สำนักข่าวทีวีชีอะฮ์ รายงานจากสำนักข่าว IMM : JINSA เป็นองค์กร “ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในด้านความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐ” JINSA เป็นองค์กรที่มีเป้าหมายเพื่อดำเนินการในนามอิสราเอล เพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐ และเชื่อมต่อนโยบายป้องกันของสหรัฐเข้ากับนโยบายความมั่นคงของอิสราเอล ดำเนินยุทธศาสตร์ทางการทหารแทนสหรัฐในตะวันออกกลาง

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอิสราเอล เป็นความสัมพันธ์อันซับซ้อนและหลากหลายมิติ เช่น ความสัมพันธ์เชิงอำนาจในระบบการเมือง ความสัมพันธ์เชิงเศรษฐกิจ ด้วยการจัดตั้งองค์กรเบียดแทรกเข้าไปอยู่ในเส้นเลือดใหญ่ทางการเงิน และระบบหรือองค์กรทางเศรษฐกิจหลัก เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ ระบบธนาคารพานิช บรรษัทวาณิชธนกิจ กองทุนตราสารหนี้ กองทุนน้ำมัน ตลาดซื้อขายล่วงหน้า ตลาดทุน รวมทั้งธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ

นอกจากนี้อิสราเอลยังออกแบบระบบเชื่อมต่อและรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐผ่านทางการก่อรูปนโยบายสำคัญๆของสหรัฐ เช่น นโยบายด้านต่างประเทศ และนโยบายด้านความมั่นคง ขณะที่อิสราเอลออกแบบองค์กรที่เรียกว่า The American Israel Public Affairs Committee หรือ AIPAC สำหรับการผลักดันเป้าหมายทางการเมือง หรือทำหน้าที่ล๊อบบี้กับฝ่ายการเมือง และอิสราเอลยังออกแบบกลไกเพื่อผลักดันนโยบายด้านการทหารสหรัฐผ่านการทำงานของอีกองค์กรหนึ่งที่เรียกว่า The Jewish Institute for National Security Affairs หรือ JINSA แปลได้ว่า “สถาบันชาวยิวเพื่อกิจการความมั่นคงแห่งชาติ”

องค์กร The Jewish Institute for National Security Affairs หรือ JINSA (สถาบันชาวยิวเพื่อกิจการความมั่นคงแห่งชาติ) คือหนึ่งจากห้องปฏิบัติการต่างๆ ทางด้านการวางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของยิวไซออนิสต์ในกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา โดยจะมีการประชุมทำการศึกษาวิจัยกำหนดกลยุทธ์ และสนับสนุน “ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์” ระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิสราเอล ภายใต้กรอบนโยบายหลัก ได้แก่ ระบบขีปนาวุธตามยุทธศาสตร์ป้องกัน (Missile Defense), นโยบายพัฒนาอาวุธไฮเทค, นโยบายการจัดการกลุ่มก่อการร้าย, การควบคุมอุตสาหกรรมอาวุธ, รวมทั้งนโยบายการจำกัด และกำจัดอาวุธที่มีอานุภาพทำล้ายล้างสูงไม่ให้ตกอยู่ในความครอบครองของรัฐที่เป็นปฏิปักษ์กับสหรัฐ และอิสราเอล ที่สหรัฐเรียกว่า “Rouge State” (รัฐอันธพาล ที่สหรัฐตราเป็นรัฐบัญญัติ ได้แก่ อิหร่าน ซีเรีย และเกาหลีเหนือ)

องค์กร The Jewish Institute for National Security Affairs หรือ JINSA คือองค์กรที่มีอิทธิพลมากที่สุดในด้านความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐอเมริกา มีนโยบายสนับสนุนทางด้านทหารของสหรัฐอเมริกา โดยมีเป้าหมายเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่กองกำลังสหรัฐอเมริกา เพื่อต่อต้านกับการก่อการร้ายต่างๆ ที่มุ่งทำลายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล

องค์กร JINSA จะมีการประชุมวิจัยศึกษากันตลอดเวลา โดยที่สหรัฐอเมริกาและอิสราเอลมีความหวังว่าการประชุมในแต่ละครั้งของ JINSA สามารถที่จะทำให้แผนกต่างๆ ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา และอิสราเอล ล่วงรู้และมีข้อมูลที่สำคัญ และใหม่ที่สุดในด้านความมั่นคงตลอดเวลา บรรดาผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการขององค์กรนี้ จะได้รับการอบรมอยู่ตลอดเวลาเพื่อเตรียมพร้อมต่อสถานการณ์สงครามต่างๆ ในอนาคต

จากการติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐอเมริกาเวลานี้ โดยเฉพาะจะมีการเลือกตั้งผู้นำคนใหม่ของสหรัฐในไม่กี่วันข้างหน้านี้ ทำให้การทำความรู้จักกับบทบาทต่างๆ ขององค์กร JINSA ของอิสราเอลที่เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังนโยบายต่างๆ ของวอชิงตันเป็นสิ่งที่จำเป็นมากทีเดียว ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านสามารถวิเคราะห์นโยบายทางการเมืองในประเทศ และต่างประเทศของกรุงวอชิงตันได้เป็นอย่างดี ว่าแท้ที่จริงแล้วผู้อยู่เบื้องหลังฉากของนโยบายต่างๆ สหรัฐอเมริกาที่แท้จริงคือใคร

องค์กร JINSA ก่อตั้งขึ้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 1970 โดยเริ่มจากการศึกษาวิจัยบทเรียนจากสงคราม โยม คิปปูร์ (ปี 1973) เพื่อให้มั่นใจว่าหลังจากนี้ไป “สหรัฐอเมริกาจะต้องให้ความช่วยเหลืออิสราเอลเพื่อคงความได้เปรียบทางการทหารไว้ให้เหนือกว่าประเทศอาหรับในภูมิภาคตะวันออกกลางตลอดไป” ในปี 1979 JINSA ได้แปรรูปมาเป็น “กลุ่มศึกษาวิจัยยุทธศาสตร์เพื่อการป้องกัน” เพื่อสร้างข้อผูกมัดในความร่วมมือทางการทหารระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยจดทะเบียนเป็นองค์กรตามกฎหมายสหรัฐตามมาตรา 501(c)(3) เพื่อให้สามารถรับเงินสนับสนุนเงินบริจาคโดยภาคเอกชนและจากสมาชิกองค์กร(ชาวยิว)ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

องค์กร JINSA อ้างว่า ก่อตั้งขึ้นมีเป้าหมายเพื่อดำเนินการในนามอิสราเอล เพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐ และเชื่อมต่อนโยบายป้องกันของสหรัฐเข้ากับนโยบายความมั่นคงของอิสราเอล ดำเนินยุทธศาสตร์ทางการทหารแทนสหรัฐในตะวันออกกลาง คือ ทำงานด้านมวลชนด้วยการชวนเชื่อให้คนอเมริกันเห็นว่า “ความมั่นคงของอิสราเอลคือผลประโยชน์ของสหรัฐ” และ “สหรัฐจะปลอดภัยก็เมื่ออิสราเอลต้องมั่นคงเสียก่อน” และ บีบบังคับด้วยการอ้างข้อมูลทางวิชาการในเพนตากอน และกิจการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อคงบทบาทความสำคัญของอิสราเอลในฐานะเป็นยุทธศาสตร์หลักของสหรัฐอเมริกา ในตะวันออกกลางและเมดิเตอร์เรเนียน

องค์กร JINSA ของอิสราเอลนี้ ไม่ได้มีความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว ทว่าจะมีความร่วมมือด้านความมั่นคงกับนานาประเทศที่มีแนวความคิดเดียวกันอีกด้วย สรุปแล้วสโลแกนขององค์กรนี้คือ “ความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา คือความแข็งแกร่งของอิสราเอล”

หัวหน้าผู้บริหารของ JINSA คนปัจจุบัน คือ David Ganz และนอกจากนั้นยังมีผู้ช่วยอีกหลายคนด้วยกัน เช่น นาย Morris J. Amitay , นาย Phillip Aronoff, นาย Ira "Bob" Born, และนาย David Dewhurs

องค์กร JINSA ของอิสราเอลองค์กรนี้ มีโครงการต่างๆ มากมายเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของการก่อตั้งองค์กร โครงการที่สำคัญที่สุดขององค์กรนี้คือ โครงการฝึกอบรมร่วมในโรงเรียนเสนาธิการทหารอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา ในทุกๆ ปี ทางองค์กรจะส่งบรรดานายพลในกองทัพสหรัฐอเมริกาไปยังอิสราเอล โครงการอบรมเหล่านี้ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีบทบาทในการกำหนดนโยบายทางการทหาร การต่างประเทศ ของทั้งสหรัฐ และอิสราเอลให้เกิดความเข้าใจถึงความสำคัญว่า “ทำไมพวกเขาต้องทำให้อิสราเอลมีความมั่นคงปลอดภัย”

เนื่องจากเป้าหมายขององค์กร JINSA “ความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา คือความแข็งแกร่งของอิสราเอล” โครงการนำเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอเมริกาไปยังอิสราเอลจึงมีอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และในระหว่างการเยือนอิสราเอลของเจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านั้นคือการ พบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอล และเยี่ยมชมตามพื้นที่ต่างๆ ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ในพื้นที่ต่างๆ ร่วมรับฟังทำความเข้าใจทัศนะต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงอิสราเอล จูงใจให้ผู้เข้าร่วมโครงการเข้าใจว่า JINSA คือห้องกำหนดจุดยุทศาสตร์ และนโยบายต่างๆ ทางการทหารของสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐจำนวนมากถูกส่งไปอบรมในอิสราเอล ดังนี้

1-การเดินทางของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางทหารขององค์กร JINSA ไปอิสราเอลในปี 2008 : ระยะเวลา 10 วันในการเดินทางของเจ้าหน้าที่ในครั้งนั้น ได้มีการพาผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมดเข้าชมชุมชนที่อยู่อาศัยชาวอิสราเอล ชมแผนกต่างๆ ทางทหาร หน่อยข่าวกรองของอิสราเอลอย่างสมบูรณ์ และได้มีการเข้าพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอลอีกด้วย อาทิเช่น รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล และผู้นำเหล่าทัพของอิสราเอล

2-การเดินทางของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางทหารขององค์กร JINSA ไปอิสราเอลในปี 2009 : ในปี 2009 การเดินทางของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางทหารขององค์กร JINSA ไปอิสราเอล มีเป้าหมายเพื่อเรียนรู้กลยุทธ์การต่อสู้ที่ผ่านมา และที่จะมีมาในอนาคต มีการพูดคุยเฉพาะเรื่องทีเกี่ยวกับสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน และฮิซบุลลอฮ์เลบานอนในการเดินทางครั้งนี้เสียเป็นส่วนใหญ่

3-การเดินทางของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางทหารขององค์กร JINSA ไปอิสราเอลในปี 2010 : ในปี 2010 การเดินทางของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางทหารขององค์กร JINSA ไปอิสราเอล มีจำนวน 6 คน และได้มีการพูดคุยกำหนดกลยุทธ์แลกเปลี่ยนทัศนะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอลเกี่ยวกับ อิหร่าน, ขบวนการฮามาสแห่งปาเลสไตน์, ฮิซบุลลอฮ์แห่งเลบานอน, แนวทางแก้ไขปัญหาระหว่างเลบานอนและซีเรีย, ขีปนาวุธชนิดต่างๆ, การป้องกันชายแดน, รายงาน Goldstone และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย

4-การเดินทางของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางทหารขององค์กร JINSA ไปอิสราเอลในปี 2011 : ในปี 2011 การเดินทางของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางทหารขององค์กร JINSA ไปอิสราเอล เป็นช่วงเวลาการตื่นตัวของโลกอิสลาม มีการลุกขึ้นปฏิวัติผู้ปกครองเผด็จการในประเทศต่างๆ ประเด็นนี้จึงกลายเป็นประเด็นสำคัญของการพูดคุยเพื่อวางกลยุทธ์ในการดำเนินการต่างๆ และได้มีการเข้าพบปะพูดคุยกับผู้นำอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู, ผู้นำของจอร์แดน, รัฐมนตรีความมั่นคงจอร์แดน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจอร์แดนอีกหลายคน นอกจากนั้นยังได้มีการพาคณะลงพื้นที่เพื่อเรียนรู้กลยุทธ์การต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายอีกด้วย

5-การเดินทางของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางทหารขององค์กร JINSA ไปอิสราเอลในปี 2012 : ในปี 2012 การเดินทางของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางทหารขององค์กร JINSA ไปอิสราเอลก็มีโปรแกรมคล้ายๆ กับการเดินทางในปี 2011 มีการพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอล และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจอร์แดน

นอกจากนี้ JINSA ยังผลิตสิ่งพิมพ์ ออกมาเป็นจำนวนมาก เช่น หนังสือ a quarterly review of U.S.-Turkey-Israel cooperation ซึ่งเป็นจดหมายเหตุความร่วมมือทางการทหารระหว่างสหรัฐกับตุรกี, นิตยสารรายสองปีชื่อ Journal of International Security Affairs, และหนังสือชื่อ Islamic Extremism Newswatch ซึ่งเป็นหนังสือที่เสนอรายละเอียด ความเป็นมา โครงสร้างองค์กร และบุคคลรวมทั้งยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีขององค์กรมุสลิมฝ่ายตรงข้ามอิสราเอลและสหรัฐทุกองค์กร ตั้งแต่หน่วยปฏิบัติการเล็กๆในปาเลสไตน์ไปจนถึงเรื่องของอัล-กออิดะ ของอุสามะห์ บินลาดิน ซึ่งหนังสือนี้กลายมาเป็นคู่มือของนักเรียนนายทหารสหรัฐและอิสราเอล ในฐานะของการทำความรู้จักกับ “ผู้ก่อการร้ายมุสลิม”

ในท้ายที่สุดองค์กร JINSA ก็คือองค์กรที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะองค์กรนี้ คือองค์กรที่อยู่เบื้องหลังนโยบายต่างๆ ของแพนตากอน ดังนั้นไม่ว่านโยบายใดก็ตามที่ดำเนินการโดยสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นนโยบายทางการเมืองภายในประเทศและต่างประเทศ ก็จะถูกกำหนดโดยยิวทั้งสิ้น แม้กระทั่งการเลือกตั้งผู้สหรัฐอเมริกาคนต่อไปอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งของพวกเขาที่เป็นเพียงสะพานเพื่อไปยังเป้าหมายของอิสราเอลเท่านั้น

ที่มา http://immjournal.com