เท่านั้น ทว่าแม้เพียงบทเดียว หรือ 10 บท หรือแม้แต่โองการเดียวพวกเขาก็ไม่สามารถประดิษฐ์ได้ อัล-กุรอาน ยืนยันถึงความไร้ความสามารถของพวกเขาไว้ว่า พวกเขากล่าวว่า มุฮัมมัดได้ปลอมแปลงอัล-กุรอานขึ้นมาจงกล่าวเถิด ดังนั้น พวกเจ้าจงนำมาสักสิบบทเยี่ยงอัล-กรุอาน และเจ้าจงเรียกคนอื่นที่มีความสามารถในหมู่พวกเจ้า นอกจากอัลลอฮฺ ถ้าพวกเจ้าเป็นพวกสัตย์จริง (อัล-กุรอาน บทฮูด โองการที่ 13)
นอกจากนี้แล้วอัล-กุรอานในบทยูนุส โองการที่ 38 ก็กล่าวท้าทายไว้เช่นกัน หลังจากนั้นอัล-กุรอาน ยังได้เน้นย้ำอีกว่า เมื่ออัล-กุรอานกล่าวท้าทายบรรดาพวกที่ตั้งตนเป็นปรปักษ์ทั้งหลายแล้ว อัล-กุรอาน ได้ปฏิเสธความสามารถของพวกเขาอีกว่า ไม่มีวันกระทำสิ่งเหล่านั้นได้เด็ดขาดซึ่งทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ยืนยันว่า อัล-กุรอาน เป็นคัมภีร์แห่งฟากฟ้าและเป็นพระดำรัสของพระเจ้าจริง อีกทั้งยังได้ยืนยันการเป็นศาสดาของท่านนบีมุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) ดังนั้น จึงไม่มีความสงสัยคลางแคลงอีกต่อไปเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของอัล-กุรอาน ถึงการเป็นปาฏิหาริย์ของตนเองและของผู้ที่ได้นำคัมภีร์ฉบับนี้มาสอน อัล-กุรอานเป็นความมหัศจรรย์นิรันดร และเป็นข้อพิสูจน์อันแน่นอนสำหรับการเป็นศาสดาของนบีมุฮัมมัด อีกทั้งยังได้นำเสนอต่อประชาโลกเสมอมา และจะเป็นเช่นนี้เสมอต่อไปในอนาคต จวบจนถึงปัจจุบันกาลเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วถึง 14 ศตวรรษ คำท้าทายของพระเจ้าตั้งแต่ยุคนั้นที่ได้ถูกประกาศโดยผู้ถือสาส์นของพระองค์ ยังหมู่มวลมิตรและอริยศัตรูบนโลกนี้ เพื่อยืนยันถึงข้อพิสูจน์และเหตุผลสมบูรณ์สำหรับพวกเขาเหล่านั้น
อีกด้านหนึ่งประชาชาติทั้งหลายต่างทราบกันเป็นอย่างดีว่าท่านศาดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) นับตั้งแต่วันแรกที่ประกาศตนเป็นศาสดา และประกาศเชิญชวนประชาชนอย่างเป็นทางการ ท่านได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่มีความร้ายกาจและอคติอย่างสูง โดยที่พวกเขาไม่ลดละความพยายามในการต่อสู้กับแนวทางของพระเจ้าแม้แต่นิดเดียว แต่หลังจากหมดหวังและการขู่บังคับของพวกเขาไร้ผลอีกทั้งหมดหนทางที่จะต่อสู้กับศาสดาอีกต่อไป พวกเขาจึงวางแผนฆาตกรรมศาสดา ทว่าด้วยกับการบริบาลของพระเจ้า พระองค์ทรงทำลายแผนการของพวกเขาให้ล่มสลายจนหมดสิ้น ด้วยการอพยพจากนครมักกะฮฺไปยังนครมะดีนะฮฺ ในเวลากลางคืนอ้นเป็นการทำลายแผนการของพวกเขาให้จบสิ้นอย่างแยบยล และหลังจากการอพยพท่านศาสดาใช้ชีวิตอันจำเริญในช่วงที่เหลืออยู่ ณ นครมดีนะฮฺ ในช่วงนั้นท่านได้ทำสงครามหลายต่อหลายครั้งกับบรรดาผู้ปฏิเสธที่ตั้งภาคีเทียบเคียงพระเจ้า และบรรดาหมู่พลพรรคของพวกเขาที่เป็นยิวในนครมะดีนะฮฺ และนับตั้งแต่ท่านศาสดาได้สิ้นชีพไปจวบจนถึงปัจจุบัน บรรดาผู้กลับกลอกภายในสังคมมุสลิมและบรรดาศัตรูจากภายนอกได้พยายามทุกวิถีทางที่จะดับรัศมีของพระเจ้าให้สิ้นไป เพียงแต่ว่าไม่มีหนทางหรือวิธีการใดที่พวกเขาได้คิดค้นขึ้นมาประสบความสำเร็จแม้แต่อย่างเดียว แน่นอน ถ้าพวกเขาสามารถประดิษฐ์คัมภีร์ที่มีความคล้ายเหมือนอัล-กุรอานขึ้นมาได้ พวกเขาคงจะกระทำไปเสียตั้งนานแล้ว แต่นี้เป็นเพราะว่าความไร้ความสามารถและพวกเขาจะไม่มีวันกระทำได้อย่างเด็ดขาด
ในยุคปัจจุบันได้มีรัฐบาลที่เป็นอภิมหาอำนาจของโลก ต่างลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า อิสลามเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับพวกเขา พวกเขาจึงได้ตั้งมั่นและร่วมมือระหว่างรัฐบาลผู้กดขี่ด้วยกัน เพื่อต่อต้านและต่อสู้กับแนวทางของอิสลามอย่างจริงจัง พวกเขาได้ทุ่มเทความสามารถทั้งหมดทั้งด้านการเงิน กองกำลัง การคุคามด้านเมือง และการโฆษณาชวนเชื่อในทุกรูปแบบที่สามารถกระทำได้ ถ้าหากพวกเขากระทำได้แม้แต่การประดิษฐ์สิ่งที่มีความคล้ายเหมือนอัล-กุรอาน สักหนึ่งบรรทัด หรือสักหนึ่งบทสั้นขึ้นมาได้แล้วละก็ พวกเขาคงประดิษฐ์ไปเสียนานแล้ว และประกาศโฆษณาชวนเชื่อแก่ประชาโลกโดยผ่านขบวนการของสื่อที่มีอยู่ในมือ เนืองจากเป็นการลงทุนเพียงเล็กน้อยไม่เสียเวลา แต่มีผลอย่างมากกับการต่อสู้กับอิสลามและกีดขวางอิสลามไม่ให้เจริญเติบโตขยายวงกว้างออกไปในโลก
ด้วยเหตุนี้ ผู้มีสติปัญญาทุกคนที่ถวิลหาความจริงถ้าหากได้พิจารณาประเด็นดังกล่าวเพียงเล็กน้อย เขาก็จะเกิดความมั่นใจว่า อัล-กุรอาน เป็นคัมภีร์ที่ผิดแปลกไปจากคัมภีร์ฉบับอื่น ซึ่งไม่มีผู้ใดประดิษฐ์สิ่งใดที่คล้ายเหมือนขึ้นมาได้ และไม่มีบุคคลหรือกลุ่มชนใดบนโลกที่สามารถเรียนรู้และฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อประดิษฐ์สิ่งที่คล้ายเหมือนอัล-กุรอาน ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน หมายถึง ความพิเศษต่าง ๆ ของอัล-กุรอานนั้น เป็นหนึ่งปาฏิหาริย์และเป็นความมหัศจรรย์ของพระเจ้าอันไม่อาจลอกเรียนแบบได้นั่นเอง อีกทั้งอัล-กุราอานยังเป็นข้อพิสูจน์ที่ยืนยันให้เห็นความถูกต้องในการเป็นศาสดาของท่านมุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) ด้วยเหตุนี้ อัล-กุรอานจึงเป็นข้อพิสูจน์แน่นอนที่ยืนยันความถูกต้องในการเชิญชวนของท่านศาสดา และการเป็นแก่นแท้ของศาสนาอิสลาม ความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีต่อประชาโลกทั้งหมด ซึ่งคัมภีร์ฉบับดังกล่าวได้ถูกประทานลงมา ในฐานะที่เป็นปาฏิหาริย์หรือความมหัศจรรย์อมตะ ที่ยังคงเหลืออยู่ของพระเจ้า อีกทั้งเป็นเหตุผลที่ยืนยันความถูกต้องของตนเอง เป็นข้อพิสูจน์บ่งบอกถึงความเข้าใจอย่างชัดเจนเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องมีการเรียนรู้หรือฝึกฝนเป็นพิเศษแต่อย่างใด อัล-กุรอาน ยังเป็นความเข้าใจของทุกคนที่ถวิลหาความจริงสามารถเข้าใจและรับรู้
แสดงความเห็น