วาซียัตศาสดา(ศ็อลฯ) ตอนที่๓
วาซียัตศาสดา(ศ็อลฯ) ตอนที่๓
นั้นก็หมายความว่า พระองค์ได้ทรงกำหนดให้งานชิ้นสุดท้ายนี้ เท่าเทียมกับการงานทั้งหมดที่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้ปฏิบัติมา ไม่ว่าการงานนั้นจะมีอุปสรรคหรือความเจ็บปวดมากเพียงใดก็ตาม หากท่านละเว้นการประกาศในครั้งนี้ ก็เท่ากับว่าทุกอย่างที่ได้กระทำมาสูญเปล่าทันที
๓- ตอนหนึ่งของโองการกล่าวว่า
وَاللّهُ يَعْصِمُكَ مِنَ النَّاسِ إِنَّ اللّهَ لاَ يَهْدِي الْقَوْمَ الْكَافِرِينَ
“และอัลลอฮฺ (ซบ.) จะเป็นผู้ปกป้องเจ้าจากประชาชาติแท้จริงพระองค์ไม่ทรงชี้นำกลุ่มชนที่ปฏิเสธ”
จากตอนนี้ของโองการ เหมือนกับว่าท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) รู้สึกหวาดหวั่นต่อสิ่งที่พระองค์มีบัญชามาให้ประกาศ อัลลอฮฺ (ซบ.) จึงให้หลักประกันแก่ว่า จะปกป้องท่านให้พ้นจากภัยต่างๆ ที่อาจเกิดจากประชาชนเหล่านั้น สิ่งนั้นคืออะไรหรือ ทำไมถึงมีความสำคัญ และยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้ ?
เมื่อเราย้อนไปพิจารณาโองการอีกครั้ง จะพบว่าโองการนี้เป็นโองการสุดท้ายที่บรรดานักอรรถาธิบาย อัล-กรุอาน ได้กล่าวไว้ ซึ่งนักปราชญ์เหล่านั้นต่างลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า ระหว่างการลงโองการกับการจากไปของท่านนั้นห่างกันเพียง ๘๐ วันเท่านั้นซึ่งไม่มากหรือน้อยไปกว่านี้ และหลังจากนั้นไม่มีโองการใดๆลงมาอีกเลย
แม้ว่าจะมีนักตัฟซีรฺบางท่านพยายามนำเอาฮะดีซต่างๆมาอธิบายเกี่ยวกับความหมายของโองการโดยพวกเขามีความเชื่อว่า โองการนี้ได้ถูกประทานลงมาเพื่อเป็นหลักประกันแก่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ให้พ้นจากการคุกคามของผู้ปฏิเสธ และมีบัญชาให้ท่านประกาศหลักการปฏิบัติในอิสลาม ซึ่งพระองค์จะทรงปกป้องท่าน ให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ จากผู้ปฏิเสธทั้งหลาย แต่น่าเสียดายที่ว่าสายรายงานฮะดีซเหล่านี้ไม่เป็นที่ถูกยอมรับตามทัศนะของนักรายงานฮะดีซทั้งหลาย เพราะว่าการอธิบายเช่นนั้นมันขัดกับความเป็นจริงที่ได้เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ เนื่องจากว่า ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ไม่เคยหวาดกลัวต่อผู้ปฏิเสธ และคำสอนของอิสลามก็ได้แพร่หลายออกไปในคาบสมุทรอาหรับอย่างรวดเร็วในช่วงที่ท่านศาสดายังมีชีวิตอยู่ [๖]
แต่ในทางตรงกันข้ามมีฮะดีซอีกมากมายที่ได้อธิบายความหมายของโองการไว้อย่างชัดเจน โดยไม่ได้ขัดแย้งกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ หรือทัศนะของนักฮะดีซและนักตัฟซีรฺ ทุกคนได้อธิบายว่าโองการดังกล่าวได้ถูกประทานลงมาหลังจากบทบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิบัติต่างๆได้สมบูรณ์แล้ว โองการนี้ต้องการจะบอกเกี่ยวกับตำแหน่งผู้นำหลังจากท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ณ โอกาสนี้ขอกล่าวถึงฮะดีซ บางบทที่กล่าวเกี่ยวกับโองการ
๑-จากอิบนิ อบีฮาตัม อิบนิ มัรดะวียะฮฺ และอิบนิ อะซากิรฺ จากท่านอบี ซะอีด อัลคุดรีย์ ได้กล่าวว่า โองการดังต่อไปนี้
يَا أَيُّهَا الرَّسُولُ بَلِّغْ مَا أُنزِلَ إِلَيْكَ مِن رَّبِّكَ وَإِن لَّمْ تَفْعَلْ فَمَا بَلَّغْتَ رِسَالَتَهُ وَاللّهُ
يَعْصِمُكَ مِنَ النَّاسِ إِنَّ اللّهَ لاَ يَهْدِي الْقَوْمَ الْكَافِرِينَ
ได้ถูกประทานลงมาให้ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ในวันฆ่อดีรคมเกี่ยวกับท่านอะลี อิ
บนิ อบีฏอลิบ[๗]
๒-จากอิบนิ มัรดะวียะฮฺ จากท่านอิบนิ มัซอูด ได้กล่าวว่า ในสมัยของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) เราได้เคยอ่านโองการ
يَا أَيُّهَا الرَّسُولُ بَلِّغْ مَا أُنزِلَ إِلَيْكَ مِن رَّبِّكَ وَإِن لَّمْ تَفْعَلْ فَمَا بَلَّغْتَ رِسَالَتَهُ وَاللّهُ يَعْصِمُكَ مِنَ النَّاسِ إِنَّ اللّهَ لاَ يَهْدِي الْقَوْمَ الْكَافِرِينَ
หากแม้นว่าไม่ทำ...
โอ้ ศาสนทูตเจ้าจงประกาศสิ่งที่ถูกประทานลงมายังเจ้า จากองค์พระผู้อภิบาลของเจ้า “ว่าแท้จริงอะลีคือนายของบรรดาผู้ศรัทธา” และหากเจ้าไม่ประกาศ เท่ากับเจ้าไม่ได้เผยแพร่สาส์นของพระองค์เลย และอัลลอฮจะทรงพิทักษ์เจ้าจากมวลมนุษย์ แท้จริงอัลลอฮฺไม่ทรงชี้นำกลุ่มชนที่ปฏิเสธ[๘]
๓.ได้มีรายงานจากท่าน อิมามบากิรฺ (อ.) ว่า
قال باقر (ع) انّ المراد بما انزل اليه من ربّه النصُّ على خلا فة علىّ بعده وانّه (ص)كان يخاف ان يشقّ ذ لك على بعض اصحابه فشجعه الله تعالى بهذه الآية
แท้จริงจุดประสงค์ของสิ่งที่ได้ถูกประทานแก่เขา จากองค์พระผู้อภิบาลของเขาคือ การแต่งตั้งท่านอะลี ให้เป็นตัวแทนหลังจากเขานั่นเอง ซึ่งท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กลัวว่าการประกาศสิ่งนั้นออกไปจะทำให้เซาะฮาบะฮฺบางท่านไม่พอใจ แต่พระองค์ได้ให้หลักประกันแก่เขาด้วยโองการดังกล่าว[๙]
[๖] จากหนังสือ มันฮัจญ์ ฟิลอินติมาอฺ อัลมัซฮะบี ซอฮิบอับดุลหะมีด ๑๓๓ -๑๔๔ สำนักพิมพ์ ฆ่อดีร, กุม
[๗] หนังสือ ชะวาฮิดุต ตัลซีล อัลฮัสกานี ๑/๑๘๘-๑๙๓,ซึ่งมีสายรายงานมากมาย , ตัฟซีรฺมินาร ๖/๔๖๓, อัดดุรฺรุลมันษูร ๒/๒๙๘, อัสบาบุลนุซูล อัลวาหิดี ๑๑๕, พิมพ์ อาละมุลกุตุบ เบรุต
[๘] ดุรฺรุลมันษูร ๒/๒๙๘, ฟัตฮุลก่อดีร อัชเชากานี ๒/๖๐, พิมพ์ ดารุลอิหฺยาอุตตุรอษ อัลอาระบี
[๙] ตัฟซีร อัลมินาร ๖/๔๖๔
แสดงความเห็น