บทสนทนาระหว่างอิมามมูซา กาซิม กับ คอลีฟะฮ์ ฮารูน อัรรอชีด
บทสนทนาระหว่างอิมามมูซา กาซิม กับ คอลีฟะฮ์ ฮารูน อัรรอชีด
ฮารูนได้เริ่มต้นการสนทนาด้วยกับการกล่าวหาอิมามว่า
พวกท่านอนุมัติแก่คนทั่วไปและคนโดยเฉพาะให้ถือว่าพวกท่านเป็นบุตรหลานของท่านนบี (ซ็อล ฯ) โดยให้พวกเขาเรียกพวกท่านว่า โอ้ บุตรหลานท่านศาสนทูต ทั้ง ๆ ที่พวกท่านเป็นลูกหลานของอะลี ซึ่งคนเราจะสืบสกุลกันได้ก็โดยทางพ่อ ซึ่งฟาฏิมะฮฺเป็นเพียงภาชนะ และนบีเป็นบรรพบุรุษของพวกท่านทางสายแม่
อิมาม ถามว่า หากท่านนบี (ซ็อล ฯ) คืนชีพ แล้วขอสมรสกับบุตรีของท่าน ท่านจะอนุญาตหรือไม่
ฮารูนตอบว่า มหาพิศุทธิคุณแห่งอัลลอฮฺ เหตุใดข้าพเจ้าจะไม่อนุญาตเล่า ในเมื่อข้าพเจ้าจะได้มีความภูมิใจเหนือชาวอาหรับและชาวต่างชาติ อีกทั้งเหนือเผ่ากุเรช
อิมามกล่าวว่า ทว่าท่านนบี (ซ็อล ฯ) ไม่อาจจะขอสมรสบุตรีของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ไม่อาจจะให้เขาแต่งงานได้
ฮารูนถามว่า เพราะเหตุใด
อิมามตอบว่า “เพราะท่านนบี (ซ็อล ฯ) เป็นผู้กำเนิดข้าพเจ้า และไม่ได้เป็นผู้กำเนิดท่าน
ฮารูนตอบว่า ถูกต้องแล้ว ทว่าพวกท่านพูดได้อย่างไรว่าเป็นผู้สืบสกุลท่านนบี (ซ็อล ฯ) ทั้งๆที่ท่านไม่ได้มีทายาทสืบสกุล เพราะตามความเป็นจริงแล้ว ทายาทจะต้องเป็นชาย ไม่ใช่หญิง พวกท่านเป็นบุตรหลานของบุตรีของท่าน ซึ่งบุตรีของนางย่อมไม่ใช่ทายาทของท่าน
อิมามกล่าวว่า ข้าพเจ้าวอนขอต่อท่าน ด้วยสิทธิ์แห่งการเป็นญาติ ด้วยสิทธิ์แห่งสุสานนี้ และบุคคลที่อยู่ในนั้น ให้ท่านได้ยกเลิกที่จะซักถามข้าพเจ้าในเรื่องนี้
ฮารูนกล่าวว่า ไม่ได้ ท่านจะต้องแสดงหลักฐานในเรื่องนี้ให้จงได้ โอ้บุตรของอะลี โอ้มูซาผู้เป็นผู้นำของพวกเขาและอิมามแห่งยุคของเขา อย่างที่เขาบอกมา ข้าพเจ้าจะไม่ปล่อยให้ท่านหลบหลีกหนีจากคำถามของข้าพเจ้าได้เลย จนกว่าท่านจะนำหลักฐานจากพระคัมภีร์แห่งอัลลอฮฺ พวกท่านบุตรหลานอะลี พวกท่านอ้างว่า ไม่มีแม้แต่อักษรเดียวในอัลกุรอานที่พวกท่านไม่ทราบ ไม่ว่าจะเป็นอักษร อะลิฟ หรือ วาว พวกท่านก็สามารถตีความหมายได้ โดยพวกท่านอ้างอิงหลักฐาน จากอัล-กุรอานว่า “เรามิได้ละเลยสิ่งใดในคัมภีร์นี้แม้แต่อย่างเดียว” และพวกท่านก็ไม่ยอมใช้ทัศนะและการเปรียบเทียบของเหล่านักปราชญ์
อิมามถามว่า ท่านอนุญาตให้ข้าพเจ้าตอบหรือไม่
ฮารูนตอบว่า เชิญ
อิมามกล่าวว่า ข้าพเจ้าขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้พ้นจากชัยฏอนผู้ถูกอเปหิ ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺพระผู้ทรงเมตตาและกรุณาปราณีเสมอ และจากวงศ์วานของเขานั้น มีดาวูด สุไลมาน อัยยูบ ยูซุฟ มูซา ฮารูน เช่นนั้นแหละที่เราได้ตอบแทนผู้ประพฤติความดี และซะกะรียา ยะฮฺยา อีซา อิลยาซ ทั้งมวลเป็นผู้ทรงธรรม (อัล-กุรอาน อัลอันอาม ๓๘) ใครคือบิดาของอีซา
ฮารูนตอบว่า อีซาไม่มีบิดา
อิมามกล่าวว่า ทว่าอัลลอฮฺได้ทรงจัดให้ท่านเป็นวงศ์วานแห่งเหล่าศาสดา โดยทางสายมัรยัมผู้เป็นมารดา เช่นเดียวกับที่พวกเราเป็นวงศ์วานของท่านนบี (ซ็อล ฯ) โดยทางสายฟาฏิมะฮฺมารดาของเรา จะให้ข้าพเจ้าเพิ่มเติมอีกไหม
ฮารูนกล่าวว่า เชิญ
อิมามกล่าวว่า ครั้นแล้วผู้ใดก็ตามที่โต้แย้งเธอในเรื่องของเขา (อีซา) หลังจากความรู้แจ้งได้มาถึงเธอแล้ว เธอก็จงกล่าวเถิดว่า ท่านทั้งหลายจงมาเถิด เราจะเรียกบรรดาบุตรของเรา และบรรดาบุตรของพวกท่าน บรรดาสตรีของเรา และบรรดาสตรีของพวกท่าน ตัวของเราและตัวของพวกท่าน หลังจากนั้นเรามาวอนขออย่างจริงจัง เพื่อให้การสาปแช่งของอัลลอฮฺประสบแก่บรรดาผู้กล่าวเท็จ (อัล-กุรอาน อัลอันอาม 84-85) ไม่มีผู้ใดสักคนที่อ้างว่า ตนได้รับอนุญาตให้เข้าไปในผ้าห่มนั้น นอกจากอนุญาตให้เข้าไปในพิธีสาบานกับพวกคริสเตียน นอกจากอะลี บินอะบีฏอลิบ ฟาฏิมะฮฺ อัลฮะซัน และอัลฮุเซน (อ.) มุสลิมทั้งมวลได้ลงมติกันว่า จุดประสงค์ของคำว่า บุตรของเรา ในพระโองการนั้นคือ อัลฮะซัน และ อัลฮุเซน สตรีของพวกเรา คือ ฟาฏิมะฮฺ และ ตัวของเรา คือ อะลี บินอะบีฏอลิบ
ฮารูนกล่าวว่า ดีแล้ว โอ้มูซา จงบอกความประสงค์ของท่าน
อิมามกล่าวว่า ขอให้ท่านอนุญาตให้ข้าพเจ้า ได้กลับไปสู่นครต้องห้ามแห่งท่านศาสนทูตบรรพบุรุษของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้กลับไปอยู่กับบุตรและภรรยาของข้าพเจ้า
ฮารูนกล่าวว่า เราจะคิดดูก่อน
ที่มา http://quran.al-shia.org
แสดงความเห็น