อิสลามกับการวิวัฒนาการของมนุษย์

อิสลามกับการวิวัฒนาการของมนุษย์

บทความนี้จะกล่าวถึงการวิเคราะห์ทัศนะวิวัฒนาการมนุษย์ของดาร์วิน นักธรรมชาติวิทยา ชาวอังกฤษ กับข้อโต้แย้งและนำเสนอทัศนะอิสลามในการเกิดขึ้นของมนุษย์

ทัศนะเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ได้เริ่มต้นจากความคิดของนักธรรมชาติวิทยา ชาวอังกฤษที่ชื่อว่า ชาร์ล ดาร์วิน ซึ่งช่วงสมัยการมีชีวิตของเขา เป็นสมัยแห่งการเฟื่องฟูของปฏิรูปทางอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นทวีปยุโรป และเป็นยุคแห่งมนุษย์นิยม หรือ Humanist

เขาได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับภาคของสิ่งมีชีวิตและเห็นว่าความคิดในเรื่องเซลล์ที่มีชีวิตเล็กๆซึ่งเป็นแหล่งที่มาของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลกนั้นเป็นสิ่งที่จริงในวิทยาศาสตร์เพราะฉะนั้นมันน่าจะเป็นไปได้ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มาจากการวิวัฒนาการของเซลล์เล็กๆเหล่านี้

ดังนั้นเขาจึงพยายามหาข้อมูลจากสิ่งที่ปรากฏในธรรมชาติเพื่อมาพิสูจน์ทฤษฎีความเชื่อของเขาในหนังสือเล่มนี้ของเขาเองได้อธิบายถึงความสามารถในการดำรงชีวิตอยู่ของเซลล์ที่มีศักยภาพในการต่อสู้เพื่อมีชีวิตรอดสูงมาก และเมื่อมันอยู่ในสภาพแวดล้อมใดๆมันก็จะปรับตัวในการสร้างรูปร่างของมันให้เข้ากับสภาพแวดล้อมนั้นๆเพื่อให้ชีวิตของมันสามารถดำรงอยู่ได้โดยใช้ระยะเวลาและความบังเอิญในการสร้างรูปร่างของมัน เขาจึงคิดว่ามนุษย์เราน่าจะมาจากสายพันธุ์ของลิงเอป (ape) โดยการใช้ระยะเวลาหลายล้านปีในการปรับสภาพรูปร่างจนกลายเป็นรูปร่างของมนุษย์อย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนั่นเองซึ่งทฤษฎีนี้คิดว่ามนุษย์ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการวิวัฒนาการไปเรื่อยๆไม่ได้หยุด ดังนั้นมนุษย์เราในอีกหลายล้านปีข้างหน้าอาจหัวโตขึ้นเพราะใช้สมองมาก และนิ้วมืออาจะเล็กลงเพราะใช้แต่นิ้วชี้หรือร่างกายภายในอาจจะมีการปรับตัวให้มีชีวิตอยู่ได้แม้ในสภาพที่มีออกซิเจนในอากาศอยู่น้อยก็ตาม

 

และถ้ามีคนถามชาร์ล ดาร์วินว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตมากมายหลายพันธุ์อะไรเป็นตัวคัดเลือกว่าเซลล์นี้ควรจะเป็นปลาวาฬ เซลล์นี้ควรจะเป็นผีเสื้อเซลล์นี้ควรจะเป็นแรด เซลล์นี้ควรจะเป็นคน... ซึ่งชาร์ล ดาร์วินได้ตอบว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆก็เพราะผ่านกระบวนการคัดเลือกทางธรรมชาตินั่นเองซึ่งถ้าเราจะสรุปข้อสมมติฐานในเรื่องนี้ของดาร์วิน ก็จะสามารถสรุปได้ 3 ประการ แต่ทั้ง 3 ประการนี้ล้วนแต่สามารถมีข้อโต้แย้งได้ทั้งสิ้น

1. การที่เกิดสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ต่างๆในโลกก็เพราะสิ่งมีชีวิตต่างๆได้ผ่านกระบวนการปรับตัวทางสภาพแวดล้อมเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย

แต่เราจะเห็นได้ว่าทำไมสิ่งมีชีวิตที่ชาร์ลดาร์วินบอกว่าวิวัฒนาการได้ดีที่สุดคือมนุษย์กลับมีปรากฏการณ์ที่ขัดแย้งกับทฤษฎีของเขามากที่สุด

เมื่อเราเห็นลูกของสัตว์ต่างๆที่คลอดออกมาใหม่เราก็จะเห็นว่ามันสามารถที่จะปรับตัวของมันได้อย่างรวดเร็วเพื่อที่จะมีชีวิตรอด แต่มนุษย์เราเมื่อคลอดออกมาแลวนั้นกลับต้องใช้เวลาหลายปีจึงจะสามารถปรับตัวให้สามารถช่วยตัวเองให้อยู่รอดได้

ดังนั้นการอธิบายเช่นนี้จึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้เชื่อถือได้เลย

2. สิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆอาจจะเกิดมาจากการผสมข้ามพันธุ์แล้วเกิดพันธุ์ใหม่ขึ้น

ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่เป็นไปไม่ได้เลยในความเป็นจริงเมื่อม้าผสมกับลา ก็จะออกมาเป็นล่อซึ่งเป็นสัตว์ในสปีชีส์เดียวกัน แต่ล่อที่ออกมานั้นจะเป็นหมันทำให้ไม่สามารถสืบพันธุ์ต่อได้ ทำให้มันไม่สามารถเกิดการผ่าเหล่าได้เลย

นี่คงจะเป็นระบบที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อไม่ให้มีสัตว์ประหลาดเกิดขึ้น !

3. การเกิดสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์นั้น อาจเกิดมาจากการกลายพันธุ์

สมมติฐานนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้เพราะวงการแพทย์เองก็รู้ดีว่าการผิดปกติทางพันธุกรรมจะก่อให้เกิดผลในแง่ลบมากกว่าแง่บวก เช่นถ้าภายในร่างกายเกิดสิ่งผิดปกติ ก็อาจจะกลายเป็นมะเร็งหรือว่าถ้ามีเด็กเกิดมาแล้วมีอวัยวะโตผิดปกตินั้นไม่ใช่รูปร่างที่สวยงามเลย แต่เมื่อเราดูสิ่งมีชีวิตต่างๆในโลกเราจะเห็นได้ว่ามันมีรูปร่างที่สวยงามและสมส่วนซึ่งถ้าจะบอกว่าสิ่งมีชีวิตเกิดจากการออกแบบอย่างยอดเยี่ยมของพระเจ้าซึ่งเป็นพระผู้สร้าง ก็จะเชื่อได้ง่ายกว่าการที่จะบอกว่ามาจากความบังเอิญเพราะความบังเอิญคงไม่สามารถสร้างสิ่งสวยงามได้ เช่น ถ้ามีคนบอกว่าบังเอิญทำแก้วหล่นแตก แล้วเศษแก้วบังเอิญประกอบกันเป็นภาพโมนาลิซ่าคุณจะเชื่อมั้ย? ...ไม่มีทางครับ!ถึงแม้มันจะตกลงไปเป็นล้านครั้งก็เกิดภาพสวยงามขึ้นโดยบังเอิญไม่ได้หรอกสิ่งที่จะเกิดก็จะมีแต่ความเละเทะ

อีกอย่างวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าหากมีการวิวัฒนาการเกิดขึ้นในระดับของเซลล์ร่างกาย (Somatic cell) เซลล์ชนิดนี้เมื่อเกิดมิวเทชันแล้ว จะไม่สามารถถ่ายทอดไปยังรุ่นต่อไป

จากเหตุผลข้างต้นเราจะเห็นว่าทฤษฎีนี้มีน้ำหนักน้อยมากและทฤษฎีนี้ยังขาดหลักฐานและข้อมูลอยู่สองประการคือ Missing Link (ซากฟอสซิลของสัตว์ผสมที่กำลังกลายรูปร่าง)และข้อมูลเรื่องของการทำงานของระบบต่างๆในตัวของมนุษย์และสัตว์ว่าแตกต่างหรือเหมือนกันเพียงไรไม่ว่าจะเป็นการทำงานของระบบทางเดินของเลือดและการทำงานของ DNA

ชาร์ล ดาร์วิน ได้กล่าวด้วยตัวเขาเองว่า “ ทฤษฎีของข้าพเจ้านั้นไม่ใช่ข้อมูลหรือข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์แต่มันเป็นเพียงความเชื่อหรือความคิดส่วนตัวของข้าพเจ้าเท่านั้นทฤษฎีนี้ยังขาดข้อพิสูจน์หลายอย่างดังนั้นถ้าในอนาคตมีใครที่จะสามารถอธิบายได้ว่าระบบการทำงานภายในร่างกายของมนุษย์และสัตว์นั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิงได้เขาค้นนั้นก็จะสามารถลบล้างคำอธิบายเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการของข้าพเจ้าได้เลย”

จะเห็นได้ว่า ทัศนะของดาร์วินนั้น มีความขัดแย้งกับคำสั่งสอนทางศาสนา โดยเฉพาะอิสลาม ที่มีวิสัยทัศน์ในการถือกำเนิดของมนุษย์ มาจากอนุมัติแห่งพระเจ้า ดั่งรายละเอียดต่อไปนี้

ทัศนะของอิสลามเกี่ยวกับมนุษย์

สามารถกล่าวได้ว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งที่ประกอบด้วยร่างกาย และจิตวิญญาณ เมื่อสิ้น ชีวิตลงร่างกายจะเน่าเปื่อยและผุสลายไปตามกาลเวลา ส่วนวิญญาณจะดำรงชีวิตสืบต่อไป ความตายไม่ใช่การสูญสิ้น ฉะนั้นตราบเท่าที่วันแห่งการฟื้นคืนชีพ ยังมาไม่ถึงวิญญาณจะพำนักอยู่ที่อาลัมบัรซัค (โลกภายหลังความตาย) เพื่อรอวันแห่งการตัดสิน

พระมหาคัมภีร์อัล-กุรอานได้อธิบายขั้นตอนการสร้างมนุษย์ไว้อย่างละเอียด จนถึงขั้นตอนสุดท้าย พระผู้เป็นเจ้าจะเป่าดวงวิญญาณไปในร่างมนุษย์

อัล-กุรอาน กล่าวว่า

ثُمَّ خَلَقْنَا النُّطْفَةَ عَلَقَةً فَخَلَقْنَا الْعَلَقَةَ مُضْغَةً فَخَلَقْنَا الْمُضْغَةَ عِظَامًا فَكَسَوْنَا الْعِظَامَ لَحْمًا ثُمَّ أَنشَأْنَاهُ خَلْقًا آخَرَ فَتَبَارَكَ اللَّهُ أَحْسَنُ الْخَالِقِينَ

แล้วเราได้ทำให้เชื้ออสุจิกลายเป็นก้อนเลือด ได้ทำให้ก้อนเลือดกลายเป็นก้อนเนื้อ ได้ทำให้ก้อนเนื้อกลายเป็นกระดูก และได้หุ้มกระดูกนั้นด้วยเนื้อ หลังจากนั้นได้เป่าวิญญาณ ให้เขากลายเป็นอีกรูปร่างหนึ่ง ดังนั้น อัลลอฮฺทรงจำเริญยิ่ง ผู้ทรงเลิศแห่งปวงผู้สร้าง

อัล-กุรอานกล่าวถึงชีวิตมนุษย์ในโลกบัรซัคว่า

وَمِن وَرَائِهِم بَرْزَخٌ إِلَى يَوْمِ يُبْعَثُونَ

“และเบื้องหน้าของพวกเขามีโลกบัรซัค จนกระทั่งถึงวันที่พวกเขาจะถูกฟื้นคืนชีพ ขึ้นมา”

มนุษย์ทุกคนถูกสร้างมาบนพื้นฐานที่สะอาดบริสุทธิ์แห่งพระผู้เป็นเจ้า ในลักษณะ ที่ว่า ถ้าหากไม่มีสิ่งยั่วยุภายนอกทำให้หลงทาง ชีวิตเขาจะดำเนินบนวิถีทางแห่งสัจธรรม ตลอดไป เนื่องจากไม่มีทารกคนใดคลอดออกจากครรภ์มารดาด้วยความผิดพลาด หรือมีบาปติดตัว แต่หลังจากนั้นวิถีชีวิตได้เปลี่ยนไปเพราะผลกระทบภายนอกที่เกิดจาก ความชั่วช้า และสิ่งไม่ดี ทั้งหลายซึ่งขึ้นอยู่กับการเลือกสรร หรือแม้ว่าจะมีกรรมพันธุ์ที่ไม่ดี แต่สิ่งนั้นก็ไม่อาจ เปลี่ยนแปลงเจตนารมณ์ของมนุษย์ได้ ด้วยเหตุนี้แนวความคิด ที่ว่าบาปเป็นธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์ เพราะมนุษย์ทุกคนเป็นบุตรหลานของอาดัม จึงถือว่าไม่ถูกต้อง และไม่มีราก ที่มาแต่อย่างใด อัล-กุรอานกล่าวว่า

فَأَقِمْ وَجْهَكَ لِلدِّينِ حَنِيفًا فِطْرَةَ اللَّهِ الَّتِي فَطَرَ النَّاسَ عَلَيْهَا لَا تَبْدِيلَ لِخَلْقِ اللَّهِ ذَلِكَ الدِّينُ الْقَيِّمُ وَلَكِنَّ أَكْثَرَ النَّاسِ لَا يَعْلَمُونَ

ดังนั้น เจ้าจงผินหน้าของเจ้าสู่ศาสนาที่เที่ยงธรรมเถิด ธรรมชาติของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการสร้างของอัลลอฮฺ นั่นคือ ศาสนาอันเที่ยงตรง แต่มนุษย์ส่วนมากไม่รู้

ด้วยเหตุนี้เอง ทัศนะของดาร์วินถือว่า ไม่ถูกต้อง เพราะว่า ทัศนะของเขา มีความขัดแย้งกับศาสนา และเกิดจากการประเมินผลทางวิทยาศาสตร์ การทดลอง ซึ่งมิได้ตรงกับความเป็นจริงแต่อย่างใด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แสดงความเห็น