ความสำคัญในการสร้างเอกภาพในอิสลาม

ประวัติศาสตร์อิสลามจารึกไว้ว่า การแบ่งแยกทางสำนักคิดในอิสลามเป็นหนึ่งในปัญหาที่ยุ่งยาก สลับซับซ้อน และสร้างความเสื่อมเสียกับโลกอิสลามอย่างยิ่ง อันเป็นความเสื่อมเสียที่ไม่อาจทดแทนได้ ทั้งด้านวัตถุปัจจัยและจิตวิญญาณ ที่เกิดกับเรือนร่างของอิสลามที่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน บาดแผลฉกรรจ์ที่อาบไปด้วยเลือดนี้ ไม่อาจปิดบังจากใบหน้าอันสวยงามของอิสลามได้ สร้างความทุกข์ใจแก่พวกเขาอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้เอง จะเห็นว่าประวัติศาสตร์อิสลามได้บันทึกว่าบรรดาผู้รู้และนักปราชญ์ได้พยายามสร้างเอกภาพให้เกิดขึ้นในสังคมอิสลามมาอย่างช้านาน เพื่ออย่างน้อยเป็นการรักษาแผลใจที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจของบรรดามุสลิมทั้งหลายมาอย่างยาวนาน ซึ่งทั้งหมดเหล่านั้นต่างมีเป้าหมายอันเฉพาะเจาะจงในการปฏิบัติของตน

ซึ่งหนึ่งในกลุ่มชนที่พยายามสร้างความสามัคคีและความสมานฉันท์ให้เกิดในโลกอิสลามคือ ท่านซัยยิดญะมาลุดดีน อะซัด ออบอดีย์ ผู้ที่ทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี ท่านซัยยิดได้ร่วมมือกับบรรดาสานุศิษย์ เฉกเช่น ชัยคฺมุฮัมมัด อับดุฮฺ แห่งอียิปต์ ร่วมกันสร้างความเป็นเอกภาพและชูเป้าหมายว่า ความสามัคคีในอิสลามคือเป้าหมายสูงสุดของเรา ดังนั้น ในหนทางดังกล่าวท่านได้ทุ่มเททุกสิ่งอย่างเต็มกำลังความสามารถที่มีอยู่ ช่วงการดำเนินการดังกล่าวนั้นซัยยิดไม่ได้เลือกประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการของตน ตลอดอายุการทำงานของท่านนั้น ท่านได้เดินทางไปทั่วประเทศมุสลิมทั้งหลาย บุคคลอีกท่านหนึ่งที่พยายามสร้างความเป็นเอกภาพให้เกิดในสังคมอิสลามคือ ท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร แห่งอียิปต์ ชัยคฺมะฮฺมูด ชัลตูต ท่านได้ออกคำวินิจฉัย (ฟัตวา) ให้ปฏิบัติตามแนวคิดด้านฟิกฮฺของชีอะฮฺได้ และยังถือว่าแนวทางชีอะฮฺ (ตะชัยยุอฺ) อยู่ในชั้นแนวหน้าเช่นเดียวกับ 4 แนวทางใหญ่ของฝ่ายซุนนีย์ ท่านได้ก่อตั้งศูนย์กลาง ดารุลตัฆรีบบัยนัลมะซาฮิบิลอิสลาม ขึ้นในประเทศอียิปต์ โดยการร่วมกับท่านอายะตุลลอฮฺ มุฮัมมัด ตะกียฺ กุมมียฺ การสร้างความเป็นเอกภาพของชัยค์ชัลตูต ได้บังเกิดผลลัพธ์อันดีงามอย่างมากมาย ประกอบกับได้รับการสนับสนุนจากท่านอายะตุลลอฮฺ บุรูญิดดีเป็นอย่างดี ท่านอายะตุลลอฮฺ บุรูญิดดียฺ กล่าวให้การสนับสนุนฟัตวาของชัยคฺชัลตูต ที่ยอมรับแนวทางของชีอะฮฺอย่างเป็นทางการว่า บัดนี้การสร้างเอกภาพได้ก้าวไปสู่ขั้นตอนใหม่แล้ว ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จของอิสลามอย่างยิ่ง

นอกจากนั้นแล้วความเพียรพยายามที่จะสร้างความสมานฉันท์ ให้เกิดขึ้นระหว่างนักปราชญ์ฝ่ายชีอะฮฺและซุนนียฺนั้น ถือได้ว่าเป็นก้าวใหม่แห่งโลกอิสลาม ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นวัคซีนช่วยป้องกันความแตกแยกของประเทศมุสลิม ทีครั้งหนึ่งพวกเขาเคยล่มจมและย่อยยับมาแล้วเนื่องจากความคิดเห็นที่แตกต่าง อันเป็นสาเหตุทำให้นักล่าอาณานิคมทั้งจากตะวันออกและตะวันตก ต่างตักตวงผลประโยชน์จากประเทศมุสลิมได้ตามอำเภอใจ และวางแผนการสร้างความแตกแยกภายในสังคมมุสลิม พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากความแตกแยกภายในนั่นเองเป็นเครื่องมือทำร้ายสังคม และปล้นสะดมทรัพย์สินของประเทศมุสลิมไปเป็นจำนวนมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งทองคำสีดำ (หมายถึงน้ำมัน) นอกจากนั้นพวกเขายังใช้ประโยชน์จากความโง่เขลา และการรู้เท่าไม่ถึงการของบรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามแนวทางต่างๆ โดยทำให้พวกเขาโต้เถียงและทะเลาะเบาะแว้งกันบนปัญหาแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ โดยละทิ้งและลืมปัญหาใหญ่อันถือว่าเป็นหลักการร่วมกันระหว่างซุนนียฺและชีอะฮฺ อีกด้านหนึ่งพวกเขาได้ร่วมมือกันสร้างความแตกแยกในสังคมอิสลามซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ความห่างไกลระหว่างมุสลิมนับวันยิ่งจะห่างมากขึ้นและกลายเป็นปัญหาทีลึกซึ้งยากที่จะแก้ไข

ที่มาเว็บไซต์ตักรีบมะซาฮิบอิสลาม

แสดงความเห็น