ฟะดักจากสายรายงานของซุนนีและชีอะฮ์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงกรุณาปราณียิ่งเสมอ

ฟะดักจากสายรายงานของซุนนีและชีอะฮ์

1.

พวกเขายึดสวนฟะดักไปจากท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ เพื่อที่ว่าอิมามอะลีจะได้ไม่ใช้เป็นหลักฐานทวงคืนตำแหน่งคอลีฟะฮ์

(ชะเราะฮ์ นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ อิบนุ อะบี อัลหะดีด เล่ม 16 หน้า 236)

2.

ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ขัดแย้งกับอะบูบักรในสิ่งสามอย่าง

 (ชะเราะฮ์ นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ อิบนุ อะบี อัลหะดีด เล่ม16 หน้า 230 )

3.

สวนฟะดักได้มาโดยปราศจากสงครามและอยู่ในการปกครองของมุสลิม

(ฟุตูฮ์อัลบุลดาน หน้า38)

4.

ฟะดักคือ ทรัพย์สินที่มีค่า

(มุอ์ญัมอัลบุลดาน เล่ม 4 หน้า 238)

5.

สิ่งที่ยึดมาจากต่างศาสนิกชน (ยะฮูดีย์) โดยปราศจากการหลั่งเลือดนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์

(ซูเราะฮ์อัลฮัชร์ โองการที่ 6)

6. 

สิ่งที่ยึดมาจากชาวยะฮูด โดยมิได้ทำสงครามเป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะกับ

ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์

 (ซีเราะฮ์ อิบนุ ฮิชาม เล่ม 3 หน้า 301)

7.

โองการอัลกุรอาน จงให้สิทธิ์แก่ญาติผู้ใกล้ชิด

(ซูเราะฮ์อัลอิสรออ์ โองการที่ 26)

8.

ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ได้มอบสวนฟะดักให้กับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์

ด้วยพระบัญชาของอัลลอฮ์ (ซ.บ

(อัดดุรรุลมันซูร เล่ม 4 หน้า 177 )

9.

คอลีฟะฮ์คนที่สองได้ใช้จ่ายจากสวนฟะดัก

(มัจญ์มะอุซซะวาอิด เล่ม 9 หน้า 40 )

10.

อะบูบักร์ได้ยึดเอาสวนฟะดักจากท่านหญิงฟาฏิมะฮ์

(ศอวาอิกุลมุฮ์ริเกาะฮ์ หน้า 52 และ31 )

11.

บทกวีจากท่านซัยยิดฮุมัยรอ เกี่ยวกับฟะดัก

 (ชะเราะฮ์นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ อิบนุ อะบีอัลหะดีด เล่ม 16 หน้า 232 )

12.

ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์พยายามทวงคืนสวนฟะดัก

 (ศอเฮียะฮ์มุสลิม เล่ม 5 หน้าที่ 153 และศอเฮียะบุคอรี เล่ม 5 หน้า 82 )

13.

อบูบักรคือ ผู้ที่สั่งห้ามคืนฟะดักให้กับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์

(ฟุตุฮ์อัลบุลดาน หน้า 238 )

14.

ท่านหญิงอุมมุอัยมันคือ พยานที่ยืนยันว่า สวนฟะดักเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์

 (ชะเราะฮ์นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ อิบนุอะบีหะดีด เล่ม16 หน้า 214 )

15.

ท่านหญิงอุมมุอัยมัน ,ทาสรับใช้ของท่านศาสดามุฮัมมัด และท่านอิมามอะลี คือ พยานที่ยืนยันว่า ฟะดักเป็นของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์

(ฟุตุฮ์อัลบัลดาน เล่ม 1 หน้าที่ 44 )

16.

เคาะลีฟะฮ์คนแรกปฏิเสธการเป็นพยานของท่านอิมามอะลี ,ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อีกทั้งอุมมุอัยมัน

 (ฟุตุฮ์อัลบุลดาน เล่ม 1 หน้า 44)

17.

การเป็นสักขีพยานของท่านอิมามอะลี คือ สัจธรรม เพราะว่า

อะลีอยู่กับสัจธรรมและสัจธรรมอยู่กับอะลี

 (อัตตอบะกอต อัลกุบรอ เล่ม 8 หน้า 224 )

18.

 ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ คือ ผู้ที่บริสุทธิ์ปราศจากมลทิน ดังนั้นนางไม่เคยพูดโกหกเลย ตลอดชีวิตของนาง

( ซูเราะฮ์อัลอะฮ์ซาบ โองการที่ 33 )

19.

อบูบักร์ได้ปฏิเสธว่า สวนฟะดักคือ ทรัพย์ของท่านศาสดามุฮัมมัด

 (อัสสะกีฟะฮ์ อัลเญาฮะรีย์ หน้า 102)

20.

คุตบะฮ์ฟะดะกียะฮ์ (บทเทศนาธรรมเกี่ยวกับสวนฟะดัก

(ชะเราะฮ์นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ อิบนุ อบิลหะดีด)

21.

คำกล่าวเพียงคำเดียวที่อบูบักร์ได้ยินคนเดียวจากท่านรอซูลได้กล่าวว่า เราคือวงศ์วานของศาสดา และเรามิได้มีมรดก

(ศอเฮียะฮ์อัลบุคอรี เล่ม 5 หน้า 82)

22 

ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ยกหลักฐานในการปฏิเสธคำกล่าวอ้างของอบูบักร

 (ซีเราะฮ์ อัลฮะละบียะฮ์ เล่ม 3 หน้า 488)

23.

ฮะดีษมรดกขัดแย้งกับโองการอัลกุรอาน ซูเราะฮ์อัลนัมล์ โองการที่ 16 และ บทมัรยัม โองการที่6

24.

ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์เรียกร้องทวงคืนสวนฟะดัก

(ซีเราะฮ์ อัลฮะละบียะฮ์ เล่ม 3 หน้า 488 )

25.

เคาะลีฟะฮ์คนที่สองเป็นผู้ฉีกหลักฐานที่ยืนยันว่า ฟะดักคือ ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์

 (ซีเราะฮ์ อัลฮะละบียะฮ์ เล่ม 3 หน้า 488 )

26.

ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์กล่าวว่า สวนฟะดักคือ ของขวัญหรือบางครั้งกล่าวว่า เป็นมรดกของนาง

 (ชะเราะฮ์ นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ อิบนุ อะบีลหะดีด เล่ม16 หน้า 232 )

27.

 ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์เรียกร้องความยุติธรรมจากชาวมุฮาญิรีน และอันศอร

 (นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ อิบนุ อะบีลหะดีด เล่ม16 หน้า 211 )

28.

ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ได้กล่าวสาปแช่งทุกครั้งหลังนมาซ

(อัลอิมามะฮ์ วัลซิยาซะฮ์ เล่ม 1 หน้า 14 )

29.

 ท่านหญิงได้สั่งเสียให้ฝังนางให้ยามกลางคืนและอย่าให้ผู้ใดจากพวกนั้นร่วมนมาซ

30.

สวนฟะดักได้มอบคืนในสมัยของอุมัร บิน อับดุลอะซีซ

(วะฟาอ์อัลวะฟา เล่ม 3 หน้า 999 )

 

 

 

แสดงความเห็น