อรรถาธิบายซูเราะฮฺอัลฟาติฮะฮ์ อายะฮฺที ๖

อรรถาธิบายซูเราะฮฺอัลฟาติฮะฮ์ อายะฮฺที ๖

 

اِهْدِنَا الصِّراطَ المُسْتَقِيْمَ

ความหมาย (โอ้ อัลลอฮฺ) โปรดชี้นำเราสู่แนวทางอันเที่ยงตรงคำอธิบาย

๑. คำว่า  صِرَاطแนวทาง (๑ )ถูกกล่าวไว้ในอัล- กุรอานมากกวา ๑๐ ครั้งนั้นชี้ให้เห็นว่าการเลือกแนวทางความคิดและความเชื่อที่ถูกต้องถือเป็นเครื่องหมายแห่งบุคลิกภาพของมนุษย์

๒. อัล-กุรอานกล่าวถึงการชี้นำไว้ ๒ ประเภทกล่าวคือ

ก. การชี้นำด้วยกฎเกณฑ์ธรรมชาติของการสร้างสรรค์ (ฮิดายะฮฺตักวีนียะฮฺ) เช่นการชี้นำผึ้งให้รู้จักวิธีดูดน้ำหวานจากดอกไม้และวิธีสร้างรวงรังของมันให้เป็นรูปหกเหลี่ยม หรือตัวอย่างเช่นการชี้นำนกในการอพยพย้ายถิ่นของมันในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อนอัล-กุรอานได้กล่าวถึงการชี้นำประเภทนี้ว่า

رَبُّنَا الَّذِى اَعْطَى كُلَّ شَيْءٍ خَلْقَهُ ثُمَّ هَدَى

ความว่า พระผู้อภิบาลของเราคือผู้ทรงให้กำเนิดแก่ทุกสรรพสิ่งหลังจากนั้นพระองค์ทรงชี้นำทาง (ฎอฮา 10)

ข. การชี้นำโดยการบัญญติกฎเกณฑ์และข้อปฎิบัติต่าง ๆ (ฮิดายะฮฺตัชรีอียะฮฺ)ซึ่งได้แก่การชี้นำของบรรดาศาสนทูต (นบี) ของอัลลอฮฺ (ซบ.)

๓. ในชีวิตมนุษย์มีแนวทางหลากหลายอยู่เบื้องหน้าเขาซึ่งเขาต้องเลือกเอาแนวทางใดแนวทางหนึ่งจากแนวทางเหล่านี้

-แนวทางของอารมณ์ใฝ่ ต่ำของตนเอง

-แนวทางของความปรารถนาและความต้องการของประชาชน

-การกระซิบกระซาบของชัยฏอน

-แนวทางของผู้อธรรม

. แนวทางที่มนุษย์ไม่มีประสบการณ์ต่อมัน

. แนวทางของบรรพบุรุษอันเกิดจากการถือเผ่าพันธุ์

-แนวทางของอัลลอฮฺ (ซบ.) และมวลมิตรผู้ที่เป็นที่รักของพระองค์ (เอาลิยาอฺ)

ผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ (ซบ.) จะเลือกเอาแนวทางของพระองค์และมวลมิตรผู้เป็นที่รักของพระองค์ ทั้งนี้เนื่องจากแนวทางดังกล่าวประกอบไปด้วยจุดเด่นต่าง ๆที่ไม่มีอยู่ในแนวทางอื่น ๆ เช่น

. แนวทางของอัลลอฮฺ (ซบ.) เป็นแนวทางที่มั่นคง ตรงกันข้ามกับแนวทางของผู้กดขี่แนวทางของความปรารถนาและความต้องการของประชาชน และแนวทางของอารมณ์ใฝ่ต่ำของมนุษย์ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

-แนวทางของอัลลอฮฺ (ซบ.) มีแนวทางเดียวในขณะที่แนวทางอื่น ๆมีอยู่อย่างดาษดื่น.

- มนุษย์จะมีความมั่นใจต่อการก้าวเดินในแนวทางของอัลลอฮฺ (ซบ.)เนื่องจากแนวทางนี้จะนำมนุษย์ไปสู่เป้าหมาย อันได้แก่ความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺ (ซบ.) อีกทั้งมนุษย์จะไม่ประสบกับความพ่ายแพ้ในแนวทางดังกล่าว

๔.เนื่องจากทุกสรรพสิ่งกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในแนวทางที่อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงประสงค์ดังนั้น โอ้ อัลลอฮฺ โปรดบันดาลให้เราอยู่ในแนวทางที่พระองค์ทรงพึงพอพระทัยด้วยเถิด

-แนวทางที่เที่ยงตรงคือ แนวทางของอัลลอฮฺ (ชบ.) ดังที่อัล กุรอานกล่าวว่า

اَّن رَبِّى عَلَى صِرَاط مُسْتَقِيْمٍ

ความว่าแท้จริงพระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ทรงอยู่บนแนวทางอันเที่ยงตรง" (ฮูด ๕๖)

- แนวทางที่เที่ยงตรงคือ แนวทางของบรรดาศาสนทูต (นบี) ดังที่อัล- กุรอานกล่าวว่า

اِنكَ  لمِنَ الْمٌرْسَلِيْن ، عَلیَ صِرَاطٍ مُسْتَقِيْمٍ

ความว่า แท้จริงเจ้าคือหนึ่งในบรรดาผู้ถูกส่งมาเป็นศาสนทูต ซี่งอยู่บนแนวทางอันเที่ยงตรง (ยาซีน ๓-๕ )

- แนวทางอันเที่ยงตรงคือ แนวทางแห่งการเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ (ซบ.) ดังอายะฮฺที่ว่า

وَاَنِ اعْبُدُوْنِى هَذَا صِرَاط مُسْتَقِيْم

ความว่า และพวกเจ้าจงเคารพภักดีข้า ซึ่งแนวทางนี้คือแนวทางที่เที่ยงตรง" (ยาซีน ๖๑)

-แนวทางที่เที่ยงตรงคือ การมอบหมายไว้วางใจในอัลลอฮฺ (ซบ.) ดังที่ อัล-กุรอานกล่าวว่า

وَمَنْ يَعْتَصِم بِاللَّهِ فَقَدْهُدِىَ اِلَى صِرَاطٍ مُسْتَقِيْمٍ

ความว่า" และผู้ใดยึดมั่นในอัลลอฮฺเขาย่อมได้รับการชี้นำไปสู่แนวทางที่เที่ยงตรงอย่างแน่นอน (อาลิอิมรอน ๑๐๑)

๕. มนุษย์จะต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลฮฮฺ (ซบ.) ทั้งในการเลือกแนวทางที่เที่ยงตรงและในการดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องในแนวทางนั้น ใช่แล้วการอยู่ในแนวทางถือเป็นสิ่งสำคัญและการอยู่ในแนวทางที่เที่ยงตรงโดยปราศจากความช่วยเหลือของอัลลอฮฺ (ซบ.) นั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้อัล-กุรอานจึงกล่าวว่า

اِيَّاك نَسْتَعِيْنُ اِهْدِنَا الصِّرَاطَا لْمُسْتَقِيْم

ความว่า "เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอความช่วยเหลือ (โอ้อัลลอฮฺ)โปรดชี้นำเราสู่แนวทางอันเที่ยงตรงด้วยเถิด (ฟาติหะ ๕-๖)

. การอยู่ในแนวทางที่เที่ยงตรงคือ สิ่งเดียวเท่านั้นที่มุสลิมทุกคนต้องวอนขอจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ในทุก ๆ นมาซประจำวันแม้กระทั่งท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อล ฯ) และบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) เองก็ตาม

-การอยู่ในแนวทางที่เที่ยงตรงนั้นครอบคลุมอยู่ในทุกกิจการงานดังนั้นในทุกขณะและทุกกิจการงานของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกแนวทาง เพื่อน คู่ครอง อาชีพการงานสาขาการศึกษา จรรยามารยาท แนวความคิดและอื่น ๆเขาจะต้องวอนขอให้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง และเที่ยงตรงในกิจการเหล่านั้นจากอัลลอฮฺ (ซบ. ) ทั้งนี้เนื่องจากบางครั้งในเรื่องของความเชื่อ มนุษย์คิดได้อย่างถูกต้องแต่ในการปฏิบัติเขาประสบกับความผิดพลาดหรือในทางกลับกันบางครั้งมนุษย์เข้าใจหลักการกว้าง ๆ ได้อย่างถูกต้องแต่ในการระบุสิ่งที่เป็นเป้าหมาย และตัวบ่งชี้ของหลักการดังกล่าวนั้นเขาประกบกับความผิดพลาด

ดังนั้น การวอนขอแนวทางที่เที่ยงตรงจากอัลลอฮฺ (ซบ.) จึงถือเป็นความจำเป็นในทุกขณะ

-การอยู่ในแนวทางที่เที่ยงตรงมีหลายระดับขั้นตอน ดังนั้นการวอนขอการชี้นำจากอัลลอฮฺ (ซบ.) แม้กระทั่งสำหรับผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องเที่ยงตรงแล้วก็ตามถือเป็นสิ่งจำเป็นดังที่อัล-กุรอานกล่าวว่า

وَالَّذيْنَ اهْتَدوا زَادَهُمْ هُدَى

ความว่า "และบรรดาผู้ได้รับการชี้นำนั้น (อัลลอฮฺ) จะทรงเพิ่มพูนการชี้นำแก่พวกเขา" (มุฮัมมัด ๑๗)

-แนวทางที่เที่ยงตรงคือ ทางสายกลาง ส่วนขวากับซ้ายคือความเฉไฉ

ท่านอิมามอะลี (อ. )ได้กล่าวไว้ในเรื่อง นี้ว่า

اَلْيَمِيْنُ وَالْشِمَالُ مُضَلَّةُ وَالطَّرِيْقُ الوُسطى هِىَ الْجادَّةُ

ความว่า "ขวากับซ้ายคือความหลงผิด ส่วนทางสายกลางนั้นคือแนวทาง (ที่เที่ยงตรง)(๒)

๖. แนวทางที่เที่ยงตรงหมายถึง การหลีกเลี่ยงจากความสุดโต่งในทุกรูปแบบ กล่าวคือแนวทางนี้มิใช่ทั้งการศรัทธาอย่างเลยเถิดและการปฏิเสธโดยสิ้นเชิงมิใช่ทั้งวัตถุนิยมและจิตนิยม มิใช่ทั้งการถือเอาการปฏิบัติหรือการศรัทธาแต่เพียงประการเดียวเป็นหลัก มิใช่ทั้งการประจบสอพลอ และอิจฉาริษยามิใช่ทั้งการมีจิตใจกว้างอย่างไร้ขอบเขต และตระหนี่ถี่เหนียวมิใช่ทั้งการใส่ใจแต่เฉพาะโลกหน้าหรือเฉพาะโลกนี้อย่างเดียวมิใช่ทั้งการหลงลืมพระเจ้าและประชาชน มิใช่ทั้งการห้ามสิ่งที่ดีงามและอนุมัติสิ่งที่ต้องห้าม มิใช่เฉพาะการยึดถือเฉพาะสติปัญญาและความรู้สึกเป็นเกณฑ์

แนวทางที่เที่ยงตรงคือแนวทางที่ปราศจากความเฉไฉและความสุดโต่งในทุกรูปแบบอย่างสิ้นเชิงในการเลือกแนวทางจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ (ซบ.)ทั้งนี้เนื่องจากแนวทางเต็มไปด้วยภยันตรายบางคนเลยเถิดออกไปนอกเส้นทางในแง่ของความเชื่อในขณะที่อีกบางส่วนเลยเถิดในแง่ของการปฏิบัติและศิลธรรมจรรยาบางคนอ้างว่าการงานทั้งหมดของมนุษย์เป็นการกระทำของอัลลอฮฺ (ซบ.)ประหนึ่งมนุษย์ไม่มีเจตนารมณ์ใดๆ ในชะตากรรมของตนเลยในขณะที่อีกบางคนถือว่าตนเองสามารถทำทุกสิ่งที่ต้องการได้โดยที่พระหัตถ์ของอัลลอฮฺ (ซบ.) ถูกพันธนาการไว้ บางคนถือว่าผู้นำของอัลลอฮฺคือประชาชนทั่วๆไปหรือในบางครั้งคือนักไสยศาสตร์ หรือคนเสียสติ ในขณะที่อีกบางคนจินตนาการว่าผู้นำผู้ทรงเกียรติเหล่านั้นคือพระเจ้าบางคนสั่งห้ามการเยี่ยมเยียนหลุมฝังศพของบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.)ในขณะที่อีกบางคนแสวงหาสื่อสัมพันธ์ แม้แต่ต้นไม้หรือจอมปลวกบางคนถือว่าเรื่องปากท้องเป็นประเด็นหลักในขณะที่บางคนมองข้ามกิจการทั้งหมดของโลกนี้ บางคนมีความหึงหวงอย่างไม่มีกาละเทศะในขณะที่อีกบางคนปล่อยภรรยาของตนออกไปตามถนนหนทางหรือร้านรวงโดยปราศจากฮิญาบ (๓) การปฏิบัติและ

พฤติกรรมเหล่านี้คือ การเฉไฉ และหลงออกไปจากเส้นทางที่เที่ยงตรงของการชี้นำ อัลลอฮ. (ซบ. ) ได้ทรงแนะนำดีน อันมั่นคงของพระองค์ไว้ว่าเป็นแนวทางที่เที่ยงตรง (๔)นอกจากนี้ยังมีรายงานไว้ด้วยเช่นกันว่าบรรดาอิมามผู้บริสุทธ์ (อ.) กล่าวว่า "พวกเราคือแนวทางที่เที่ยงตรง"ซึ่งหมายถึงตัวอย่างที่เป็นประจักษ์พยานในเชิงปฏิบัติของแนวทางที่เที่ยงตรงอีกทั้งแบบอย่างสำหรับการก้าวเดินในแนวทางนี้คือบรรดาผู้นำของอัลลอฮ. (ซบ.)ดังกล่าวพวกเขาเหล่านั้นได้แสดงทัศนะ และเสนอแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกิจการทั้ง

หมดในการดำเนินชีวิตไว้ อาทิเช่น การพักผ่อนหย่อนใจ การศึกษาหาความรู้อาหารการกินการบริจาค การให้ทาน การวิพากษ์ วิจารณ์ การแนะนำ การตัดสัมพันธ์ การไกล่เกลี่ยความรักต่อบุตรหลาน เป็นต้นนอกจากนี้บรรดาผู้นำดังกล่าวยังแนะนำเราให้มีดุลยภาพและความเป็นสายกลางด้วยเช่นกัน (๕)

ในอัล-กุรอานและรายงานหะดีษ มีตัวอย่างปรากฏอยู่มากมายที่เน้นถึงดุลยภาพและความพอดีและห้ามการสุดโต่งในทุก ๆ กิจการงาน เช่นกล่าวว่า

كُلُوا وَشْرَبُوا وَلاَتُسْرِفُوا

ความว่า "จงกินและจงดื่ม แต่จงอย่าฟุ่มเฟือย (อัล-อะอฺรอฟ ๓๑)

وَلاَتَجْعَلْ يَدَكَ مَغْلُوْلَةُ اِلَى عُنُقِك وَلاَتَبْسُطْهَا كُلِّا لبَسْطِ فَتَقْعُد مَلُومًامَحْسُورًا

ความว่า "จงอย่าพันธนาการมือของเจ้าไว้ที่ต้นคอ (ด้วยความตระหนี่ถี่เหนียว)และจงอย่าแบมือของเจ้าจนสุดเหยียด (ด้วยการสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย)อันเป็นเหตุให้เจ้าต้องถูกตำหนิ แ ละสิ้นเนื้อประดาตัว" (บะนีอิสรออีล ๒๙)

وَالَّذيْنَ اِذَا اَنْفَقُوا لَم يُسْرِفُوا وَلَمْ يَقْتُرُوا وَكَانَ بَيْنَ ذَلِك قَوَامًا

ความว่า "(ปวงบ่าวของพระผู้ทรงเมตตาคือ)ผู้ซึ่งในยามใช้จ่ายพวกเขาจะไม่สุรุ่ยสุร่ายและไม่ตระหนี่แต่ทว่าพวกเขามีดุลยภาพในระหว่างทั้งสองนั้น" (อัล-ฟุรกอน ๖๗)

وَلاَ تَجْهَر بِصَلاَتِكَ وَلاَتُخَافِت بِهَا وَابْتَغِ بَيْنَ ذَلِكَ سَبِيْلاً

ความว่า "จงอย่าอ่านนมาซด้วยเสียงดังหรือค่อยจนเกินไป แต่ทว่าจงแสวงหาทางหนึ่ง (ที่มีความพอดี)ในระหว่างทั้งสองนั้น" (บะนีอิสรออีล ๑๑๐)

จงปฏิบัติดีต่อบิดามารดาอัล-กุรอานกล่าวว่า وَبِالْوالِدَيْن اِحْسَانًا(๖)

แต่ทว่าในยามที่บุคคลทั้งสองห้ามปรามเจ้าจากแนวทางของอัลลอฮฺ(ซบ.)การเชื่อฟังบุคคลทั้งสองถือว่าไม่จำเป็น อัล-กุรอานกล่าวว่าلاَتُطِعْهُمِا(๗)

ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อล ฯ) มีหน้าที่เผยแผ่สาส์นทั้งต่อสาธารณوَ كَانَ رَسُوْلاً نَبِيًّا(๘) และต่อครอบครัวوَكَانَ يَأْمُرُاَهْلَهُ بِالصَّلَوةِ(๙)

อิสลามได้แนะนำในเรื่องของการนมาซ ซึ่งเป็นสื่อสัมพันธ์กับพระผู้สร้างและแนะนำให้จ่าย(บริจาคทานตามศาลนบัญญัติ) ซึ่งเป็นสื่อสัมพันธ์กับประชาชนوَاَقِيْمُوالصَّلَواةَوَآتُوالزَّكَوةَ(๑๐)

ความรักจะต้องไม่เป็นเหตุให้เราเบี่ยงเบนออกไปจากความถูกต้องอัล-กุรอานกล่าวว่า

يَايُّهَاالَّذِيْنَ أمَنُوْا كُوْنُوْاقَوَّامِيْنِ بِالْقِسْط شُهَدَأءَ لِلَّهِ وَلَوْعَلَى اَنْفُسِكُمْ أَوِالْوَالِدَيْنِ وَالاَقْرَبَيْنَ(๑๑)

และความเป็นศัตรูก็จะต้องไม่ทำให้เราละทิ้งความยุติธรรม

وَلاَيَجْرِمَنَّكُمْ شَنَئَانُ قَوْمٍ عَلَى اَلاَّ تَعْدِلُوْا(๑๒)

ผู้ศรัทธาคือบุคคลที่มีทั้งพลังผลักไสأَشِدَّآءُعَلَى الكُفَّارِ(๑๓) และพลังดึงดูดرُحَمَآء بَيْنَهُمْ(๑๓)

ความศรัทธาโดยจิตใจที่ควบคู่กับการกระทำความดีงามถือเป็นสิ่งจำเป็นوَالَّذِيْنَ آمَنُوْاوَعَمِلُواالصَّلِحَاتِ(๑๔)

น้ำตาและการวิงวอนขอจากอัลลอฮฺ (ชบ.) เพื่อชัยชนะเป็นสิ่งจำเป็นرَبَّنَا أَفْرِغْ عَليْنَاصَبْرًا(๑๕)

ในขณะเดียวกันความอดทน อดกลั้นในความทุกข์ยากก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกันอัล-กุรอานกล่าวว่า

كَم مِنْ فِئِةٍ قَلِيْلَةٍ غَلَبَتْ فِئَة كَثِيْرَةً بِأِذْنِ اللَّه وَاللَّهُ مَعَ الصَّابِرِيْنَ(๑๖)

ในค่ำอาชูรอท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.)ทั้งวิงวอนและคร่ำครวญต่ออัลลอฮฺ(ซบ.)อีกทั้งหมกมุ่นอยู่กับการตระเตรียมดาบและอาวุธ ในวันอารอฟะฮฺและค่ำวันอีดกุรบานบรรดาหุจญาจ (ผู้ประกอบพิธีฮัจญ์) จะวิงวอนขอพรต่ออัลลอฮฺ (ชบ.)ในขณะที่ในวันรุ่งขึ้น (วันอีดกุรบาน) พวกเขาจะต้องสัมผักับบรรยากาศและกลิ่นคาวเลือด ณ สถานที่เชือดพลี

อิสลามให้การยอมรับการถือครองกรรมสิทธิ์แต่ในขณะเดียวกันอิสลามได้จำกัดขอบเขตกรรมสิทธิ์ดังกล่าวไว้โดยไม่อนุมัติให้สร้างความเสียหายต่อผู้อี่น

อัล-กุรอานกล่าวว่า "โลกนี้คือ เเหล่งของเครื่องประดับอันสวยงาม"

اَلْمَالُ وَالْبًنُوْنَ زِيْنُةُ الحَيَوةِ وَالدُّنْيَا(๑๗)

ในขณะเดียวกันอัล-กุรอานก็ถือว่าความคลั่งไคล้หลงใหลต่อโลกนี้เป็นความน่ารังเกียจ

وَاِنَّهُ لِحُبِّ الْخَيْرِلَشَدِيْد (๑๘)

อิสลาม มิใช่ศาสนาที่มีเพียงด้านเดียวและเน้นหนักเฉพาะแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งเท่านั้นแต่ทว่าอิสลามได้ให้การชี้นำในเรื่องดุลยภาพ ความพอดีและแนวทางที่ถูกต้องเที่ยงตรงไว้ในทุกแง่มุมของชีวีตมนุษย์

 

เชิงอรรถ

๑.อนึ่งصِرَاطในวันกิยามะฮฺคือชื่อ ของสะพานหนี่งที่ทอดอยู่เหนือนรกซึ่งมนุษย์ทุกคนจะต้องเดินข้ามสะพานดังกล่าว.

๒. บิฮารุ้ลอันวารฺ เล่มที่ ๘๗ หน้าที่ ๓

๓. การแต่งกายของสตรีตามหลักการอิสลามซึ่งจะต้องปกปิดทุกส่วนของร่างกายยกเว้นใบหน้าและมือทั้งสองต่อหน้าสาธารณชน

๔. ซูเราะฮฺ อัล-อันอาม ๑๖๑صِرَاطٍ مُسْتَقِيْمٍ دِيْنًا قَيِّمًا

๕. ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องนี้ได้ในหนังสืออุศูลกาฟีบทที่ว่าด้วย "อิกฺติศอด ฟิล-อิบาดะฮฺ

๖.อัล-บะกอเราะฮฺ ๘๓

๗.ลุกมาน ๑๕

๘."และเขาเป็นศาสนทูตและเป็นศาสดา" มัรยัม ๕๔

๙. "และเขาได้กำชับครอบครัวของตนในการนมาซ" มัรยัม๕๕

๑๐. "จงดำรงการนมาซและจงจ่ายซะกาต" บะกอเราะฮฺ๔๓

๑๑. "โอ้ ผู้ศรัทธาทั้หลาย จงยืนหยัดต้วยความยุติธรรมอย่างแท้จริง จงเป็นสักขีพยาน

เพื่อ อัล-อัลลอฮฺเถิด แม้ว่า (การเป็นพยานนั้น)จะให้โทษแก่ตนเอง หรือแก่บิดามารดาหรือแก่บรรดาญาติสนิทของพวกเจ้าก็ตาม" (นิซาอฺ ๑๓๕)

๑๒. "จงอย่าให้ความเป็นศรัตรูทีมีกับกลุ่มชนหนึ่งชักนำพวกเจ้าไปสู่การละทิ้งความยุติธรรม" (อัล-มาอิดะฮฺ ๘)

๑๓. "พวกเขามีความแข็งกร้าวต่อผู้ปฎิเสธและมีเมตตาในระหว่างพวกเขา" (อัล-ฟัตหฺ ๒๙)

๑๔. "บรรดาผู้ศรัทธาและประกอบความดีงาม" (บะกอเราะฮฺ ๘๒)

๑๕. "โอ้ พระผู้อภิบาลของพวกเรา โปรดหลั่ง ความอดทนแก่พวกเราด้วยเถิด" (อัล-อะอฺรอฟ ๑๒๖)

๑๖.ตั้งเท่าไหร่แล้วที่ชนกลุ่มน้อยมีชัยชนะเหนือชนกลุ่มใหญ่ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺและอัลลอฮฺทรงอยู่กับผู้อดทน" (บะกอเราะฮฺ ๑๔๙)

๑๗. "ทรัพย์สมบัติและลูกหลานคือเครื่องประดับสำหรับชีวิตในโลกนี้" (อัล-กะฮฺฟิ๔๖)

๑๘." แท้จริงมนุษย์(ผู้อกัญญูและตระหนีถี่ เหนียวในความโปรดปรานต่าง ๆ ของอัลลอฮฺ)มีดวามหลงใหลในทรัพย์สมบัติอย่างคลั่งไคล้" ( อัล-อาดิยาต ๘)

ที่มาเว็บไซต์อิสลามซอรซ์

แสดงความเห็น