อาลิ คาลีฟะฮ์ ยังเดินหน้าให้การสนับสนุนการทำลายมัสยิดในบะห์เรน


 

สำนักข่าวทีวีชีอะฮ์  สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจาก abnewstoday รายงานว่า

“องค์กรสิทธิมนุษยชนของบะห์เรน” ได้กล่าวว่า : รัฐบาลคาลีฟะฮ์จะรับผิดชอบและไม่เห็นด้วยกับปัญหาการทำลายมัสยิดในประเทศนี้ แต่รายงานข่าวของอัลอะลัม ได้อ้างอิงเว็ปไซต์ กระจกของบะห์เรน

  “เชคมัยซัม ซัลมาน” ได้เข้าร่วมประชุมหารือกับองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และได้ชี้ถึงความล้มเหลวในระบบการปกครองของคาลีฟะฮ์เกี่ยวกับเสรีภาพในการนับถือศาสนาของประชาชนในประเทศบะห์เรน,อีกทั้งการกระทำต่างๆที่ผิดกฏหมาย,การใช้ความรุนแรงตามอำเภอใจ,การทรมานนักโทษและวิจารณ์เกี่ยวกับการกระทำที่รุนแรงกับพวกเขาด้วยสาเหตุเพียงแค่ต้องการคำสารภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกบันทึกในรายงานที่ถูกต้องตามกฏหมายของปี2013

 

ปัญหาเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพทางศาสนา องค์กรสิทธิมนุษยชนในบะห์เรนยังกล่าวอีกว่า :  ผู้คุมนักโทษส่วนใหญ่คือผู้ฝักใฝ่รัฐบาลคาลีฟะฮ์ แม้กระทั่งการละหมาดพวกเขาก็ห้ามไม่ให้กระทำ ซึ่งสิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นการดูถูกและหมิ่นศาสนาของผู้อื่น  ตามคำพูดของเชคซัลมาน ,ยังมีรายงานอื่นๆอีกที่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลบะห์เรนใช้แก๊สน้ำตาตามอำเภอใจ และในบางพื้นที่ยังจำกัดขอบเขตในการใช้เส้นทางจราจร และการใช้คำพูดที่ดูถูกในสถานีตำรวจและที่อื่นๆมีปรากฏอย่างกลาดเกลื่อน

 

พวกเขายังได้เตือนอีกว่า :  ในปี  2011 ได้มีการสร้างมัสยิดขึ้นมา 38 แห่งโดยผิดกฎหมาย แต่ในที่สุดรัฐบาลคาลีฟะฮ์ในบะห์เรนก็ได้รื้อถอนและทำลายทิ้งทั้งหมด และจนถึงปัจจุบันคนที่ดำเนินการเรื่องนี้ก็ยังไม่ถูกดำเนินการทางกฎหมายจากคาลีฟะฮ์

 

การกระทำทางการเมืองของคอลีฟะฮ์นี้ ชาวบะห์เรน กล่าวว่า : รัฐบาลคาลีฟะฮ์ในด้านหนึ่งพยายามจะสร้างภาพถึงการให้ความสนใจกับเรื่องราวการทำลายมัสยิด แต่อีกด้านหนึ่ง ก็โกหกว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว ทั้งที่มันเป็นที่ยืนยันแล้วว่าเป็นการกระทำของพวกเขา

 

เชคซัลมาน ได้ปิดท้ายไว้ว่า,เขาเชื่อว่าเป้าหมายของการจำกัดขอบเขตในด้านต่างๆโดยเฉพาะกิจกรรมทางศาสนานั้น เกิดจากความแค้นของรัฐบาลคาลีฟะฮ์ที่มีต่อองค์กรอุลามาฮ์บะห์เรน ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดขององค์กรวัฒนธรรมและศาสนาแห่งอะฮ์ลุลบัยต์

แสดงความเห็น