๔๐ หะดีษจากท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ตอนที่ ๓
๔๐ หะดีษจากท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ตอนที่ ๓
๒๘. มิตรย่อมอยู่กับมิตร
أَلـْمَرْءُ مَـعَ مَـنْ أَحَـبَّ
ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า (ในวันกิยามะฮฺ) มนุษย์นั้นจะอยู่รวมกับคนที่ตนรัก
๒๙. มิตรของอหฺลุลบัยตฺ (อ.)
مَنْ سَرَّهُ أَنْ يَحْيى حَياتي وَ يَمُوتَ مَماتي وَ يَسْكُنَ جَنَّةَ عَدْن غَرَسَها رَبّي فَلْيُوالِ عَلِيًّا مِنْ بَعْدي وَلْيُوالِ وَلِيَّهُ وَلْيَقْتَدِ بِالاَْئِمَّةِ مِنْبَعْدي فَإِنَّهُمْ عِتْرَتي وَ خُلِقُوا مِنْ طينَتي رُزِقُوا فَهْمًا وَ عِلْمًا وَوَيْلٌ لِلْمُكَذِّبينَ بِفَضْلِهِمْ مِنْ أُمـَّتي الـْقاطِعينَ فيهمْ صِلَتي لا أَنـَا لَهُمُ اللّهُ شَفاعَتي
ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า บุคคลใดปรารถนาจะมีชีวิตเยี่ยงชีวิตของฉัน ตายเยี่ยงอย่างความตายของฉัน และได้พำนักอยู่ในสรวงสวรรค์ที่พระผู้อภิบาลของฉันได้เนรมิตขึ้นมา ดังนั้นหลังจากฉันเขาต้องรักอะลีและมิตรของอะลี และต้องเชื่อฟังปฏิบัติตามผู้นำภายหลังจากฉัน ซึ่งพวกเขาเป็นทายาท (อิตระตี) ของฉัน พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาจากดินของฉัน เป็นผู้รับมรดกทางวิชาการความรู้ของฉัน และความหายนะได้ประสบแก่ประชาชาติของฉันที่ปฏิเสธความประเสริฐของพวกเขา และได้ตัดความสัมพันธ์ของพวกเขากับฉัน อัลลอฮฺไม่ทรงให้ชะฟาอะฮฺของฉันตกไปถึงพวกเขาอย่างแน่นอน.
๓๐. วิลายะฮฺของอะลี (อ.) เป็นเงื่อนไขในการตอบรับการกระทำ
فَوَ الَّذي بَعَثَني بِالْحَقِّ نَبِيًّا لَوْ جاءَ أَحـَدُكُمْ يَوْمَ الْقِيمَةِ بِأَعْمال كَأَمـْثالِ الْجِبالِ وَ لَمْ يَجىءَ بِوِلايَةِ عَلِىِّ بْنِ أَبيطالب لاََكَبَّهُ اللّهُ عَزَّوَجَلَّ فِي النّارِ
ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ฉันขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงแต่งตั้งฉันมาด้วยความสัจจริงว่า วันกิยามะฮฺถ้ามีใครสักคนในหมู่พวกเจ้าได้มาพร้อมกับการกระทำของเขาที่ยิ่งใหญ่ดุจดังภูเขา แต่ถ้าการกระทำนั้นปราศจากวิลายะฮฺ และการยอมรับการเป็นผู้นำของอะลี อัลลอฮฺจะโยนมันลงไปในไฟนรก.
๓๑. รางวัลที่เจ็บป่วย
إِذا مَرِضَ الْمُسْلِمُ كَتَبَ اللّهُ لَهُ كَأَحْسَنِ ما كانَ يَعْمَلُ فى صِحَّتِهِ وَ تَساقَطَتْ ذُنُوبُهُ كَما يَتَساقَطُ وَرَقُ الشَّجَرِ
ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า เมื่อมุสลิมได้ล้มป่วยลง อัลลอฮฺ จะบันทึกคุณงามความดีที่เขาได้ทำในช่วงที่มีสุขภาพแข็งแรงลงในบัญชีของการกระทำ และความผิดบาปของเขาจะล่วงหล่นเหมือนกับใบไม้ที่ล่วงจากต้น.
๓๒.หน้าที่ของมุสลิม
مَنْ أَصْبَحَ لايَهْتَمُّ بِأمُوُرِالْمُسْلِمينَ فَلَيْسَ مِنْهُمْ وَ مَنْ سَمِعَ رَجُلاً يُنادي يالَلْمُسْلِمينَ فَلَمْ يُجِبْهُ فَلَيْسَ بِمُسْلِم
ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า บุคคลใดตื่นขึ้นมาในยามเช้าโดยไม่ได้ใส่ใจต่อภารกิจของพี่น้องมุสลิม ถือว่าเขาไม่ใช่มุสลิม และบุคคลใดได้ยินเสียงเรียกว่าโอ้พี่น้องมุสลิมเอ๋ยได้ยินเสียงฉันไหม เขาไม่ตอบและไม่สนใจ ถือว่าเขาไม่ใช่มุสลิม.
๓๓. การร่วมมือของคนอิหร่านกับอหฺลุลบัยตฺ
قالَتِ الرُّسُلُ مِنَ الْفُرْسِ لِرَسُولِ اللّهِ(صلى الله عليه وآله وسلم) إِلى مَنْ نَحْنُ يا رَسُولَ اللّهِ؟ قالَ أَنـْتُمْ مِنّا وَ إِلَيْنا أَهْلَ الْبَيـْتِ
قال ابن هشام: فَبَلَغَنى عَنِ الزُّهْرِىِّ إِنّه قالَ: فَمِنْ ثَمَّ قالَ رَسُولُ اللّهِ: سَلْمانُ مِنّا أَهـْلَ الْبَيْتِ.
ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ผู้ถือสาส์นของกษัตริย์แห่งเยเมน ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของอิหร่าน (เชื้อสายเดิมเป็นคนอิหร่าน) ได้ไปหาท่านศาสดา (ศ็อลฯ) และพูดว่า โอ้ท่านศาสดา ในที่สุดแล้วพวกเราชาวเปอร์เซียจะได้อยู่รวมกับใครหรือ ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ตอบว่าพวกท่านมาจากพวกเรา และจะได้อยู่กับพวกเราอหฺลุลบัยตฺ.
อิบนิฮิชาม ได้เล่าจากคำพูดของซุฮฺรีย์ว่า จากตรงนี้เองท่านศาสดาได้กล่าวกับท่านซัลมานว่า ซัลมานมาจากพวกเราอหฺลุลบัยตฺ.
๓๔. ความอกตัญญูที่ยิ่งใหญ่
مَنْ تَقَدَّمَ عَلَى الْمُسْلِمينَ وَ هُوَ يَرى أَنَّ فيهِمْ مَنْ هُوَ أَفـْضَلُ مِنْهُ فَقَدْ خانَ اللّهَ وَ رَسُولَهُ وَ الْمُسْلِمينَ
ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า บุคคลใดได้ล่วงหน้าไปก่อนบรรดามุสลิม โดยรู้ว่าในหมู่พวกเขามีคนที่ดีและประเสริฐกว่าตนถือว่าเขาได้หักหลังอัลลอฮฺ ศาสดาและบรรดามุสลิมทั้งหลาย.
๓๕. คุณค่าของการชี้นำ
لأََنْ يَهْدِىَ اللّهُ بِكَ رَجُلاً واحِدًا خَيْرٌ لَكَ مِمّا طَلَعَتْ عَلَيْهِ الشَّمْسُ
ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ได้กล่าวกับท่านอิมามอะลี (อ.) ว่า เมื่ออัลลอฮฺได้ทรงชี้นำใครสักคนโดยผ่านเจ้า นั้นย่อมเป็นการดีกว่าการปกครองของเจ้า ที่มีต่อสรรพสิ่งทั้งหลายที่แสงแดดได้ฉายส่องไปบนมัน.
๓๖. ประชาชนในยุคสุดท้าย
يَـأْتى عَلَىالنّاسِ زَمانٌ تَخْبُثُ فيهِ سَرائِرُهُمْ وَ تَحْسُنُ فيهِ عَلانِيَتُهُمْ طَمَعًا فِى الدُّنْيا، لا يُريدُونَ بِهِ ما عِنْدَ رَبِّهِمْ، يَكُونُ دينُهُمْ رِياءً لا يُخالِطُهُمْ خَوْفٌ، يَعُمُّهُمُ اللّهُ بِعِقاب فَيَدْعُونَهُ دُعاءَ الْغَريقِ فَلا يَسْتَجيبُ لَهُمْ
ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า จะมีช่วงเวลาหนึ่งมาถึงประชาชาติ ซึ่งพวกเขามีความลุ่มหลงต่อโลก จิตด้านในของเขามีความสกปรก แต่ภายนอกของเขาดูสวยงาม พวกเขาไม่มีความรักปรารถนาต่อสิ่งที่อยู่ ณ พระผู้อภิบาลของพวกเขา ศาสนาของพวกเขาคือความโอ้อวด จิตใจของพวกเขาไม่มีความเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ อัลลอฮฺจักทรงลงโทษอันแสนสาหัสแก่พวกเขา ดุจดังเช่นคนที่กำลังจะจมน้ำได้ขอวิงวอน แต่คำวิงวอนของเขาไม่ถูกตอบรับ.
๓๗. ศ่อฮาบะฮฺที่พูดจริงที่สุด
ما أَظَلَّتِ الْخَضْراءُ وَ لا أَقَلَّتِ الْغَبْراءُ مِنْ ذى لَهْجَة أَصـْدَقُ مِنْ أَبـىذَرٍّ
ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า สุดขอบฟ้าสีคราม ที่ปกคลุมอยู่เหนือพื้นดินอันกว้างไพศาลนี้ เจ้าจะไม่พบใครที่พูดจริงไปกว่าอบีซัรฺ.
๓๘. จงถามผู้รู้และจงนั่งร่วมกับคนยากจน
سائِلُوا الْعُلَماءَ وَ خاطِبُوا الْحُكَماءَ وَ جالِسُوا الْفُقَراءَ
ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า จงถามผู้รู้ จงสนทนากับผู้ที่มีความฉลาดปราดเปรื่อง และจงนั่งร่วมกับคนยากจน.
๓๙. การจูบมือ
هذا تَفْعَلُهُ الأَعاجِمُ بِمُلُوكِها وَ لَسْتُ بِمَلِك إِنَّما أَنـَا رَجُلٌ مِنْكُمْ
ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า มีชายอาหรับคนหนึ่งต้องการจูบมือท่านศาสดา ท่านศาสดาได้ดึงมือออกและกล่าวว่า การกระทำเช่นนี้เป็นของพวกอาหรับที่ได้กระทำกับกษัตริย์ของพวกเขา ฉันไม่ใช่กษัตริย์ ฉันเป็นบุถุชนที่มาจากพวกท่าน.
๔๐. คนเมตตากับคนเมตตา
ما آمَنَ بى مَنْ باتَ شَبْعانَ وَ جارُهُ جائِعٌ، وَ ما مِنْ أَهـْلِ قَرْيَة يَبيتُ وَ فيهِمْ جائِعٌ لا يَنْظُرُ اللّهُ إِلَيْهِمْ يَوْمَ الْقِيمَةِ
ศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)ได้กล่าว่า ถือว่าไม่ได้มีศรัทธาต่อฉันผู้ที่ได้นอนหลับด้วยกับความอิ่มหนำสำราญ แต่เพื่อนบ้านของเขาหิวโหย และชาวเมืองที่ได้พักผ่อนขณะที่ในหมู่พวกเขามีคนหิวโหย ในวันกิยามะฮฺอัลลอฮฺจะไม่ทรงทอดพระเนตรด้วยความเมตตาไปยังพวกเขา.
แสดงความเห็น