ทำไมเวลาอะซานต้องกล่าวว่า "อัชฮะดุอันนะอะลียันวะลียุลลอฮฺ และต้องยืนยันถึง "วิลายะฮฺ" ของท่านอะลีด้วย ?
ทำไมเวลาอะซานต้องกล่าวว่า "อัชฮะดุอันนะอะลียันวะลียุลลอฮฺ และต้องยืนยันถึง "วิลายะฮฺ" ของท่านอะลีด้วย ?
สำหรับคำตอบในเรื่องนี้อยากจะให้ทุกๆท่านทำความเข้าใจในประเด็นต่อไปนี้
1. บรรดาฟุก่อฮาของชีอะฮฺทุกท่าน(ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านนิติศาสตร์อิสลาม) ได้ลงความเห็นตรงกันว่าการยืนยันถึงวิลายะฮฺของท่านอิมามอะลี (อ.) ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของอะซานและอิกอมะฮฺ และไม่มีใครมีสิทธิ์อ้างว่าการยืนยันดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของทั้งสอง
2. ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า (انّما الاعمال بالنيات) แท้จริงการกระทำนั้นขึ้นอยู่กับเจตนาของมนุษย์
3. ฉะนั้นเมื่อประโยค "อัชฮะดุอันนะอะลียันวะลียุลลอฮฺ" ไม่ถูกนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของอะซาน หรืออิกอมะฮ์ แต่การกล่าวออกไปเพื่อต้องการยืนยันในความจริงที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงยืนยันไว้ว่า " อิมามอะลีคือวะลีของพระองค์(ผู้ทรงสิทธิ์ในอำนาจการปกครองทั้งทางโลกและทางธรรมที่ถูกแต่งตั้งโดยพระองค์) ดังนั้นจะมีปัญหาอะไรหากจะกล่าวถึงความจริงนี้ไว้เคียงข้างกับการปฏิญาณยืนยันถึงการเป็นศาสดาของท่านนบี ?
ในตำราของพี่น้องซุนนี้่เองก็ยังคงยืนยันในความจริงเรื่องนี้ไว้เช่นกัน เช่น
3.1- นบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)กล่าวว่า เมื่อครั้นที่ฉันถูกนำขึ้นสู่ฟากฟ้า(ค่ำคืนมิอ์รอจ) เมื่อฉันเข้าไปยังบัลลังก์ของพระองค์ ณ บัลลังก์ถูกจารึกไว้ว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ มุฮัมมัด คือศาสนทูตของพระองค์ และเขาจะมีผู้ช่วยเหลือคืออาลี
عن ابي الحمراء عن رسول الله (ص) قال: لمّا اسري بي الى السماء إذا على العرش مكتوب لا إله إلاّ الله ، محمد رسول الله ايّدته بعلي .
الدر المنثور سيوطي ج 4 ص 153، الخصائص الكبرى السيوطي ج 1 ص 7، الشفاء قاضي عياض ص 138، المناقب ابن المغازلي ص 39، الرياض النضرة في مناقب العشرة المبشّرة ج 2 ص 227، درر السمطين
ص120.
3.2- อิบนิมัสอูดบันทึกคำพูดของท่านนบีไว้ว่า เมื่อมีการไถ่ถามถึงศาสดาก่อนหน้าฉันว่า เพราะเหตุอันใดพวกเขาจึงถึงส่งลงมาให้เป็นศาสนทูตของพระองค์ ได้รับคำตอบว่า ถูกแต่งตั้งมาเพื่อรองรับในวิลายะฮ์ของมุฮัมมัด และวิลายะฮ์ของอาลี อิบนิ อบีฏอลิบ
عن ابن مسعود عن رسول الله (ص) قال: أتاني ملك فقال:يا محمّد واسأل من ارسلنا من قبلك من رسلنا على ما بعثوا . قلت:على ما بعثوا ؟ قال:على ولايتك وولاية علي بن ابي طالب.
معرفة علوم الحديث حاكم النيسابوري ص96 .
3.3- รายงานจากท่านนบี(ศ็อลฯ)ว่า ฉันได้วิงวอนต่อพรองค์อัลลอฮ์ว่า เมื่อใดและที่ใดก็ตามที่ชื่อของฉันถูกเอ่ยขึ้นฉันจะขอจากพระองค์อัลลอฮ์ให้ชื่อของอาลีถูกเอ่ยเช่นกัน และพระองค์ก็ตอบรับในคำร้องขอของฉัน
عن رسول الله (ص) قال: يا علي اني طلبت من الله ان يذكرك في كل مورد يذكرني فأجابني واستجاب لي .
ما سئلت ربّي شيئا في صلاتي إلاّ اعطاني وما سألت لنفسي شيئا إلاّ سألت لك .
مجمع الزوائد ج 9 ص 110، كنز العمّال ج 13 ص 113، الرياض النضرة ج 2 ص 213 .
4. ตัวอย่างการกล่าวประโยค "อัชชะดุอันนะอะลีเยาวะลียุลลอฮ์" ในยุคสมัยของท่านนบี(ศ็อลฯ)
4.1- วันหนึ่งมีคนมาฟ้องท่านนบีว่า อบูซัรได้ใส่ประโยค "อัชชะดุอันนะอะลีเยาวะลียุลลอฮ์" ในอะซาน ท่านนบีกล่าวตอบว่า " พวกเจ้าได้ลืมคำกล่าวของฉันไปแล้วหรือในวันฆอดีรคุมที่ฉันประกาศไว้ว่า "ใครก็ตามที่ฉันเป็นนายของเขาอาลีก็คือนายของเขาเช่นกัน" (ฉะนั้นการกล่าวปฏิญาณตนว่าอาลีคือวะฮ์ลีของฉันจะมีปัญหาอะไรเล่า )
أخرج أن رجلا دخل على رسول الله (صلى الله عليه واله وسلم) وقال : يا رسول الله إنّ أبا ذر يذكر في الأذان بعد الشهادة بالرسالة الشهادة بالولاية لعلى عليه السلام .
قال رسول اللّه(صلي الله عليه وآله وسلم ) كذلك ، أو نسيتم قولي في غدير خم : من كنت مولاه فعلي مولاه ) ؟ .
السلافة في أمر الخلافة، ص 32.
4.2- ชายผู้หนึ่งได้มาหาท่านนบี(ศ็อลฯ)แล้วกล่าวว่า โอ้นบีฉันได้ยินสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน นบี(ศ็อลฯ)ถามว่า เจ้าได้ยินอะไรหรือ ?
เขาตอบว่า ฉันได้ยินซัลมานอัลฟารซีย์ กล่าวคำปฏิญาณว่า "ขอปฏิญาณตนว่าอาลีคือวะลีของอัลลอฮ์" ในอะซานหลังจากกล่าวปฏิญาณตนว่าท่าน(นบี)คือศาสนทูตของอัลลอฮ์ ท่านนบี(ศ็อลฯ) ตอบว่า "เจ้าได้ยินประโยคที่ดีที่สุดแล้ว" (หมายถึงประโยคนั้นคือ สิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว)
دخل رجل على رسول الله صلى الله عليه وآله وسلم ، فقال : يا رسول الله ! إني سمعت أمرا لم أسمع قبل ذلك ، فقال صلى الله عليه واله وسلم : ما هو ؟ قال : سلمان قد يشهد في أذانه بعد الشهادة بالرسالة ، الشهادة بالولاية لعلي (عليه السلام) ، قال (صلي الله عليه وآله وسلم ): سمعت خيرا.
السلافة في أمر الخلافة، ص 32.
5.สิ่งจำเป็นที่ต้องกล่าวถึงถ้าสมมติว่าการกล่าวบางประโยคในอะซานเป็นการกระทำไม่ดีหรือไม่ถูกต้องด้วยเหตุนี้ชีอะฮฺจึงควรถูกตำหนิว่าเป็นพวกบิดอะฮฺ(ทำในสิ่งอุตริ) ถ้าเช่นนั้นสองเรื่องต่อไปนี้ท่านจะอธิบายว่าอย่างไร ?
5.1- ประวัติศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับยืนยันว่าประโยคที่กล่าวว่า
(حَيَّ على خَيْرِ الْعَمَل) เป็นส่วนหนึ่งของอะซานในยุคสมัยนบี แต่ในสมัยของท่านค่อลิฟะฮฺอุมัรฺท่านได้เกรงว่า การที่ประชาชนได้ยินประโยคนี้ทุกวันจะทำให้พวกเขาคิดว่าการนมาซเป็นการกระทำที่ดีที่สุดและจะเป็นสาเหตุทำให้พวกเขาไม่คิดทำญิฮาดอีกต่อไปท่านจึงได้ตัดประโยคนี้ออกจากอะซาน
5.2- ประโยค (الصلاة خَيْرُ مِنَ النَّومِ) ในสมัยท่านศาสดา (ศ็อลฯ)ประโยคนี้ไม่มีและไม่ใช่ส่วนหนึ่งของอะซาน แต่ต่อมาประโยคนี้ได้ถูกกล่าวเพิ่มในอะซานด้วยเหตุนี้ท่านชาฟิอีย์ได้พูดไว้ในหนังสือ อัล-อุม ว่า
اكره فى الاذان الصلاة خير من النوم لأنّ أبا محذورة لم يذكره
ฉันไม่ชอบเลยที่ในอะซานนั้นต้องกล่าวว่า อัศ-ศ่อลาฮฺคัยรุนมินันเนาม์ เพราะว่าไม่มีนักฮะดีษหรือรอวีย์นำมากล่าว(ในฮะดีษของตน)
ที่มา www.lovehusain.com
แสดงความเห็น