วิจารณ์ภาพยนตร์ศาสดาโมเสส ตามทัศนะของอิสลาม

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์  พระผู้ทรงเมตตา กรุณาปราณียิ่งเสมอ

ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง Exodas Gods and king เป็นภาพยนตร์ที่อธิบายถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับชีวประวัติของศาสดามูซา(โมเสส)  จัดสร้างโดย ฮอลลีวูด  ซึ่งเราจะไม่ขอกล่าวถึงการวิจารณ์ในเชิงเทคนิคแอ็กชั่น เอ็ฟเฟ็กในการถ่ายทำ แต่จะมาวิจารณ์เกี่ยวกับเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้กัน และหวังว่าสังคมที่มีความศรัทธาต่อพระเจ้า รวมถึงชาวยิวและคริสเตียนทั้งหลาย จะตื่นจากหลับไหล โดยมีผลสะท้อนต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ เราในฐานะมุสลิมคนหนึ่งที่มีความศรัทธาต่อศาสดาโมเสส ฉะนั้นหน้าที่ของเรา ก็คือ การปกป้องภาพลักษณ์ของศาสดาโมเสสให้พ้นจากความบิดเบือนทางประวัติศาสตร์

1.ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่สร้างโดยฮอลลีวูดนั้น ไม่ได้ตรงตามหลักฐานของศาสนาและประวัติศาสตร์ ไม่มีในคัมภีร์อัลกุรอาน ,ไบเบิล, คัมภีร์โทราห์ และไม่มีในตัลมูด ภาพยนตร์เรื่องนี้ คือผลลัพท์ของการจินตนาการของคนป่วยที่เป็นผู้สร้างมัน  เน้นถึงฉากที่มีแอ็คชั่น เอ็ฟเฟ็ก เป็นกลยุทธ์หนึ่งในการดึงดูดผู้ชม  ฉะนั้น ถ้าเราได้พิจารณาอย่างละเอียดในบทภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเห็นได้ว่า ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเน้นเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวกับมนุษยนิยม(Humanism) วัตถุนิยม(Materialism) และซาตานนิยม (Satanism)และฟรีเมสัน (Freemason)เท่านั้น

2.ภาพยนตร์เรื่องนี้ มีกล่าวถึงพระเจ้า มาในลักษณะของสิ่งที่เป็นวัตถุในรูปของมนุษย์ที่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเขามีร่างกายที่อ่อนแอ และยอมรับการพ่ายแพ้ ไร้ซึ่งความปราณี และเป็นผู้กดขี่ และ ...

3.ภาพยนตร์เรื่องนี้ จะไม่เน้นนิยามของความเป็นพระเจ้า แต่จะเน้นถึงบทบาทของกษัตริย์ฟาโรห์ (ฟิรเอาน์ ) และเขาก็ไม่ได้อ้างตนว่าเป็นพระเจ้า เหมือนดั่งที่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ได้กล่าวไว้ว่า เขาอ้างตัวเองขึ้นเป็นพระเจ้า และความขัดแย้งกันระหว่างศาสดาโมเสสกับกษัตริย์ฟาโรห์ ในเรื่องนี้

4. ฉากที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องราวของศาสดาโมเสสได้ถูกตัดออกไป เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชาวบะนีอิสรออีลที่พวกเขาวิงวอนขอต่อพระเจ้า   ให้หลุดพ้นจากการกดขี่ของกษัตริย์ฟาโรห์ และฉากที่เกี่ยวกับบรรดาบาทหลวงในโบสถ์ที่ได้พยากรณ์บอกถึงการมาของผู้ปลดปล่อยชาวบะนีอิสรออีล และวิธีการช่วยเหลือศาสดาโมเสสให้หลุดพ้นจากเหล่าทหารของกษัตริย์ฟาโรห์

5.ภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ได้กล่าวถึง การขัดแย้งกันที่มีระหว่างศาสดาโมเสสกับกษัตริย์ฟาโรห์ ขณะที่โมเสสยังเยาว์อยู่ ,ความศรัทธาของท่านหญิงอาซียะฮ์, การยอมรับศาสดาโมเสสเป็นศาสนทูต, การโต้แย้งกันระหว่างศาสดาโมเสสกับบรรดานักมายากล ,ความศรัทธาของพวกเขาต่อศาสดาโมเสส และก็ไม่ได้กล่าวถึง ความศรัทธาของศาสดาโมเสส  ,การวิงวอนต่อพระเจ้าของเขา และการต่อสู้กับการกดขี่ข่มเหง  ในขณะเดียวกัน กับฉายภาพลักษณ์ของศาสดาโมเสส เป็นคนที่กระทำการกดขี่ข่มเหงผู้อื่น และช่วยเหลือบรรดาผู้กดขี่

6.ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้กล่าวถึงปาฏิหาริย์ของศาสดาโมเสสว่า เกิดขึ้นมาจากเหตุผลทางวัตถุ เช่น การแปรสภาพของแม่น้ำเป็นสีเลือดก็เพราะว่า จรเข้ได้เข้ามาล่ามนุษย์และลากไปแทะในแม่น้ำ จนแม่น้ำกลายเป็นสีเลือดแดงไปทั่ว ฝูงหมู่ปลาจำนวนมากได้ตายลง หลังจากนั้นพวกกบทั้งหลายต่างก็หนีขึ้นจากน้ำ และหลังจากที่ปลาตายก็ส่งกลิ่นเน่าเหม็น ทุกพื้นที่จึงเต็มไปด้วยยุงนานาชนิด หลังจากนั้น ....

ในขณะที่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าวไว้ว่า สิ่งต่างเหล่านี้ ถือว่าเป็นสิ่งปาฏิหาริย์ของพระเจ้า เพื่อที่จะมาสั่งสอนและตักเตือนให้กับบรรดาฟาโรห์ และการกระทำของสิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นในทันทีทันใด มิใช่เกิดสิ่งนั้นแล้ว จะมีสิ่งอื่นๆเกิดขึ้นตามมาอย่างต่อเนื่อง

7.ในคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าวถึงการลงโทษจากพระเจ้า ที่มีต่อบรรดาฟาโรห์ ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นตามเหตุการณ์ทางธรรมชาติ มิใช่บทลงโทษจากพระเจ้าแต่อย่างใด

8.ภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวถึงโมเสส คือ นายพลทหารคนหนึ่ง มิได้เป็นศาสนทูต เพราะว่า  พระเจ้ามีความต้องการผู้กล้าหาญที่แข็งแกร่งในการปฏิบัติตามภารกิจที่พระองค์มอบให้ มิใช่ผู้ที่มีความศรัทธาและรักษาคำมั่นสัญญา

9. ตัวละครในภาพยนตร์ ก็ไม่สมบูรณ์ ตัวละครในด้านลบของเรื่องราวของท่านศาสดาโมเสส ก็คือ ฟาโรห์, ฮามาน ,กอรูนและ ชาวซามิรีย์ ทั้งหมดมิได้ถูกกล่าวถึง แต่เน้นเฉพาะตัวของฟาโรห์ เท่านั้น ส่วนตัวละครในเชิงบวก ซึ่งมีดังต่อไปนี้ โมเสส ,ฮารูน, อาซียะฮ์, ฮิซกีลและภรรยาของเขา และช่างแต่งหน้าของลูกสาวของฟาโรห์ นักมายากล ในขณะที่กล่าวว่า ภรรยาของฟาโรห์เป็นผู้ที่ไม่มีศรัทธา ซึ่งขัดแย้งกับบันทึกในประวัติศาสตร์

คุณลักษณะของโมเสสในภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ ผู้โกหก ผู้สังหาร ผู้ที่มีความอ่อนแอที่ไร้ความสามารถในการตอบโต้บรรดาผู้ปฏิเสธ โมเสสเป็นผู้ปฏิเสธ ที่โต้แย้งกับพระเจ้า และไม่มีความเชื่อในสิ่งที่เร้นลับ

10.ในภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวถึง การสนทนาระหว่างศาสนทูตแห่งพระเจ้ากับบุตรสาวของศาสดาชุอัยบ์ เป็นการกระที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นศาสนทูตของศาสดาโมเสส

11. การอยู่เพียงลำพังกับหญิงสาวเป็นการกระทำที่หมิ่นเยียดหยามต่อฐานะภาพของศาสดาโมเสส

12.ในประวัติศาสตร์กล่าวว่า ศาสดาโมเสส พร้อมครอบครัวได้กลับสู่มาตุภูมิเมืองอียิปต์ ขณะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวว่า โมเสสหนีออกจากครอบครัว ซึ่งทำให้ผู้ชมคิดว่า โมเสสเป็นคนที่มีจิตใจมืดบอด

13.การเดินผ่านทะเลมิได้เกิดขึ้นจากมุอ์ญิซาต(ปาฏิหาริย์)ของพระเจ้า แต่เกิดขึ้นจากธรรมชาติของคลื่นในทะเลที่พัดพาน้ำให้ลดลง จนกระทั่งชาวบะนีอิสรออีลสามารถผ่านไปได้ แต่เวลาที่ฟาโรห์เข้ามาถึงน้ำได้กลับเข้ามาและไม่มีผู้ใดว่ายน้ำเป็น ทั้งหมดจึงจมน้ำ ในขณะที่โมเสสว่ายน้ำเป็นเขาเลยหลุดพ้นจากเงื้อมมือของฟาโรห์

14.ในภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวถึงการร่วมสำรับอาหารของโมเสสกับพระเจ้า และ....

15.โมเสส ในภาพยนเรื่องนี้ ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาก็คือ ผู้หญิงของเขา และเขาสงสัยในตัวของเขาเองมาหลายครั้ง

16.พระเจ้าของโมเสส เป็นพระเจ้าที่ไร้ซึ่งความปราณี และเป็นผู้ที่กระทำความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งยังสังหารผู้บริสุทธิ์  ในขณะที่โมเสส เป็นผู้ที่ความใจบุญมากกว่า

17. ภรรยาของโมเสสต้องการที่จะเลี้ยงดูลูกของนางในรูปแบบของพระเจ้า แต่โมเสส ต้องการเลี้ยงดูลูกของเขาในสภาพที่เขานั้น มีความเชื่อมั่นในตนเอง

18.โมเสสมิได้ยอมรับการดำรงชีวิตของเขาแต่อย่างใด

19.ภรรยาของโมเสส ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นชาวอิหร่าน ที่นางไม่มีศรัทธาต่อศาสดาโมเสส ซึ่งจะกล่าวได้ว่าในภาพยนตร์ส่วนมากนั้น เน้นบทบาทของสตรีหรือทำให้สตรีมีบทบาทมากกว่าบุรุษ

20.ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ฟาโรห์เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายที่ไม่วันสูญสลาย ซึ่งตรงกับทัศนะของซาตานิสต์

21.ในภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวถึง อาวุธของโมเสส มิใช่ไม้เท้า แต่ทว่า เป็นดาบที่ใช้ในการพิทักษ์ตัวของกษัตริย์

เรื่องราวของศาสดาโมเสส ในคัมภีร์โทราห์

1.โมเสสมีปาฏิหาริย์สองอย่าง คือ ไม้เท้ากับมือที่มีแสงสว่าง

2.โมเสสกับฮารูนร่วมมือกันต่อต้านฟาโรห์และช่วยเหลือชาวบะนีอิสรออีล

3.ประชาชาติของโมเสส ยอมรับและศรัทธาต่อเขาในฐานะที่เป็นศาสนทูต

4.เรื่องราวการโต้แย้งกับบรรดานักมายากล และความพ่ายแพ้ต่อศาสดาโมเสส และท้ายที่สุด พวกเขาทั้งหลายถูกสังหารโดยฟาโรห์ ซึ่งตรงกับหลักฐานของอิสลาม

5.การทดสอบที่เกิดขึ้นกับกษัตริย์ฟาโรห์ เพื่อต้องการตักเตือนเขา