อิมามมะฮฺดีย์ในริวายะฮ์ชีอะฮ์

อิมามมะฮฺดีย์ในริวายะฮ์ชีอะฮ์


สำหรับการรู้จักอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) คุณสมบัติของท่าน การเร้นกาย และการปรากฏกายอีกครั้งไม่มีวิธีการใดดีไปกว่าอัล-กุรอานและริวายะฮฺขอบรรดามะอฺซูม (อ.)

 

และการอ้างอิงถึงอัล-กุรอานและริวายะฮฺเหล่านั้นปัจจุบันมีหนังสือที่เขียนถึงท่านอิมามมากมายเกินกว่า ๑,๐๐๐ เล่ม ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าหนังสือและบทความต่าง ๆ ที่เขียนถึงอิมามเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของความรู้เกี่ยวกับตัวแทนองค์สุดท้ายของพระผู้เป็นเจ้า เนื่องจากแนวความคิดต่าง ๆ เกี่ยวกับการมีอยู่ของท่านไม่ได้แตกต่างไปจากการมีอยู่ของท่านอิมามอะลี (อ.) ดังฮะดีษของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวว่า

 

“โอ้อะลีเอ๋ย ไม่มีผู้ใดรู้จักอัลลอฮฺ นอกจากฉันและเจ้า ไม่มีผู้ใดรู้จักฉันนอกจากอัลลอฮฺและเจ้า และไม่มีผู้ใดรู้จักเจ้านอกจากอัลลอฮฺ (ซบ.) และเราะซูลของพระองค์”

 

นอกจากนี้แล้ว เป็นเพราะว่าความพิเศษของช่วงการเร้นกายที่ไม่มีผู้ใดสามารถมั่นใจได้ว่าทุกคำสั่งของท่านอิมามได้มาถึงพวกเขา

 

ดังสิ่งเดียวที่สามารถทำให้เรารู้จักอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) ได้ดีที่สุดคืออัล-กุรอานและริวายะฮฺดังที่กล่าวไปแล้ว เช่น  ที่กล่าวว่า

 

«قلت لسعيد بن المسيّب: المهديّ حقّ؟

قال: حقّ. قلت: ممّن؟ قال: من كنانة.قلت: ثمّ ممّن؟ قال: من قريش. قلت: ثمّ ممّن؟ قال: من بني هاشم. قلت: ثمّ ممّن؟ قال: من ولد فاطمة(عليها السلام)»

 

ฉันถามซะอีด บิน มุซัยยับ ว่า : มะฮฺดียฺเป็นเรื่องจริงหรือ? เขากล่าวว่า แน่นอนเป็นเรื่องจริง

ฉันถามว่า : แล้วมะฮฺดียฺมาจากเผ่าไหน?

เขากล่าวว่า : มาจากเผ่ากะนานะฮฺ ฉันถามต่อว่า มาจากตระกูลใด?

เขากล่าวว่า :   มาจากกุเรช ฉันถามว่า จากผู้ใด?

เขากล่าวว่า :  มาจากสายตระกูลของบนีฮาชิม ฉันถามว่า เป็นลูกของใคร?

เขากล่าวว่า :  เป็นบุตรของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (อ.)

 

จุดประสงค์ของคำว่า กะนานะฮฺ หมายถึง กะนานะฮฺ บิน คุซัยมะฮฺ บิน มุดเราะกะฮฺ บิน อิลยาซ บิน มุฎิร บิน นิซาร บิน มะอฺดิ บิน อัดนาน ปู่ทวดของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ)

 

ณ ที่นี้จะนำเสนอริวายะฮฺทั้งฝ่ายชีอะฮฺและซุนนียฺที่กล่าวถึงอิมามมะฮฺดียฺเอาไว้เพื่อกการรู้จักอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) ให้มากยิ่งขึ้น เช่น

 

 

อิมามมะฮฺดียฺในริวายะฮฺชีอะฮฺ

 

ตำราอันทรงคุณค่าหลายเล่มของชีอะฮฺ เช่น อุซูลกาฟียฺ อัลฆัยบะฮฺ อัลนุอฺมานียฺ และเล่มอื่น ๆ อีกมากมายได้บันทึกฮะดีซเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) เอาไว้ ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญเป็นพิเศษเกี่ยวกับท่านอิมาม

 

บางครั้งอาจจะเห็นว่าริวายะฮฺบางบทได้กล่าวอย่างห้วน ๆ เนื่องจากว่าเงื่อนไขของสังคมและขอบข่ายที่จำกัดทำให้นักปราชญ์ไม่อนุญาตให้กล่าวสิ่งใดมากไปกว่านั้น เพราะอาจเป็นสาเหตุำทำให้ภาพพจน์ของสังคมในยุคนั้นต้องรำส่ำระสายไปมากยิ่งขึ้น

 

ณ ที่นี้จะนำเสนอริวายะฮฺต่าง ๆ จากบรรดามะอฺซูม (อ.) ที่ได้กล่าวเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) เอาไว้เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจ ความใกล้ชิด และเป็นการทำความรู้จักกับท่านอิมามให้มากยิ่งขึ้น เช่น

๑. ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวถึงอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) 

 

قال رسول اللّه صلّى اللّه عليه وآله: المهدي  ـ عليه السلام ـ من ولدي اسمه اسمي وكنيته كنيتي أشبه النّاس بي خلقاً وخلقاً تكون له غيبة وحيرة تضل فيه الأُمم ثمّ يقبل كالشهاب الثاقب فيملأها عدلاً وقسطاً كما ملئت ظلماً وجورا

 

“มะฮฺดียฺ (อ.) เป็นบุตรของฉันชื่อของเขาคือชื่อของฉัน ฉายานามของเขาคือฉายานามของฉัน กิริยามารยาทและการสร้างของเขาคล้ายฉันมากกว่าประชาชาติทั้งหมด เขาจะเร้นกายหายไปซึ่งประชาชาติในยุคนั้นจะหลงทาง หลังจากนั้นจะปรากฏกายออกมาอีกครั้งเหมือนดาวเสาร์ที่สุกสดใส และจะทำให้โลกเปี่ยมล้นไปด้วยความยุติธรรมดั่งที่โลกเคยเปี่ยมล้นด้วยความอธรรมมาแล้ว” [ ๑]

 

و عن أبي عبد اللّه عليه السلام قال: قال رسول اللّه صلّى اللّه عليه وآله: طوبى لمن أدرك قائم أهل بيتي وهو مقتد به قبل قيامه يأتمّ به وبأئمة الهدى من قبله ويبرئ الى اللّه من عدوّهم أُولئك رفقايي وأكرم أُمّتي عليّ

 

ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวว่า

“โชคดีสำหรับคนที่รู้จักกออิมแห่งอะฮฺลุลบัยตฺของฉัน และได้ปฏิบัติตามก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนหยัด เชื่อฟังปฏิบัติตามเขาและอะอิมมะฮฺผู้ชี้นำทางท่านอื่นก่อนเขา และมุ่งขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้พ้นจากบรรดาศัตรูของเขา เหล่านั้นคือมวลมิตรของฉัน และเป็นประชาชาติที่มีเกียรติที่สุดสำหรับฉัน” [ ๒]


๒. ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวถึงอิมามมะฮฺดียฺ (อ.)

 

ท่านอิมามอะลี (อ.) ขณะที่กล่าวสรรเสริญอัลลอฮฺ (ซบ.) และท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ท่านได้กล่าวว่า

 

فنحن أنوار السموات والأرض وسفن النجاة وفينا مكنون العلم وإلينا مصير الأُمور وبمهدّينا تقطع الحجج فهو خاتم الأئمة ومنقذ الأُمّة ومنتهى النور وغامض السرّ، فليهنأ من استمسك بعروتنا وحشر على محبّتنا

 

“พวกเราคือ รัศมีแห่งฟากฟ้าและแผ่นดินเป็นเรือที่ให้ความช่วยเหลือ วิชาการและความรู้ถูกบันทึกอยู่ ณ พวกเรา ยังพวกเราคือเป้าหมายของทุกภารกิจการงาน และมะฮฺดียฺของเราคือข้อพิสูจน์สุดท้าย เขาคืออิมามมะอฺซูมคนสุดท้ายที่จะทำการช่วยเหลือประชาชาติทั้งหลาย เขาคือนูรสุดท้ายแห่งสาร (ของพระผู้เป็นเจ้า) และเป็นความเร้นลับที่ถูกปิดบัง ขอแสดงความยินดีต่อบุคคลที่ยึดมั่นอยู่กับสายเชือกของพวกเรา และได้ร่วมอยู่บนความรักที่มี่ต่อพวกเรา” [ ๓]

อิมามญะวาด (อ.) กล่าวว่า ท่านอิมามอะลี (อ.)

 

  للقائم منّا غيبة أمدها طويل كأنّي بالشيعة يجولون جولان النعم في غيبته. يطلبون المرعى فلا يجدونه ألا فمن ثبت منهم على دينه ولم يقس قلبه لطول أمد إمامه فهو معي في درجتي يوم القيامة

 

“สำหรับกออิมของเราจะมีการเร้นกายที่ยาวนาน ฉันเป็นห่วงชีอะฮฺของฉันในช่วงการเร้นกายว่าจะระหกระเหินเสมือนฝูงแกะที่ไม่มีจ่าฝูงที่คอยตามหาทุ่งหญ้าแต่ไม่พบ พึงสังวรไว้เถิดว่าบุคคลใดก็ตามที่สร้างความมั่นคงให้ศาสนาของเขา และหัวใจของเขาไม่แข็งกระด้างเนื่องจากการเร้นกายที่ยาวนานของอิมามของเขา ดังนั้น เขาคือพวกของฉัน และในวันกิยามัตเขาจะยืนอยู่ตำแหน่งเดียวกับฉัน” [ ๔]

๓. ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (อ.)

 

عن جابر بن عبداللّه الانصارى قال دخلت على فاطمة ـ عليها السلام ـ وبين يديها لوح فيه أسماء الأوصياء من ولدها فعددت أثنى عشر آخرهم القائم ـ عليه السلام ـ ثلاثة منهم محمد وثلاثة منهم عليّ

 

ญาบิร บิน อับดุลลอฮฺ อันศอรียฺ กล่าวว่า “ฉันได้เข้าไปหาท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (อ.) และฉันได้เห็นแผ่นบันทึกในมือของท่าน ซึ่งบันทึกรายนามของบรรดาตัวแทนของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ทั้งหมดเป็นบุตรหลานของท่านหญิง ฉันได้นับนามเหล่านั้นมีทั้ง สิ้น ๑๒ ท่าน ท่านสุดท้ายคือ อัลกออิม (อ.) สามท่านมีนามว่ามุฮัมมัด และอีกสามท่านมีนามว่าอะลี” [ ๕]

๔. อิมามฮะซัน มุจญฺตะบา (อ.)

 

قال : امام حسن مجبتى ـ عليه السلام : أما علمتم انّه ما منّا أحد الا ويقع في عنقه بيعة لطاغية زمانه إلاّ القائم الذي يصلّى روح اللّه عيسى بن مريم خلفه، فإنّ اللّه عزّ وجلّ يخفى ولادته ويغيب شخصه لئلاّ يكون لأحد في عنقه بيعة إذا خرج ذاك التاسع من ولد أخي الحسين ابن سيّدة الاماء يطيل اللّه عمره في غيبته، ثمّ يظهره بقدرته في صورة شابٍّ ابن دون أربعين سنة، ذلك ليعلم انّ اللّه على كل شيء قدير

 

“โอ้ประชาชน พวกท่านไม่ทราบหรือว่าพวกเราครอบครัวของท่านศาสดาทุกคนต้องทนให้สัตยาบันกับผู้ปกครองที่อธรรมในยุคของตน ยกเว้นกออิม (อ.) ซึ่งศาสดาอีซา บุตรของมัรยัม (อ.) จะนมาซตามหลังเขา อัลลอฮฺ ผู้ทรงเกรียงไกรทรงปิดบังการประสูติของเขา และทรงเร้นกายของเขา ซึ่งจะปรากฏกายมาอีกครั้งหนึ่งโดยที่ผู้ให้สัตยาบัน จนกระทั่งบุตรคนที่เก้าของฮุซัยนฺน้องชายของฉัน ซึ่งเป็นบุตรชายของสตรีที่อยู่ในครอบครอง อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงทำให้เขามีอายุยืนยาวในช่วงของการเร้นกาย และจะปรากฏกายออกมาโดยอำนาจของพระองค์โดยที่มีใบหน้าอ่อนกว่าคนอายุ ๔๐ ปี และจงรู้ไว้ว่า อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง” [ ๖]

๕. อิมามฮุซัยนฺ (อ.)

 

قال : سيدالشهداء ـ عليه السلام  :

1ـ لو لم يبق من الدنيا إلاّ يوم واحد لطوّل اللّه عزّ وجلّ ذلك اليوم حتّى يخرج رجل من ولدى يملأها عدلاً وقسطاً كما ملئت جوراً وظلمًا، كذلك سمعت رسول اللّه صلى اللّه عليه وآله يقول

 

“มาตรว่าอายุขัยของโลกจะเหลือแค่วันเดียว อัลลอฮฺจะทรงทำให้วันนั้นยาวนานออกไป จนกระทั่งชายหนุ่มจากครอบครัวของฉันได้ปรากฏกายออกมา และจะทำให้โลกนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความยุติธรรม ดั่งที่โลกเคยเปี่ยมล้นด้วยความอธรรมมาแล้ว ดังที่ฉันได้ยินท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวเป็นประจำ” [ ๗]

 

ـ لو قام المهدي لأنكره الناس، لأنّه يرجع إليهم شابّاً وهم يحسبونه شيخاً كبيراً

 

“ถ้าหากมะฮฺดียฺได้ลุกขึ้นยืนหยัด จะมีประชาชนปฏิเสธและไม่รู้จัก เนื่องจากท่านได้กลับมาในสภาพของชายหนุ่ม ขณะที่พวกเขาคิดว่า ท่านคือชายชราที่สูงอายุ” [ ๘]

๖. อิมามซัจญาด (อ.)

 

ภายหลังจากชะฮาดัตของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ขณะที่กองคาราวานถูกต้อนไปสู่เมืองชาม ประเทศซูเรียปัจจุบัน ซึ่งวันนั้นตรงกับวันศุกร์พอดี นักปราศรัยของยะซีดได้ขึ้นกล่าวคำเทศนาที่น่าขยะแขยง อิมามซัจญาด (อ.) ได้ลุกขึ้นยืนโต้ตอบกับเขาทันที่ หลังจากนั้นท่านได้กล่าวว่า

 

ـ   أيّها الناس! أعطينا ستّاً وفضّلنا بسبع، أعطينا العلم والحلم والسماحة والفصاحة والشجاعة والمحبّة في قلوب المؤمنين وفضّلنا بأنّ منّا النبيّ المختار ومنّا الصدّيق ومنّا الطيّار ومنّا أسد اللّه وأسد رسوله ومنّا سبطي هذه الأُمّة ومنّا مهديُّ هذه الأُمّة . . . القائم منّا تخفى ولادته على النّاس حتّى يقولوا: لم يولد بعد، ليخرج حين يخرج وليس لأحد في عنقه بيعة (16) .

 

“โอ้ประชาชนเอ๋ย อัลลอฮฺ (ซบ.) ได้ประทานคุณสมบัติ หกประการให้กับพวกเรา  และให้พวกเรามีความประเสริฐ เจ็ดประการเหนือกว่าบุคคลอื่น อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงประทานวิชาการความรู้ ความอดทนพิเศษ ความโอบอ้อมอารี วาทศิลป์ในการพูด ความกล้าหาญให้กับพวกเรา และให้ความรักที่มีต่อพวกเราบรรจุอยู่ในจิตใจของผู้ศรัทธาทุกคน และให้พวกเรามีความประเสริฐ ๗ ประการเหนือกว่าบุคคลอื่นได้แก่

-           ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ผู้ได้รับการเลือกสรรจากอัลลอฮฺ (ซบ.) มาจากพวกเรา

-           ในหมู่พวกเรามีบุคคลที่มีความสัจจะที่สุดในหมู่ประชาชาติได้แก่ อะลีอมีรุลมุอฺมินีน (อ.)

 

-           ในหมู่พวกเรามี ผู้ได้รับเกียรติอันสูงส่งจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ได้แก่ ญะอฺฟัรฏอยยาร

-           ในหมู่พวกเรามีราชสีห์แห่งอัลลอฮฺ (ซบ.) และเราะซูลของพระองค์ได้แก่ ชะฮีดฮัมซะฮฺ

-           ในหมู่พวกเรามีไข่มุกอันล้ำค่าสำหรับประชาชาติได้แก่ ฮะซันและฮุซัยนฺ

-           ในหมู่พวกเรามีมะฮฺดียฺ เป็นอิมามท่านสุดท้ายสำหรับประชาชาตินี้

ท่านอิมาม (อ.) กล่าวต่ออีกว่า กออิมมาจากพวกเราการประสูติของเขาไม่เป็นที่เปิดเผยสำหรับประชาชน จนกระทั่งประชาชนกล่าวว่า เขายังไม่ได้กำเินิดขึ้นมาจนกระทั่งเขาได้ปรากฏกายออกมาโดยไม่มีผู้ให้สัตยาบันก่อนมาก่อน” [ ๙]



แหล่งอ้างอิง


[ ๑] บิฮารุลอันวาร เล่ม ๕๑ หน้า ๗๒, กะมาลุดดีน เล่ม ๑ หน้า ๒๘๖

[ ๒] ๗๒, กะมาลุดดีน  หน้า ๒๘๗

[ ๓] บิฮารุลอันวาร เล่ม ๗๔ หน้า ๓๐๐

[ ๔] กะมาลุดดีน หน้า ๓๐๓

[ ๕] อัลกาฟียฺ เล่ม ๑ หน้า ๕๒๒ บาบ มาญาอะ ฟีล อิซนาอะชะเราะ

[ ๖]  กะมาลุดดีน หน้า ๓๑๖

[ ๗]  บิฮารุลอันวาร เล่ม ๕๑ หน้า ๑๓๓

[ ๘] มุอฺญิมุล อะฮาดีซ อิมามมะฮฺดียฺ ( อ .) เล่ม ๓ หน้า ๓๕๔

[๙]กะมาลุดดีน เล่ม ๑ หน้า ๓๒๔


ที่มา เว็บไซต์อิมามอัลมะฮ์ดีย์

www.imamalmahdi.com

แสดงความเห็น