แมลคัม เอ็กซ์ กับ อิสลาม
อิทธิพลของอิสลามต่อความคิดของ Malcolm X
สิทธิเสรีภาพ คือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต่างเรียกร้อง และไม่ต้องการให้ใครมาลดอำนาจ หรือความมีสิทธิของตน แต่ก็ยังมีชนอีกหลายกลุ่มที่ต่างถือว่าตนเองดีกว่าผู้อื่น และเป็นชนชาติที่ดีที่สุด จึงได้กระทำการต่อผู้ที่มิใช่เชื้อสายของตนอย่างไม่เหมาะสม ในขณะที่มีการเรียกร้องสิทธิของตนเอง กลับเป็นผู้ทำลายสิทธิของผู้อื่น อย่างไม่น่าให้อภัย ปัจจุบันเราจะเห็นได้ ว่ามีนักเรียกร้องเพื่อสิทธิเสรีภาพลุกขึ้นมาต่อสู้ ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า โลกของเรายังมีความไม่เท่าเทียมให้เห็นกันอยู่มากมาย
[Malcolm X ] แมลคัม เอ็กซ์ ( Malcolm X ) หรือ อัล-ฮัจญ์ มาลิก เอล-ชาบาซ (Al-Hajj Malik Al-Shabazz ) เป็นนักพูด นักรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิมและชาวอเมริกันผิวดำ เกิดเมื่อ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1925 ที่เมือง Omaha Nebraska ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาได้ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของคนผิวดำที่มักถูกเอารัดเอาเปรียบจากชนผิวขาว Malcolm X เป็นหนึ่งในชาวแอฟริกาซึ่งเกิดมาในครอบครัวที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตน อิทธิพลมากมายได้ส่งผลให้ชีวิตเขาเปลี่ยนแปลงไปหลายต่อหลายครั้ง ในวัยเด็กเขาถือเป็นนักเรียนคนเก่งที่ติดอันดับของห้อง แต่เป็นที่น่าเสียดายยิ่ง ในปี 1940 เขาต้องออกจากโรงเรียนในขณะที่มีอายุได้ 15 ปี ส่งผลให้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างเร่ร่อน จากชีวิตที่เลวร้าย ทำให้เขาต้องถูกจำคุก ด้วยคดีอาชญากรรม เป็นเวลากว่า 6 ปี และในที่นี้เองทำให้ เขาได้รู้จักกับ อิสลามเป็นครั้งแรก ในนามของ Nation of Islam นับเป็นช่วงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในอีกรูปแบบหนึ่ง
Nation of Islam (NOI) [Flog of the Nation of Islam] เป็นการรวมกลุ่มกันของมุสลิมผิวดำในอเมริกา[1] เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 (ค.ศ.1930) โดย Wallace Fard Muhammad ซึ่งมีแนวความคิดแตกต่างไปจากอิสลามโดยทั่วไป แนวความที่ว่านี้มีความเชื่อที่นับถือกันมา 3 ประการ คือ 1) นับถืออัลลอฮ์ (มหาบริสุทธ์แด่พระองค์) เป็นพระเจ้า 2) ถือว่าชนผิวขาวคือสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย และเรียกคนนิโกรว่า “ชาวเอเชียผิวดำ” 3) ถือว่าคนผิวดำคือชนชาติที่ดีที่สุด เหล่านี้ล้วนเป็น อิสลามในแบบฉบับของคนผิวดำ (NOI) ที่ไม่มีในหลักคำสอนของอิสลาม อิสลามกลุ่มนี้ไม่ยอมรับให้คนผิวขาวเข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มและ เกลียดคนผิวขาวในอเมริกาเป็นอย่างมาก Malcolm X เริ่มเรียนรู้อิสลามในขณะถูกจองจำ และได้กลายเป็นหัวหน้ากลุ่มในเวลาต่อมา เขาเป็นคนที่ยืนหยัดอยู่บนความคิดที่แบ่งแยกชนผิวดำกับชนผิวขาวอย่างแข็งกล้า โดยไม่มีใครคิดว่าในเวลาต่อมาจะมีอิทธิพล ใดๆมาเปลี่ยนแปลงความคิดของเขาได้
1964 Malcolm X มีโอกาสเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครมักกะห์ (เมกกะ) ประเทศซาอุดิอาระเบีย (เป็นสิ่งจำเป็นที่มุสลิมต้องไปปฏิบัติศาสนกิจที่นั้น หากมีความสามารถทั้งไปและกลับโดยไม่เดือดร้อน) การเดินทางในครั้งนี้ส่งผลให้เขาเริ่มเปลี่ยนแปลงความเชื่อเดิมที่เขาและเพื่อนได้ยืนหยัดกันมา ณ ที่นั่น ทำให้เขา ได้เรียนรู้อิสลามที่แท้จริง ทำให้เขาเข้าใจอิสลามมากขึ้นว่า อิสลามเป็นศาสนาของคนทั้งโลก อิสลามไม่มีการแบ่งแยกสีผิวหรือเชื้อชาติใดๆ อิสลามถือว่ามนุษย์ทุกคนเป็นพี่น้องกัน ณ ที่อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา (มหาบริสุทธ์จงมีแด่พระองค์) มาตรฐานวัดระดับคนของอิสลามจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับเปลือกนอกที่ห่อหุ้มร่างกาย หากแต่คือเนื้อแท้ คือจิตใจของแต่ละบุคคล ดังหลักฐานจากพระคัมภีร์ที่ว่า [Qur'an]
"โอ้บรรดามนุษย์ทั้งหลาย แน่แท้เราได้สร้างพวกเจ้าจากเพศชายและเพศหญิง และเราได้ทำให้เจ้าเป็นพวกเป็นเหล่า เพื่อจะได้ทำความรู้จักกัน แน่นอนผู้ที่ประเสริฐสุดจากพวกเจ้าสำหรับอัลลอฮนั้นก็คือผู้ที่เกรงกลัวพระองค์” อัลหุญุร็อต 49:13
ด้วยความเมตตาของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา (มหาบริสุทธ์จงมีแด่พระองค์) ทำให้ Malcolm X เปลี่ยนแปลงตัวเองไปบนเส้นทางแห่งอิสลามที่แท้จริง การใช้ชีวิตในห้วงเวลาของการปฏิบัติศาสนกิจ ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่า แท้จริงสิ่งที่กลุ่มของเขาเชื่อถือกันมาตลอดนั้นเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความจริงที่อิสลามสอน อิสลามไม่เคยสอนให้มีการแบ่งพรรค แบ่งพวกหรือนับถือชาติกำเนิดของตน อิสลามคือศาสนาที่ทำให้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกัน แตกต่างจากสังคมที่เขาได้สัมผัสมาตลอดชีวิต ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าตนเองดีที่สุด และผลักใสคนที่แตกต่างจากตน หลังจากเดินทางกลับจากการปฏิบัติศาสนกิจนี้ Malcolm X ได้พยายามเปลี่ยนแปลงความคิดของคนผิวดำให้ยอมรับถึงความเท่าเทียมกันในอิสลาม เขาสอนให้เรียนรู้การใช้ชีวิตในมิติของอิสลาม ที่มีการผสมผสานระหว่างการเมือง เศรษฐกิจ ความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ ทุกอย่างล้วนไปด้วยกันได้บนรากฐานของความเป็นอิสลาม
แม้ว่าแนวทางในการนับถือศาสนาของเขาเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งหนึ่งที่เขายังคงเหมือนเดิม นั้นก็คือการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมกันของมนุษย์ สิ่งที่เขาเรียกร้องส่งผลให้เขากลายเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในอเมริกาช่วง 1960s เขาได้พยายามจะเปลี่ยนอเมริกากับความคิดเหยียดสีผิวสู่ความเท่าเทียมกัน และผลงานชิ้นสำคัญที่เขาได้สร้างไว้ให้กับคนผิวดำ คือ The Ballot or the Bullet Speech (April 3rd 1964) เป็นการปราศรัยที่เรียกร้องความเท่าเทียมกันระหว่างคนผิวขาวและคนผิวดำ
[malcolm X ขณะปราศรัย] โดยมีประเด็นสำคัญคือการเรียกร้องให้คนผิวดำมีสิทธิทางการเมืองในการออกเสียงเลือกตั้งเช่นเดียวกับที่คนผิวขาวมีสิทธิ และไม่ว่าผู้ใดจะนับถือศาสนาอะไร สีผิวใด ก็ขอให้ลืมในเรื่องของความแตกต่าง ให้ถือว่าทุกคนเป็นพลเมืองเหมือนกัน มีสิทธิเสรีภาพทางด้านความคิดเหมือนกัน การเรียกร้องในครั้งนี้นับเป็นการท้าทายต่อชาวอเมริกันผิวขาวเป็นอย่างมาก เพราะเขาได้มอบสองทางเลือกแก่คนผิวขาวคือ จะให้พวกเขาใช้สิทธิในการเลือกตั้งเพื่อแสดงถึงความเท่าเทียมกัน หรือ จะเลือกให้พวกเขาใช้อาวุธในการเรียกร้องเสรีภาพในครั้งนี้
Malcolm X ได้กลายเป็นวีรบุรุษที่สร้างผลงานอันโดดเด่นให้กับผู้คนในศตวรรษที่ 20 ได้กระจ่างว่า มนุษย์ไม่ว่าจะเกิดมาจากชนกลุ่มใด มีสีผิวต่างกันหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันนั้นก็คือ สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคในการดำรงชีวิต ดั่งที่อิสลามได้มอบให้กับทุกชีวิต แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าเขามีโอกาสเรียกร้องในสิ่งเขาปรารถนาได้เพียงไม่นาน เพราะหลังจากที่เขาเริ่มเปลี่ยนแปลงความคิดไปจากแนวคิดของกลุ่ม Nation of Islam ปรากฏการณ์ใหม่ที่เขาพยายามสร้างนั้นไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในหมู่ชนกลุ่ม Nation of Islam เท่าใดนัก จนสุดท้ายเขาต้องถูกลอบสังหาร (ปี 1965) ด้วยน้ำมือของคนในกลุ่มเดียวกันที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้น
Malcolm X นับเป็นคนผิวดำในอเมริกาคนแรกที่หันมานับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนนี่ แม้ว่าเขาไม่อาจมีชีวิตอยู่เพื่อมองความสำเร็จของตัวเอง แต่ผลงานของเขาก็ทำให้คนทั้วโลกต่างชื่นชมและพร้อมที่จะยกให้เขาเป็นคนอเมริกันผิวดำที่มีอิทธิพลต่อโลกในศตวรรษที่ 20 อย่างน่าภาคภูมิใจ
เรื่องราวของ Malcolm X ได้ถูกถ่ายทอดให้เป็นภาพยนตร์ [ปกภาพยนตร์เรื่อง Malcolm X] ซึ่งกำกับโดย Spike Lee มี Denzel Washington รับบทเป็น Malcolm X ซึ่งออกฉายครั้งแรกเมื่อ 18 พฤศจิกายน 1992 โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวถึงถึงชีวประวัติและ เหตุการณ์สำคัญในชีวิตของ Malcolm X ได้แก่ การเข้ารับอิสลาม การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ การต่อต้านเพื่อการแบ่งแยกสีผิว จนกระทั่ง Malcolm X เสียชีวิตด้วยการถูกสังหารในปี 1965
[Denzel Washington ผู้แสดงเป็น Malcolm X] นอกจากนี้ในปี 2010 หอสมุดครองเกสแห่งสหรัฐอเมริกา ได้คัดเลือกให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ควรแก่การจัดแสดงเพื่อถ่ายทอดถึงเรื่องราวทางด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และคุณค่าแห่งสุนทรียภาพ ให้แก่ชาวอเมริกันได้ศึกษาอีกด้วย
[1] มุสลิมได้ย่างเท้าเข้าสู่ดินแดนอเมริกาประมาณ 7 ศตวรรษก่อนการค้นพบทวีปอเมริกาของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส แต่ได้เริ่มอพยพเขามาประมาณปี 1619s ในฐานะผู้เป็นทาส และในศตวรรษที่ 20 มุสลิมในอเมริกาได้เพิ่มเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้นโดยเริ่มมีบทบาทและการงานที่ดีกว่าเดิม
ที่มา http://www.islammore.com
แสดงความเห็น