ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ค้านสหรัฐฯ แทรกแซงสถานการณ์อิรัก
รัฐบาลอิรักสูญเสียพื้นที่พรมแดนฝั่งตะวันตกให้กับกลุ่มติดอาวุธ โดยพรมแดนดังกล่าวติดกับประเทศซีเรียและจอร์แดน ขณะที่ผู้นำสูงสุดของอิหร่านมองว่าสหรัฐฯพยายามจะกลับเข้าไปยึดครองอิรักอีกครั้ง
อยาตุลลอฮ์ซัยยิด อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน กล่าวว่าสหรัฐฯ พยายามสร้างภาพว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอิรักเป็นสงครามระหว่างนิกายสุหนี่กับชีอะห์ แต่จริงๆแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของกลุ่มที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซนกับกลุ่มหัวรุนแรงสุหนี่ พร้อมระบุว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งหากสหรัฐฯ หรือต่างชาติจะเข้าไปแทรกแซงสิ่งที่เกิดขึ้นในอิรัก โดยเฉพาะสหรัฐฯที่อยาตุลลอฮ์ซัยยิด อาลี คอเมเนอี ระบุว่าพยายามจะกลับเข้าไปยึดครองอิรักซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันอีกครั้ง
ด้านนายเบนจามิน เนธันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล มีความเห็นตรงข้ามกับผู้นำสูงสุดของอิหร่าน โดยให้สัมภาษณ์ในรายการ"มีท เดอะ เพรส"ของสถานีโทรทัศน์"เอ็นบีซี" ของสหรัฐฯ ผู้นำอิสราเอลมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอิรักเกิดจากความเกลียดชังระหว่างกลุ่มชีอะห์ซึ่งอิหร่านอยู่เบื้องหลัง กับกลุ่มสุหนี่ที่มีกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ และกลุ่มติดอาวุธไอซิสสนับสนุนอยู่หากทั้ง 2 ฝ่าย ห้ำหั่นกันเอง สุดท้ายแล้วเรื่องนี้อาจจะลงเอยด้วยการที่อิหร่านมีศักยภาพด้านอาวุธนิวเคลียร์มากขึ้น ซึ่งจะถือเป็นความผิดพลาดที่น่าเศร้า
ขณะที่ นายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินสายเยือนตะวันออกกลางและยุโรป ตอนนี้เดินทางถึงกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดนแล้ว ก่อนหน้านี้ นายแคร์รี่ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ในอิรักว่า นายนูริ อัลมาลิกิ นายกรัฐมนตรีของอิรักควรจะอยู่เหนือความขัดแย้งระหว่างนิกายและเป็นตัวแทนของประชาชนทุกคน
ด้านนายดิค เชนี่ย์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้ความเห็นในรายการ"ดีส วีค" (This Week) ของสถานีโทรทัศน์เอบีซีของสหรัฐฯ โดยระบุว่าประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า จะต้องตระหนักว่าสหรัฐฯ มีปัญหาใหญ่ที่จะต้องรับมือกับอิรักและซีเรีย จึงถือว่าเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่สหรัฐฯ ควรจะมีบทบาทในตะวันออกกลางต่อไป
แสดงความเห็น