ไขปริศนา..ยิวกับปาเลสไตน์ใยต้องรบพุ่งฆ่ากัน? (ตอน2 เผชิญหน้า)

ไขปริศนา..ยิวกับปาเลสไตน์ใยต้องรบพุ่งฆ่ากัน? (ตอน2 เผชิญหน้า)

 

:แนวคิดการบริหารการจัดการและควบคุมโลก เพื่อความมั่นคงของอเมริกา จึงกระทำโดย “ผู้นำกลุ่มทุน” ซึ่งเป็นเหล่านายธนาคารในกลุ่มไซออนนิสม์ ชาวยิวมีการผนึกกำลังทางการเมืองเข้มแข็งกว่าฝ่ายอาหรับ ฐานะทางการเงินก็ดีกว่า เพราะได้รับการสนับสนุนจากชนชาติยิวจากแหล่งต่าง ๆ และจากอเมริกาด้วย ด้านการทหารก็เหนือกว่า และมีอาวุธที่ดีกว่าด้วย


ตอนแรกได้เล่าให้ฟังถึงรากฐาน และความขัดแย้ง การเอารัดเอาเปรียบของยิว ต่อชนชาติปาเลสไตน์ และอาหรับ จนก่อสงครามต่อกันตายไปจำนวนมากมายแล้ว

 

ปี ค.ศ. 1968 การโจมตีของชาวจอร์แดน ต่อค่ายผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ที่ตำบลฮุสเซ็นและอัชเราะฮ จนกระทั่งรัฐบาลจอร์แดนทำลายหน่วยต่อต้านของชาวปาเลสไตน์ในจอร์แดน หน่วยปฏิบัติการใต้ดินพีแอลโอจึงต้องมารวมตัวกันใหม่ที่เทือกเขาเลบานอน ซึ่งถูกทหารอิสราเอลโจมตีอีก จนต้องย้ายที่ทำการไปอยู่ที่เมืองแอลเจียร์ ประเทศแอลจีเรีย

 

ปี ค.ศ. 1972 องค์การพีแอลโอ ใช้ทุกวิถีทางแม้ กระทั่งใช้ความรุนแรงทางทหาร รวมทั้งการก่อการร้ายเหตุการณ์ที่เป็นที่จดจำของชาวโลกมากที่สุดครั้งหนึ่ง คือ การจับนักกีฬาชาวอิสเราเอลเป็นตัวประกัน ระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ณ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี

 

โดยกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ที่เรียกตัวเองว่า “ขบวนการกันยาทมิฬ” บุกเข้าหอพักนักกีฬาโอลิมปิก พร้อมกับจับตัวนักกีฬาชาวอิสราเอลจำนวน 11 คนเป็นตัวประกัน โดยพวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลปล่อยตัวนักโทษการเมืองชาวปาเลสไตน์ 234 คน และอีก 2 คนที่ถูกคุมขังอยู่ที่เยอรมัน พร้อมทั้งร้องขอเครื่องบินเพื่อเตรียมหลบหนีเข้าอียิปต์

 

นายกรัฐมนตรี อิสราเอล ในขณะนั้นซึ่งดำเนินนโยบายแข็งกร้าวต่อปาเลสไตน์และไม่ยินยอมเจรจากับผู้ก่อการร้าย ปฏิเสธข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ก่อการ และยังส่งหน่วยรบพิเศษที่เชี่ยวชาญในการชิงตัวประกันเข้ามาช่วยเหลือ แต่รัฐบาลเยอรมันปฏิเสธ เนื่องจากต้องการจัดการสะสางปัญหาด้วยตนเอง เพื่อรักษาหน้าของเจ้าภาพ โอลิมปิก

 

หรืออีกประเด็นหนึ่งที่เป็นนัยยะแอบแฝง นั่นคือคือรัฐบาลเยอรมันต้องการแสดงความรับผิดชอบและลบล้างความผิดสมัย สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวนั่นเอง แต่พลแม่นปืนของเยอรมันทำพลาด จนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เมื่อตัวประกันเสียชีวิตหมดทั้ง 11 คน ตำรวจเยอรมันเสียชีวิต 1 นาย ผู้ก่อการร้ายเสียชีวิต 5 ราย ถูกจับเป็น 3 ราย

 


 

 

 

โศกนาฏกรรมครั้งนี้สร้างความเคืองแค้นให้อิสราเอลอย่างมาก เพราะนอกจากตัวประกันจะเสียชีวิตหมด บรรดาชาติต่างๆ ก็ดูเหมือนจะลืมเลือนเรื่องนี้กันอย่างรวดเร็ว โดยหันสนใจการแข่งขันโอลิมปิกแทน ทั้งที่เกิดเรื่องราวอันเลวร้ายเช่นนี้แต่นานาชาติกลับยังคงดำเนินการแข่งขันต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

อิสราเอลไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกเขาลงมือปฏิบัติการตอบโต้อย่างทันควัน ส่งฝูงบินอิสราเอลไปถล่มฐานปฏิบัติการขององค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ในซีเรีย และเลบานอน รวมถึงการส่งหน่วยจารชนเข้าไปจัดการกับกลุ่ม PLO ทั้งในปาเลสไตน์ กลุ่มชาติอาหรับ และหลายพื้นที่ในยุโรปอย่างลับๆ

 

ซึ่งปฏิบัติการหลายครั้งสร้างความเสียหายขั้นรุนแรง แต่อิสราเอลก็ไม่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบอีกทั้งปฏิเสธอย่างแข็งขันว่า พวกเขาไม่ได้อยู่เบื้องหลังการล้างแค้นดังกล่าว แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าเหตุการณ์สะเทือนขวัญหลายครั้งเกิดขึ้นจากฝีมือของ หน่วยสืบราชการลับอิสราเอล ที่เรียกตัวเองว่าพวก มอสสาด

 

ปี ค.ศ. 1972 หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติการด้วยความรุนแรงทั้งอย่างลับๆ และอย่างโจ่งแจ้งมาช่วงระยะหนึ่ง ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็พบว่าการใช้ความุรนแรงไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด ผู้นำของ PLO และอิสราเอล ยอมหันหน้าเข้าหากัน โดยเจรจาผ่านทางสหประชาชาติ ก่อให้เกิดการลงนามในข้อ ตกลงสันติภาพออสโล ประกาศว่าโลกยอมรับให้มีดินแดนปกครองตนเองที่ชื่อปาเลสไตน์ ในเขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซ่า

 

ปี ค.ศ. 1973 สหรัฐอเมริกาได้แสดงตัวให้เห็นว่าเข้าข้างอิสราเอล และเกลียดชังพีแอลโออยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งสั่งปิดสำนักงานของพีแอลโอ ในนครนิวยอร์คและอายัติบัญชีเงินฝากของพีแอลโอด้วย

 

ปี ค.ศ. 1979 ประธานาธิบดีอียิปต์ ได้เดินทางไปพบปะกัน นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพื่อเจรจาสันติภาพกัน โดยมิได้ปรึกษาหารือกับโลกอาหรับ ทั้งสามได้ลงนามในเอกสารฉบับเมื่อวันที่ 17 กันยายน คือโครงการสันติภาพในตะวันตะวันออกกลางและ สนธิสัญญาสันติภาพระหว่างอียิปต์กับอิสราเอล

 

การที่อียิปต์ทำลงไปโดยพละการเช่นนี้ ทำให้โลกอาหรับไม่พอใจ เพราะจะทำให้โลกอาหรับแตกแยกกัน ชาวปาเลสไตน์ก็เกรงว่าอียิปต์จะทอดทิ้งพวกเขา เพราะไปรับรองอิสราเอล พีแอลโอได้ปฏิเสธข้อตกลงนี้อย่างแข็งขัน โดยถือว่าเป็นการปฏิเสธสิทธิตามกฎหมายของชาวปาเลสไตน์ ประเทศมุสลิมและประเทศเป็นกลางก็ปฏิเสธ แม้กระทั่งสหประชาชาติก็ยังปฏิเสธ

 

ปี ค.ศ. 1981 จุดหมายที่สำคัญของอิสราเอล คือ ใช้สนธิสัญญานี้เป็นเครื่องกีดกันมิให้มีการจัดตั้งรัฐบาลปาเลสไตน์อิสระขึ้นได้ หลังจากนั้นไม่นาน อิสราเอลได้เข้าโจมตีเลบานอนใต้ ที่อยู่ของพีแอลโออย่างหนัก และได้ผนวกกรุงเยรูซาเล็มเข้าเป็นของยิวอีกด้วย

 

สงครามที่ใหญ่ที่สุด และยาวนานที่สุดระหว่างอิสราเอล กับชาวปาเลสไตน์ก็เกิดขึ้นในเลบานอน ครั้งนี้ยิงมีจุดประสงค์คือ ทำลายกำลังทางการเมืองและการทหารของพีแอลโอ จัดตั้งรัฐบาลเลบานอนที่เข้มแข็งเพื่อช่วยเหลืออิสราเอล สร้างอิสราเอลขึ้นเป็นมหาอำนาจเพื่อควบคุมการพัฒนาทุกอย่างด้านการเมืองและเศรษฐกิจได้ในกำมือตน

 

ฝ่ายอเมริกามีความยินดีในการกระทำของอิสราเอล แต่แสร้งเสนอตัวเข้าไกล่เกลี่ย และรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ก็ไม่ยอมเดินทางไปประท้วงการรุกรานที่กรุงเยรูซาเล็มด้วย แต่ชาวโลกกลับให้ความสนใจ แค่คำเรียกร้องของชาวปาเลสไตน์มากกว่าแต่ก่อน การสร้างสงครามครั้งนี้ปรากฏว่ามีคนตายถึง 15,000 คนซึ่งแน่ละส่วนใหญ่ต้องเป็นชาวปาเลสไตน์

 

ปี ค.ศ. 1982 พีแอลโอได้ไปตั้งสำนักงานใหญ่ขึ้นใหม่ในเมืองตูนิซ ประเทศตูนิเซีย ต้องทำงานอย่าง-รีบเร่ง เพื่อสร้างโครงสร้างสำคัญ ๆ ด้านการเมืองและสังคมขึ้นมาใหม่หลังจากถูกทำลายไปแล้ว หน่วยต่อสู้ของพีแอลโอก็ต้องกระจายไปอยู่ตามประเทศอาหรับต่าง ทำให้รวมตัวกันได้ลำบาก

 

ได้มีการประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศอาหรับ ครั้งที่ 12 ในเมืองเฟซ ประเทศโมร็อกโก ที่ประชุมได้ออก “กฎบัตรเฟซ” ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญ คือ จัดตั้งรัฐบาลปาเลสไตน์ โดยมีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง ถอนกำลังทหารของอิสราเอลออกจากเขตยึดครองทั้งหมด ซึ่งเดิมเป็นของอาหรับก่อนสงครามปี 1967 รื้อถอนถิ่นฐานที่อิสราเอลสร้างขึ้น

 

ยืนยันสิทธิ์ของชาวปาเลสไตน์ ในการจะตัดสินใจด้วยตนเองและสามารถใช้สิทธิ์ในประเทศปาเลสไตน์ภายใต้การนำของพีแอลโอ ให้ฉนวนกาซาและดินแดนฝั่งตะวันตก (ของแม่น้ำจอร์แดน) อยู่ในความดูแลของสหประชาชาติไปก่อน และให้สภาความมั่นคงรับประกันต่อสันติภาพในระหว่างชนชาติต่างๆ ในแถวนั้น แต่รัฐบาลอิสราเอลปฏิเสธ ไม่ยอมรับข้อเสนอนี้โดยสิ้นเชิง

 

กลุ่มประเทศอาหรับได้ยื่นข้อเสนอนี้ไปยังรัฐบาลอเมริกา ประธานาธิบดีมะกัน แต่เขาก็ยังปฏิเสธเรื่องการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์อิสระ และมิได้กล่าวเลยว่าจะเกลี้ยกล่อมให้ถอนทหารอิสราเอล จากเขตยึดครองได้อย่างไร และยังบอกปัดข้อเสนอของชาวอาหรับ ที่จะเอากรุงเยรูซาเล็มคืนด้วย

 

ประธานาธิบดีรัสเซีย จึงได้เสนอแผนสันติภาพให้แก่อเมริกา ให้อิสราเอลคืนดินแดนยึดครองทั้งหมดให้แก่ชาวปาเลสไตน์ ชาวปาเลสไตน์มีสิทธิ์จัดตั้งรัฐอิสระของพวกเขาเองขึ้นในเขตแดนอิสราเอล และอิสราเอลต้องคืนกรุงเยรูซาเล็มตะวันออกให้ชาวปาเลสไตน์ด้วย แต่ในระหว่างนั้นอิสราเอลกลับท้าทายด้วยการสร้างชุมชนชาวยิวขึ้นใหม่อีก 5 แห่งที่แถบตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน

 

ปี ค.ศ. 1993 อิสราเอล และ ปาเลสไตน์ได้ตกลงกันเซ็นสนธิสัญญาออสโล อนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์มีอำนาจในการปกครองตัวเอง (อย่างจำกัด) ในเขตฉนวนกาซา สถานการณ์ในตะวันออกกลางก็มีท่าทีที่สงบลง แต่เพียงหนึ่งปีให้หลังก็เกิดการปะทะกันระหว่างสองฝ่ายเหมือนเช่นเดิม เพราะอเมริกาคอยเป็นพี่เลี้ยงชั้นดี ที่คอยหนุนหลังยิว ทั้งทางลับๆ และแบบเปิดเผย

 

ปี ค.ศ. 1995 กลุ่มชาวยิวหัวรุนแรงในอิสราเอล ไม่พอใจท่าทีที่ยอมอ่อนข้อของนายกฯ จึงเกิดการลอบสังหารขึ้น ตามด้วยการลุกฮือของชาวปาเลสไตน์ ความขัดแย้งทวีเพิ่มขึ้น แม้นายอาราฟัตจะได้เป็นประธานาธิบดีปาเลสไตน์ในปีถัดมา แต่ความนิยมในตัวเขาก็ลดลงเนื่องจากผู้คนเห็นว่าเขาอ่อนข้อให้อิสราเอลจนเกินไป

 

สันติภาพที่ได้มาทำให้ชาวปาเลสไตน์ปิติยินดี ออกมาฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ มีการยิงปืนขึ้นฟ้าและลุกลามไปถึงขั้นจุดไฟเผาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็น สัญลักษณ์ของชาวยิว จากนั้นก็ชักธงชาติปาเลสไตน์ขึ้นยอดเสา แต่ขณะเดียวกันชาวยิวบางส่วนที่ยังอาศัยอยู่ในดินแดนนี้ก็เกิดความไม่พอใจ ออกมาก่อความวุ่นวายตามท้องถนนจนเกิดเป็นจลาจลไปทั่วเมือง

 

ปี ค.ศ. 2004 นายอาราฟัต ถูกปิดล้อมอยู่ที่เมืองรอมัลเลาะห์ เขาถูกลอบสังหารจนเสียชีวิตเพราะเขามีนโยบายที่แข็งกร้าว ไม่ยอมอ่อนข้อให้ฝ่ายอิสราเอล ฝ่ายอเมริกาจึงต้องกำจัดเขาเพราะเขาขัดประโยชน์มหาศาลที่อเมริกาจ้องจะกอบโกย ผู้นำคนใหม่ของ PLO คือนายมะห์มูด อับบาส

 

 

ปี ค.ศ. 2005 อิสราเอลยอมถอนกำลังออกจากฉนวนกาซ่า หลังจากครอบครองอย่างไม่เป็นธรรมมานานถึง 38 ปี เปิดทางให้ปาเลสไตน์จัดการเลือกตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2006 อิสราเอลและอเมริกา เอาใจช่วยให้พรรคฟาตาห์ ของนายอับบาส ขึ้นครองอำนาจเบ็ดเสร็จให้จงได้

 

แต่แล้วความฝันของอิสราเอลและอเมริกาก็ดับวูบลง เมื่อผลการเลือกตั้งปรากฏว่าพรรคฮามาส กลับได้ครองเสียงข้างมาก ผิดจากการคาดเดาของหลายๆ ฝ่าย แต่พรรคฮามาสก็ยังไม่สามารถจังตั้งรัฐบาลในระบบพรรคเดียวได้ ต้องจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นมา

 

พรรคฮามาส เป็นพรรคการเมืองสำคัญพรรคหนึ่งของปาเลสไตน์ มีแนวคิดที่ค่อนข้างรุนแรง มีกองกำลังเป็นของตนเอง คือ กลุ่มติดอาวุธฮามาส กลุ่มนี้มีบทบาทมากขึ้น ภายหลังที่ชาวปาเลสไตน์เริ่มเบื่อหน่ายกับกลุ่ม PLO การสูญเสียผู้นำอย่างนายอาราฟัต ทำให้กลุ่มฮามาสก้าวเข้ามามีอิทธิพลมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณฉนวนกาซ่า

 

ในที่สุด กลุ่มฮามาสก็ทำการยึดดินแดนเขตฉนวนกาซ่าไว้ในครอบครอง และเตรียมที่จะจัดตั้งรัฐฮามาสขึ้นเป็นรับอิสระด้วย ขณะที่ฉนวนกาซ่าตกเป็นของกลุ่มฮามาส ทางฝั่งเวสต์แบงค์ก็ตกเป็นของกลุ่มฟาตาห์ของนายอับบาส กลายเป็นว่าชาวปาเลสไตน์ กำลังแย่งชิงความเป็นใหญ่ในดินแดนของตนเอง

 

ฉนวนกาซา ดินแดนของปาเลสไตน์ เป็นหนึ่งในดินแดนที่อียิปต์เสียให้อิสราเอล มีอาณาบริเวณแคบๆ แค่ขนาด 360 ตร.กม. เท่านั้น ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีอาณาเขตทางตะวันตกเฉียงใต้เป็นความยาวประมาณ 11 กิโลเมตรติดกับประเทศอียิปต์ ทางเหนือและตะวันออกติดกับประเทศอิสราเอล เป็นระยะทางราว 51 กิโลเมตร ทางตะวันตกติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นระยะทางชายฝั่งประมาณ 41 กิโลเมตร

 

มีเมืองกาซาเป็นเมืองหลักในอาณาเขตนี้ มีประชากรชาวปาเลสไตน์ อาศัยอยู่ประมาณ 1.7 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพลี้ภัย ส่วนใหญ่จะเกิดในพื้นที่ฉนวนกาซา และอีกส่วนหนึ่งเป็นผู้ซึ่งอพยพมาในปี ค.ศ. 1948 ซึ่งเป็นผลหลังจากสงครามอาหรับ-อิสราเอล

 

ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม นิกายซุนนีย์ มีอัตราการเติบโตของประชากรราวร้อยละ 3.2 ต่อปี หรือคิดเป็นอันดับที่ 7 ของประเทศที่มีอัตราการเติบโตประชากรสูงที่สุดในโลกแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก (ประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมด) และไม่นานนี้ได้มีการขุดพบก๊าซธรรมชาติด้วย

 

ท้ายที่สุดเมื่อกลุ่มฮามาสสามารถครองเสียงข้างมากในสภาได้ ก็เท่ากับปาเลสไตน์ตกเป็นของกลุ่มฮามาสไปโดยปริยาย แม้ว่านายอับบาสยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอยู่ก็ตาม การขึ้นครองอำนาจของกลุ่มฮามาส ไม่เป็นที่สบอารมณ์ของอิสราเอลและอเมริกา และ รวมไปถึงประเทศต่างๆ ใน EU ที่ไม่ยอมรับกลุ่มหัวรุนแรงนี้

 

เมื่อกลุ่มฮามาสขึ้นมาครองอำนาจ อเมริกา จึงประกาศสั่งระงับการช่วยเหลือเงินจำนวนกว่า 600 ล้านเหรียญ ที่เคยสัญญาว่าจะมอบให้กับปาเลสไตน์ทันที ทางฝั่งนายอับบาส ซึ่งยึดดินแดนเขตเวสต์แบงค์ไว้ เห็นช่องทางเหมาะ จึงประกาศจัดตั้งรัฐบาลขึ้นแข่งกับกลุ่มฮามาสทันที

 

กลายเป็นว่าปาเลสไตน์ มีการแบ่งแยกออกเป็นสองพวก ซึ่งบรรดาประเทศต่างๆ ที่มีอเมริกาเป็นหัวโจก ล้วนแต่มีทีท่าสนับสนุนรัฐบาล ของนายอับบาส มากกว่ารัฐบาลของกลุ่มฮามาส และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อมีการปะทะกันระหว่างกองกำลังของกลุ่มฮามาสกับกองกำลังของอิสราเอล บริเวณฉนวนกาซ่า ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ระบุว่าเป็นการป้องกันตัว เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามเปิดฉากโจมตีก่อน

 

การรบพุ่งกันก็เกิดขึ้นจนได้ ฝ่ายอิสราเอลที่ไม่ค่อยพอใจกลุ่มฮามาสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงฉวยโอกาส ใช้เป็นเหตุผลเข้าโจมตีฉนวนกาซ่าอย่างเต็มรูปแบบ แถมยังประกาศอีกว่าการรบจะยุติลงก็ต่อเมื่อสามารถ ล้มล้างกลุ่มฮามาสให้สิ้นซากไปได้เท่านั้น เพราะมีแบ็คอัพชั้นดีคืออเมริกาคอยหนุนหลัง และประเทศใน EU

 

การจู่โจมปาเลสไตน์ครั้งนี้ของยิว ก็สร้างความไม่พอใจให้กับพี่น้องมุสลิมทั่วโลก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ในฉนวนกาซ่า ล้วนแต่เป็นชาวมุสลิมแทบทั้งสิ้น มีการประท้วงของชาวมุสลิมต่อการกระทำของอิสราเอล แม้แต่ในเขตเวสต์แบงค์เองที่เป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มฮามาสก็ยังออกมาประณามการโจมตีของอิสราเอลเช่นกัน

 

ที่อเมริกาและประเทศใน EU ต่างเห็นดีเห็นงามที่จะกำจัด กลุ่มฮามาส ก็เพราะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มก่อการร้ายอัล กออิดะห์ และหากพวกเขาสามารถผลักดันให้กลุ่มฟาตาห์ของปาเลสไตน์ กลับมาครอบอำนาจเช่นเดิม ก็จะสามารถต่อรองผลประโยชน์ได้ง่ายกว่านั่นเอง

 

เฮนรี คิสซินเจอร์ อดีต ที่ปรึกษาความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา (NSA) ปี พ.ศ. 2516 ที่กล่าวว่า…“ผู้ควบคุมการผลิตอาหารก็ควบคุมประชาชนได้..ผู้ควบคุมพลังงานก็สามารถควบคุมทวีปต่างๆได้ทั้งหมด..ผู้ควบคุมกระแสเงินตราได้สามารถควบคุมโลกได้”

 

แนวคิดการบริหารการจัดการและควบคุมโลก เพื่อความมั่นคงของอเมริกา จึงกระทำโดย “ผู้นำกลุ่มทุน” ซึ่งเป็นเหล่านายธนาคารในกลุ่มไซออนนิสม์ ชาวยิวมีการผนึกกำลังทางการเมืองเข้มแข็งกว่าฝ่ายอาหรับ ฐานะทางการเงินก็ดีกว่า เพราะได้รับการสนับสนุนจากชนชาติยิวจากแหล่งต่าง ๆ และจากอเมริกาด้วย ด้านการทหารก็เหนือกว่า และมีอาวุธที่ดีกว่าด้วย

 

แผ่นดินแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า ยังคงคุกรุ่นไปด้วยความเกลียดชังและความขัดแย้ง ด้วยเหตุข้างต้นนี้ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างชาวอาหรับ กับ ชาวยิว และมันก็จะคงอยู่ต่อไป

 

จะได้เห็นว่าสงครามรอบใหม่นี้ กลุ่มไซออนนิสม์ ที่ปกครองของยิว คือ สาเหตุแห่งความขัดแย้ง และการแตกความสามัคคีของปาเลสไตน์เอง ก็เป็นจุดอ่อนให้อเมริกา และยิว แทรกแซง แม้แต่ผู้นำของตนเองยังไม่มีโอกาสเลือกได้เองอย่างแท้จริง

 

คนไทยควรได้ศึกษาการแตกความสมัคคีของปาเลสไตน์ เป็นตัวอย่าง เพราะอเมริกา จะเข้ามาแทรกแซงการเมืองภายในประเทศเราทันที และอเมริกาไม่ได้เลือกเข้าข้างประชาธิปไตย แบบเลือกตั้ง อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เขาเลือกข้างฝ่ายที่อวยประโยชน์ทรัพยากร ให้กับประเทศของเขามากที่สุด..โดยเขาไม่เคยจริงใจกับประเทศใด !!

 

ปัจจุบันในอเมริกา มีประชากร 318 ล้านคน คนจนในประเทศมีถืง 55 ล้านคน (17%) , มีผู้ติดยา 22 ล้านคน ( 7% ) โดยนำเข้าทางเรือจากเมกซิโกแทบทั้งหมด มีกองทัพ กองกำลังของตนเอง , ตนอเมริกันมีอาวุธปืนถืง 310 ล้านกระบอก คนอเมริกัน 47% มีปืนยิงกันทุกวัน มีผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศกว่า 2 ล้านคน

 

มีแก๊งค์อาชญากรรมติดอาวุธ ถืง 33,000 แก๊ง กำลังพล ราว 1.5 -2.0 ล้านคน พกปืนเดินกันว่อน กระจายอยู่ในรัฐต่างๆ แทบทั่วทุกรัฐ ที่พร้อมจะยิงทุกคนที่เดินผ่านย่านอิทธิพล ที่แม้แต่ตำรวจยังไม่กล้าแหยม..แก๊งพวกนี้ ค้ายา ค้าปืนสั้น ปืนกล ปืนไรเฟิล ปืนยิงช้าง เครื่องยิงลูกระเบิด อาวุธต่อสู้รถถัง

 

มีการค้ามนุษย์อย่างโจ่งครึ่ม ข่มขืน ปล้น ข่มขู่ ชิงทรัพย์ ฆ่าคน ล้วงกระเป๋า , ในทุกๆ วัน มีการใช้ปืนก่ออาชญากรรม 3,000 ครั้ง คนมะกัน 80 คนถูกฆ่า บาดเจ็บอีก 300 คน บางส่วนก็เป็นแก๊งค์ในสังกัดพรรคการเมือง ลูกสมุนวุฒิสมาชิก เป็นผู้มีอิทธิพล ข่มขู่คนมะกันไปลงคะแนนเสียง คุมการขนส่ง การก่อสร้าง

 

โดย.. เสธ น้ำเงิน4 Cr. Topsecretthai           

 

ที่มาอิมามียะฮ์เจอร์นัล

แสดงความเห็น