สาส์นฮัจญ์ ฮศ1434 โดยผู้นำสูงสุดอิมามคอเมเนอี

สาส์นฮัจญ์ ฮิจเราะฮ์ศักราช1434 โดย ซัยยิดอะลี คอเมเนอี ยังบรรดาผู้แสวงบุญ ณ นครมักกะฮ์

 

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงกรุณาปรานียิ่งเสมอ

มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์แด่พระผู้อภิบาลแห่งสากลจักวาล และขอการประสิทธ์ประสาทพรและความสันติพึงมีแด่ผู้เป็นนายแห่งบรรดาศาสดาและศาสนทูตทั้งหลาย ตลอดจนบรรดาวงศ์วานผู้บริสุทธิ์ของท่าน (อ)

บัดนี้เทศกาลพิธีฮัจญ์ได้มาถึงแล้ว นับว่าเป็นอีดเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ของประชาชาติอิสลาม  และเป็นโอกาสสำคัญ ที่มีวันต่างๆอันทรงคุณค่าในทุกๆปีสำหรับบรรดามุสลิมทั่วโลก ถือว่า เป็นยาอายุวัฒนะแห่งปาฏิหาริย์ ถ้าหากว่า รู้จักในคุณค่าของมันสามารถที่จะใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง  ซึ่งจะทำให้ผลกระทบและภยันตรายที่จะเกิดขึ้นในโลกนี้นั้นถูกขจัดให้หมดสิ้นไป

ฮัจญ์ คือ ตาน้ำที่พุ่งขึ้นอยู่ตลอดเวลาแห่งพระผู้เป็นเจ้า พวกท่านทั้งหลาย ทุกๆคนที่ได้รับเกียรติมาร่วมกันในการประกอบพิธีฮัจญ์ครั้งนี้  บัดนี้ ท่านได้ก้าวเข้ามาในการประกอบพิธีด้วยความบริสุทธิ์ของหัวใจเพื่อทำการชำระล้างที่เต็มเปี่ยมไปด้วย จิตวิญญาณและหัวใจของพวกท่านให้สะอาดบริสุทธ์  เพราะฉะนั้น พวกท่านจะต้องเก็บเกี่ยวและสะสมไว้ตลอดอายุขัยต์ของท่าน จากบ่อเกิดแห่งความเมตตา เกียรติและพลานุภาพแห่งพระผู้เป็นเจ้า

การนอบน้อมและการศิโรราบต่อพระองค์ พระผู้ทรงเมตตา  ถือว่าเป็นการยอมรับผิดชอบต่อหน้าที่ต่างๆที่พระองค์ทรงประทานให้กับบรรดามุสลิมทั้งหลาย

ความกระตือรือร้นและการเคลื่อนไหวและการปฏิบัติในการงานทั้งทางศาสนาและทางโลก การมีความเมตตาและให้อภัยแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลาย ความกล้าหาญและการเชื่อมั่นในตนเอง ขณะที่เผชิญกับอุปสรรคต่างๆที่ยากที่จะแก้ไขได้ การมีความหวังในการช่วยเหลือของพระผู้เป็นเจ้า ในทุกๆที่และทุกสิ่งทุกอย่าง สรุปอย่างสั้น ก็คือ การสร้างตัวตนของมนุษย์ในสภาพที่เขานั้นเป็นมุสลิม จากการอบรมสั่งสอนแห่งพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อพวกท่านทั้งหลายเป็นอย่างมาก สำหรับตัวของพวกท่านเองและเมื่อได้ประดับประดาด้วยเครื่องประดับเหล่านี้ และใช้ประโยชน์จากการเก็บเตรียมสะเบียงที่ได้สะสมไว้นี้ เพื่อประเทศของท่านและท้ายที่สุดเป็นของฝากสำหรับประชาชาติอิสลามด้วยเช่นเดียวกัน

วันนี้ ประชาชาติอิสลามมีความต้องการมนุษย์ที่มีความคิด การกระทำที่อยู่เคียงข้างกับความศรัทธาและความบริสุทธิ์ใจมากกว่าสิ่งอื่นใด และการยืนหยัดต่อหน้าบรรดาศัตรูที่มีเจตนาร้าย ควบคู่กับการพัฒนาการทางจิตวิญญาณ และนี่คือ วิถีทางเดียว ที่จะพาประชาคมอิสลามให้หลุดพ้นจากปัญหาต่างที่รุมเร้าไม่ว่าจะเปิดเผยด้วยน้ำมือของศัตรูหรือทำให้การตัดสินใจและความศรัทธาอีกทั้งความรู้แจ้งเห็นชัดของบรรดามุสลิมทั้งหลายนั้นมีความอ่อนแอลง ในระยะเวลาที่ยาวนานมาแล้วก็ตาม

ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า ยุคสมัยนี้ เป็นยุคสมัยแห่งการตื่นตัวของบรรดามุสลิม และการค้นพบตัวตนของพวกเขา ซึ่งในความจริงนี้ สิ่งนี้เป็นอุปสรรคหนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศมุสลิมทั้งหลาย และสิ่งที่ถูกต้องที่สุดในเงื่อนไขอันนี้ ก็คือ การตัดสินใจและความปรารถนาจะต้องพึ่งพาต่อความศรัทธาและความไว้วางใจต่อพระองค์และความรู้แจ้งเห็นชัด อีกทั้งการบริหารจัดการ ซึ่งจะสามารถทำให้ประเทศของมุสลิมทั้งหลายนั้นได้รับชัยชนะและมีความภาคภูมิใจ และศักดิ์ศรีและเกียรติยศของพวกเขาก็จะถูกบันทึกไว้ในชะตากรรมของพวกเขา

ฝ่ายตรงข้ามกับการตื่นตัวและศักดิ์ศรีของชาวมุสลิมก็ไม่อาจต้านทานและทนต่อการต่อต้านนี้ได้ ไม่ว่า พวกเขาจะใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นสื่อในการโจมตีก็ตาม เช่น อาวุธยุทโธปกรณ์ทางด้านความปลอดภัย จิตวิทยา ทางทหาร เศรษกิจ และการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อใช้ในการปราบปรามชาวมุสลิมทั้งหลาย

หากว่ามองดูในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเอเซียตะวันตก ในประเทศปากีสถาน อัฟฆานิสถาน จนกระทั่งประเทศซีเรีย อิรัก และปาเลสไตน์ และประเทศต่างๆใน แถบตะวันออกกลาง และเช่นเดียวกันในประเทศต่างๆแถบแอฟริกาเหนือ เช่น ลิเบีย อียิปต์ และตูนิเซีย จนถึง ประเทศซูดาน และในบางประเทศที่อยู่ใกล้กัน จะเห็นในความเป็นจริงมากมายที่เกิดขึ้นกับพวกเขาเหล่านั้น

การดำรงอยู่ของสงครามกลางเมือง ความอคติทางศาสนาและนิกาย ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง การเกิดขึ้นของกลุ่มก่อการร้ายที่โหดเหี้ยมอำมหิต การเกิดขึ้นของกลุ่มที่นิยมความรุนแรงโดยใช้ความป่าเถื่อนของบรรพชนในประวัติศาสตร์ พวกเขาทำการผ่าท้องมนุษย์ผู้บริสุทธิ์และควักกินหัวใจของเขาอย่างกระหาย การเกิดขึ้นของกลุ่มติดอาวุธที่สังหารเด็กและสตรี และตัวศรีษะของบุรุษและละเมิดสิทธิทางเพศกับบรรดาสตรีผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย แม้ว่า  ในบางกรณี พวกเขาได้ก่ออาชญกรรมที่น่าอัปอายที่สุด โดยการใช้ชื่อและอยู่ภายใต้ธงชัยแห่งอิสลาม ทั้งหมดนั้นล้วนเกิดจากแผนการร้ายของซาตานและบรรดาพวกชาติมหาอำนาจที่ได้รับมาจากหน่วยข่าวกรองฝ่ายต่างประเทศของพวกเขาที่กระจัดกระจายในภูมิภาคนี้ เพื่อหาโอกาสที่เหมาะสมในสร้างสถานการณ์ต่างๆ และพวกเขาจะทำให้ประเทศต่างๆนั้นตกอยู่ในความมืดบอด และแน่นอนที่สุด เป็นไปไม่ได้อย่างที่คาดหวัง โดยที่ประเทศมุสลิมทั้งหลายเมื่อปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกทางวัตถุแล้วก็จะไม่บรรลุในการพัฒนาทางด้านจิตวิญญาณ และด้วยกับการตื่นตัวและการค้นพบตัวตนของบรรดามุสลิมทั้งหลาย จะนำมาสู่ความปลอดภัยและความสุขสบายและการเจริญก้าวหน้าทางวิชาการและการมีอำนาจเหนือชาติมหาอำนาจ สถานการณ์ที่ยุ่งยากเช่นนี้จะเป็นสาเหตุให้การตื่นตัวของอิสลามไม่รุดหน้าและประชาชาติอิสลามจะตกต่ำและปัญหาหลักที่สำคัญเช่น การปลดปล่อยปาเลสไตน์และประชาชาติอิสลามที่ถูกชาติมหาอำนาจและยิวไซออนิสต์เข้าครอบงำ ก็จะถูกลืมเลือนไป

จึงสามารถสรุปได้ว่า วิธีการรักษาหลัก และถือว่าเป็นกุญแจสำคัญก็คือ สองประโยคดังนี้ซึ่งเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่าในการประกอบพิธีฮัจญ์

หนึ่ง : การสร้างเอกภาพและความเป็นพี่น้องกันของประชาชาติมุสลิม ภายใต้อาภรณ์แห่งหลักเอกภาพ (เตาฮีด)

สอง :  การรู้จักศัตรูและวิธีการป้องกันและต่อสู้ในแผนการร้ายของพวกมัน

การสร้างความเข้มแข็งของจิตวิญญาณแห่งความเป็นพี่น้องกันและมีหัวใจเดียวกัน คือ บทเรียนอันยิ่งใหญ่ของฮัจญ์ ในสถานที่แห่งนี้ แม้แต่การถกเถียงและการทะเลาะแบะแว้ง ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม

การสวมใส่อาภรณ์ที่เหมือนกันและการปฏิบัติอะมั้ลและการเดินทางอีกทั้งการกระทำที่เต็มไปด้วยความเมตตากรุณา บ่งบอกถึงความเสมอภาคและความเป็นพี่น้องกัน ต่อผู้ที่มีความศรัทธาในหลักเตาฮีดด้วยเหมือนกัน และนี้เป็นคำตอบที่ชัดเจนของอิสลามที่มีต่อความคิดที่กล่าวว่ามุสลิมกลุ่มหนึ่งพวกเขามีความศรัทธาในอาคารวิหารกะอ์บะและหลักเอกภาพนั้นออกห่างจากอิสลาม และนี่คือองค์ประกอบของกลุ่มตักฟีรีที่เป็นหุ่นเชิดของขบวนการยิวไซออนิสต์และได้รับการสนับสนุนจากชาติมหาอำนาจตะวันตก ซึ่งมีส่วนร่วมในการก่ออาชญกรรมและการหลั่งเลือดบรรดามุสลิมและผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย และเป็นผู้ที่อ้างว่ามีศาสนาและสวมเสื้อผ้าแห่งนักการศาสนาแต่สร้างความแตกแยกระหว่างชีอะฮ์และซุนนี จงรู้ไว้เถิดว่า การประกอบพีธีฮัจญ์จะทำลายการเรียกร้องและการแอบอ้างของพวกเขาให้หมดสิ้นไป

ข้าพเจ้าเหมือนกับส่วนมากของบรรดานักวิชาการอิสลามและผู้ที่มีหัวใจเลื่อมใสในประชาชาติอิสลาม ขอประกาศอีกครั้งว่า ทุกถ้อยคำและการกระทำที่เป็นเหตุให้มีการแตกแยกระหว่างบรรดามุสลิมด้วยกัน และการดูถูกเหยียดหยามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในทุกมัซฮับนิกายหรือการตักฟีร(ปฏิเสธ) หนึ่งในมัซฮับทั้งหลายของอิสลาม  คือ การรับใช้ผู้ปฏิเสธและพวกตั้งภาคีและทรยศต่ออิสลามและถือว่า เป็นฮะรอมชัรอีย์(สิ่งต้องห้ามตามศาสนบัญญัติ)

การรู้จักศัตรูและวิธีการป้องกันจากการโจมตีของพวกมัน คือ ปัจจัยที่สำคัญที่สอง

อันดับแรก : จะต้องไม่ลืมว่าเรามีศัตรูที่ร้ายกาจอยู่ และการขว้างปาหินญะมะรอตในฮัจญ์นั้น เป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ของบรรดาศัตรูเหล่านั้น

อันดับที่สอง : จะต้องไม่มีการผิดพลาดในการรู้จักศัตรูที่แท้จริง นั่นก็คือ บรรดาชาติมหาอำนาจและเครือข่ายอาชญากรรมของยิวไซออนิสต์

อันดับที่สาม:  วิธีการต่างๆของศัตรูก็คือ การสร้างความแตกแยกกันระหว่างมุสลิมด้วยกัน อีกทั้งการสร้างความเสียหายทางการเมืองและศีลธรรม การข่มขู่และการละโมภ การกดดันทางเศรษกิจ การสร้างความคลุมเครือในหลักศรัทธาของอิสลาม ดังนั้น เราจะต้องแยกแยะให้ถูกต้องถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้โดยใช้วิธีการดังกล่าว

ประเทศชาติมหาอำนาจอย่างอเมริกา พวกเขาใช้สื่อสารมวลชนในการกระจายข่าวและการโฆษณาชวนเชื่อ แต่กับปกปิดตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา โดยอ้างว่า พวกเขาคือผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย การกระทำที่หลอกลวงของพวกเขาที่มีต่อความคิดเห็นของประชาชนทั้งหลาย พวกเขาอ้างถึงสิทธิมนุษยชน แต่ทว่าประเทศอิสลามเกือบทุกวันที่มีมากกว่าในอดีตได้สัมผัสถึงไฟแห่งการสร้างความแตกแยกด้วยกายและใจ

หากมองไปในประชาชนที่ถูกกดขี่ ชาวปาเลสไตน์ ที่ผ่านมาเกือบศตวรรษแล้ว ที่พวกเขาได้สัมผัสถึงความเจ็บปวดด้วยกับอาชญากรรมของขบวนการยิวไซออนิสส์ หรือในประเทศอัฟฆานิสถานและปากีสถานและอิรักที่เป็นสถานที่การก่อการร้ายของชาติมหาอำนาจ และสมุนทาสรับใช้ในภูมิภาคนี้ได้ทำให้ประชาชนนั้นตกอยู่ในความขื่นขม หรือในประเทศซีเรีย ที่เป็นผู้ต้องหากรณีที่ต่อต้านยิวไซออนิสต์ เป็นสาเหตุทำให้เกิดสงครามนองเลือดกลางเมือง หรือ ในประเทศบะห์เรน หรือพม่า ซึ่งทั้งสองประเทศ มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือ บรรดามุสลิมนั้นได้รับความทุกข์ยากลำบากและถูกหลงลืมจากสังคม ส่วนบรรดาศัตรูกับได้รับการสนับสนุนจากชาติมหาอำนาจ หรือในประเทศต่างๆที่ได้รับการข่มขู่อย่างต่อเนื่องโดยการโจมตีทางทหารหรือคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ หรือไร้ความปลอดภัยในระหว่างประเทศ ดังนั้น จะต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของชาติมหาอำนาจ ผู้สวาปามให้โลกได้ประจักษ์เห็นชัด

บรรดานักวิชาการ ทางการเมือง วัฒนธรรมและศาสนาต่างๆ ทั่วโลก จะต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงเหล่านี้ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบที่เป็นหน้าที่ทางศีลธรรมและศาสนาของพวกเราทุกๆคน

และในประเทศแถบแอฟริกาเหนือ ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ปัจจุบันนี้ เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในประเทศและเป็นหน้าที่ที่สำคัญของพวกเขาก็คือ การรู้จักศัตรูและวิธีการป้องกันจากการโจมตีของพวกมัน และการไม่ยุติความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชนต่างๆก็จะเป็นปัญหาในประเทศอีกทั้งเป็นปัญหาใหญ่ที่มีผลกระทบก่อความเสียหายต่อประชาชาติอิสลาม ซึ่งไม่อาจที่จะชดเชยได้

แน่นอนที่สุด พวกเราไม่มีข้อสงสัยใดทั้งสิ้น ที่ประเทศต่างๆลุกขึ้นจากการตื่นตัวแห่งอิสลามด้วยกับการอนุมัติแห่งพระเจ้า เราจะไม่ปล่อยให้เข็มเวลาหมุนย้อนกลับไป และยุคของการปกครองโดยผู้ปกครองที่ฉ้อฉลและเผด็จการจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก แต่อย่าได้ละเลยจากแผนการต่างๆของชาติมหาอำนาจในการสร้างความแตกแยก ซึ่งจะทำให้ยุคสมัยแห่งความปลอดภัยและความสะดวกสบายมีความล่าช้าไป

เรามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ด้วยกับความสามารถของประชาชาติทั้งหลายและอำนาจแห่งพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อการตัดสินใจและความศรัทธาและการรู้แจ้งชัดของพวกเขาส่วนมาก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราได้พบเห็นมาแล้วมากว่าสามสิบปีด้วยกัน ในรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน และเป็นความพียรพยายามของเราในการเชิญชวนประชาชาติอิสลามทั้งหลายมาสู่ประสบการณ์ที่ได้รับความภาคภูมิใจนี้อย่างเป็นพี่น้องกัน

ขอวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้สภาพของมุสลิมนั้นดีขึ้นและทรงขจัดแผนการร้ายของบรรดาศัตรูให้พินาศด้วยเถิดเและขอให้การประกอบพิธีฮัจญ์เป็นที่ยอมรับ ณ พระองค์ และความปลอดภัยทางร่างกายและจิตวิญญาณและเป็นเสบียงในพัฒนาทางจิตวิญญาณสำหรับพวกท่าน ฮุจญาต บัยตุลลอฮ์ อัลฮะรอม

วัสลามุอะลัยกุม วะเราะฮ์มาตุลลอฮ์

ซัยยิด อะลี คอเมเนอี

5ซุลฮิจญะฮ์ 1434

 

แสดงความเห็น