วีรกรรมอาชูรอ แยกชีอะฮฺแท้จริงออกจากชีอะฮฺเทียมเท็จ ตอนที่ 2
วีรกรรมอาชูรอ แยกชีอะฮฺแท้จริงออกจากชีอะฮฺเทียมเท็จ ตอนที่ 2
เชคมาลิกี ภักดี
มิติต่างๆ ของชีอะฮฺ
1- ชีอะฮฺในมิติทางการเมือง : ชีอะฮฺในมิติทางการเมือง คือชีอะฮฺที่เชื่อว่าอิมามอะลี (อ) เป็นผู้ที่ประเสริฐกว่าสาวกคนอื่นๆ ของศาสดามุฮัมมัด (ศ) แม้กระทั่งในบรรดาคอลีฟะฮฺทั้งสามคน และมีความเชื่อว่าในสงครามซิฟฟีน สงครามญะมัลท่านอิมามอะลี (อ) ทำสงครามกับพวกคอวาริจญ์ คือสิ่งที่อิมามอะลี (อ) ทำถูกต้อง ในประวัติศาสตร์ของอิสลามชีอะฮฺกลุ่มนี้มีอยู่มาก พวกเขาคือผู้ที่ยอมรับในการเป็นผู้นำของอะฮฺลุลบัยต์ (อ) ระบอบอิมามัตที่อยู่บนพื้นฐานศักยภาพที่อิมามอะลี (อ) มี ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของหลักความเชื่อแห่งวิลายัตจากพระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ) ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกับพี่น้องสุนนะฮฺ เนื่องจากพี่น้องสุนนะฮฺคือผู้ที่ยอมรับในระบอบคอลีฟะฮฺ
2- ชีอะฮฺในมิติแห่งความรัก:ชีอะฮฺในมิติแห่งความรัก คือชีอะฮฺที่มีความรักต่อวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) มีความรักต่ออิมามอะลี (อ) เนื่องจากพวกเขาได้รับรู้ถึงความประเสริฐต่างๆ อย่างมากมายเกี่ยวกับวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) ที่มีอยู่ในวจนะของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ซึ่งพบได้มากในผู้ที่บันทึกรายงานของพี่น้องสุนนี่ อาทิเช่น อิมามชาฟีอีย์ ที่ได้กล่าวว่า “ถ้าหากการมีความรักต่ออะลี จะเป็นเหตุให้ฉันถูกเรียกว่า รอฟีเฎาะฮฺ ดังนั้นฉันขอเป็นรอฟีเฎาะฮฺที่สุดโต่งคนหนึ่งในปวงบ่าวของพระองค์”
3- ชีอะฮฺในมิติทางศาสนา : ชีอะฮฺในมิติทางศาสนา คือชีอะฮฺที่มีความเชื่อว่าวิชาการต่างๆ ของอิสลามที่แท้จริงจะต้องได้รับมาจากวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) เท่านั้นหลังจากท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) พวกเขามีความเชื่อว่าวิชาการอิสลาม บทบัญญัติต่างๆ ส่วนบุคคล สังคม การปกครอง จำเป็นจะต้องย้อนกลับไปหาวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) ในขณะที่พวกเขาก็อยู่ภายใต้การปกครองของระบอบคอลีฟะฮฺ วงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) คือผู้ที่สามารถให้คำตอบเรื่องบทบัญญัติของพระองค์เพียงเท่านั้น
4- ชีอะฮฺในมิติทางหลักความเชื่อ (อะกีดะฮฺ) : คือบรรดาชีอะฮฺที่มีความเชื่อ (อะกีดะฮฺ) ว่า วงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) คือผู้มีอำนาจวิลายัตของพระองค์หลังจากศาสดามุฮัมมัด (ศ) และเป็นผู้นำประชาชาติอิสลามในระบอบอิมามัตหลังจากศาสดามุฮัมมัด (ศ) โดยได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากพระผู้เป็นเจ้า ผู้เป็นทายาททางสายเลือดและอุดมการณ์ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) และเป็นผู้สืบทอดอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ชีอะฮฺกลุ่มนี้มีความเชื่อเช่นนั้นตั้งแต่สมัยที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจากมีรายงานบันทึกจากอะบาน บินตัฆลิบ สาวกของท่านอิมามบากิร (อ) ว่า “ชีอะฮฺคือผู้ที่เมื่อประชาชนมีความขัดแย้งกันในเรื่องหนึ่งเรื่องใดของศาสดามุฮัมมัด (ศ) เขาจะย้อนไปหาท่านอิมามอะลี (อ) และเมื่อประชาชนมีความขัดแย้งกันในเรื่องหนึ่งเรื่องใดของอิมามอะลี (อ) เขาก็จะย้อนไปหาท่านอิมามญะอฺฟัร ซอดิก (อ)”
เมื่อมองย้อนไปในเหตุการณ์กัรบาลาอฺ ชาวกูฟะฮฺส่วนมากเป็นชีอะฮฺในมิติทางการเมืองเท่านั้น ไม่ใช่ชีอะฮฺในมิติทางหลักความเชื่อ พวกเขาเชื่อว่าอิมามอะลี (อ) คือผู้ที่ประเสริฐกว่าท่านอุษมานบินอัฟฟาน และในหมู่บรรดาสาวกคนอื่นๆ ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ตำแหน่งผู้ปกครองรัฐอิสลามคู่ควรกับอิมามอะลี (อ) ที่อยู่บนพื้นฐานของความประเสริฐและความสามารถของท่านอิมามอะลี (อ) รวมไปถึงอิมามฮูเซน (อ) ซึ่งไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการถูกแต่งตั้งจากศาสดามุฮัมมัด (ศ) แต่อย่างใด หมายถึงบรรดาสาวกของท่านศาสดาทุกคนมีความประเสริฐ แต่อิมามอะลี (อ) มีความประเสริฐ และคู่ควรแก่การเป็นผู้นำรัฐอิสลามมากกว่าสาวกคนอื่นๆ ทุกคน
ถ้าถามว่าแล้วชีอะฮฺในมิติแห่งอะกีดะฮฺมีบ้างหรือไม่ในกูฟะฮฺเวลานั้น คำตอบคือ “มี” อิบนิฮาดีด ได้บันทึกรายงานหนึ่งเอาไว้ว่า “มุอาวียะฮฺได้ส่งสาส์นไปยังผู้นำเมืองกูฟะฮฺในยุคของเขา ความว่า “ฉันขอตัดความสัมพันธ์กับผู้ที่กล่าวรายงานถึงความประเสริฐของอะบูตุรอบ (อิมามอะลี) และวงส์วานอะฮฺลุลบัยต์” หลังจากสาส์นนี้ได้ถูกประกาศไปทั่วเมืองกูฟะฮฺ ทุกๆ มิมบัรตามมัสยิดต่างๆ ได้เริ่มกล่าวสาปแช่งอิมามอะลี (อ) และวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) มุอาวียะฮฺได้ส่งคนของเขามากูฟะฮฺ ที่รู้จักชีอะฮฺในกูฟะฮฺเกือบทุกคน เขาเริ่มออกจับกุมตัวและตามล่าสังหารบรรดาชีอะฮฺในกูฟะฮฺจำนวนมาก บ้างก็อพยพหนีออกจากูฟะฮฺ กระทั่งไม่หลงเหลือผู้ที่ถูกรู้จักว่าชีอะฮฺอีกเลยในกูฟะฮฺ
บรรดาชีอะฮฺที่แท้จริงที่อยู่ในกูฟะฮฺหลายคนได้มุ่งหน้าไปหาท่านอิมามฮูเซน (อ) ทันทีเมื่อทราบข่าวว่าท่านอิมามฮูเซน (อ) ออกเดินทางจากนครมะดีนะฮฺ บางคนไปร่วมขบวนของท่านอิมามฮูเซน (อ) ณ นครมักกะฮฺ อาทิเช่น ยะซีด บินษะบีฏ อับดีย์ พร้อมบุตรชายอีกสองคน อับดุลลอฮฺ และอุบัยดัลลอฮฺ , และคนอื่นๆ อีกหลายคน บางคนเข้าร่วมขบวนของอิมามฮูเซน (อ) ระหว่างทางก่อนถึงกัรบาลาอฺ และได้ร่วมรบเคียงข้างอิมามฮูเซน (อ) กระทั่งลมหายใจสุดท้าย เป็นชะฮีดกันทุกคน
และยังมีบรรดาชีอะฮฺที่แท้จริงที่ได้เข้าไปอยู่ในทีมสังหารท่านอิมามฮูเซน (อ) แต่ต่อมากลายเป็นกองกำลังพลของอิมามฮูเซน (อ) ในแผ่นดินกัรบาลาอฺ อาทิเช่น ท่านฮุร จากแม่ทัพของอิบนิซิยาดทหารของยะซีด กลายเป็นชะฮีดคนแรกในกัรบาลาอฺ และยังมีท่านสะอฺด์ บินฮาริษ อันศอรีย์ , อะบูลฮะตูฟ บินฮาริษ อันศอรีย์ ที่ในวันอาชูรอเมื่อบรรดาชายชาตรีแห่งนักรบได้ถูกสังหารไม่เหลือแม้คนเดียว เขาทั้งสองได้ยินเสียงของความช่วยเหลือจากอิมามฮูเซน (อ) และเสียงเด็กๆ และสตรีที่ดังขึ้นระงม เขาได้ออกจากทัพของอิบนิซิยาด และเข้าปกป้องลูกหลานบะนีฮาชิม กระทั่งได้รับชะฮีดทั้งสองคน
พวกเขาเหล่านั้นคือบรรดาชีอะฮฺที่แท้จริงของท่านอิมามฮูเซน (อ) ชีอะฮฺในมิติแห่งอะกีดะฮฺชีอะฮฺที่นอกจากไม่มีส่วนร่วมในการสังหารท่านอิมามฮูเซน (อ) แล้ว พวกเขายังพลีร่างกายและชีวิตเพื่อปกป้องท่านอิมามฮูเซน (อ) และเหล่าลูกหลานบะนีฮาชิมด้วย เหตุการณ์วันอาชูรอในกัรบาลาอฺ จึงเป็นการแยกชีอะฮฺที่แท้จริงออกจากชีอะฮฺเทียมเท็จ แยกชีอะฮฺอะลี ออกจากชีอะฮฺอะบูซุฟยาน
ชีอะฮฺที่แท้จริง คือบุคคลที่มีความรักต่อวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) ที่อยู่บนพื้นฐานของการปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อแม้ ดังนั้นใครก็ตามที่อ้างว่าเขาคือชีอะฮฺ มีความรักต่อวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) แต่หากพวกเขาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอะฮฺลุลบัยต์ (อ) โดยดุษณีแล้วไซร้ เขาไม่ได้ถูกเรียกว่าชีอะฮฺที่แท้จริง เป็นเพียงชีอะฮฺแค่นามเท่านั้น ในทางกลับกันบุคคใดก็ตามที่ไม่ใช่ชีอะฮฺ
แต่เมื่อได้พบกับสัจธรรมเขาได้กลายเป็นผู้ที่รักในวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) และปฏิบัติตามโดยดุษณี เขาคือชีอะฮฺที่แท้จริงเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ผู้ที่อยู่เคียงข้างอิมามฮูเซน (อ) ในวันอาชูรอจนลมหายใจสุดท้าย คือชีอะฮฺที่แท้จริง และผู้ที่ร่วมกันสังหารอิมามฮูเซน (อ) คือศัตรูของวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) พวกเขาไม่ใช่ชีอะฮฺ สรุป ผู้ที่เข้าร่วมสังหารอิมามฮูเซน (อ) ในวันอาชูรอ ณ แผ่นดินกัรบาลาอฺปีฮ.ศ. 61 ไม่ใช่ชีอะฮฺ และพวกเขาคือศัตรูที่ชั่วช้าที่สุดของชีอะฮฺและวงศ์วานอะฮฺลุลบัยต์ (อ) และใช่ชีอะฮฺ แต่เป็นชีอะฮฺ (ผู้ปฏิบัติตาม) อุดมการณ์ของอะบูซุฟยาน บะนีอุมัยยะฮฺ
แสดงความเห็น