เมื่อคำพูดของ ดร. อัลญะซาอิรีย์ ทำให้อายาตุลเลาะฮ์ ของชีอะฮ์จนมุมต้องหนี
เมื่อคำพูดของ ดร. อัลญะซาอิรีย์ ทำให้อายาตุลเลาะฮ์ของชีอะฮ์จนมุมต้องหนี
ณ มัสยิดุลนบีในเทศกาลฮัจญ์ครั้งหนึ่ง
ดร.อะบูบักร์ อัลญะซาอิรีย์ เจ้าของหนังสือ هذه نصيحتي الي كل شيعي (นี่คือคำตักเตือนของฉันยังชีอะฮ์ทั้งหลาย) ซึ่งเป็นนักพูดที่โด่งดังและช่ำชองคนหนึ่ง ในขณะที่กำลังสั่งสอนนักศึกษาจำนวนมากเขาได้กล่าวประณาม ชีอะฮ์ ว่าเป็น กาฟิร เพราะเหตุที่ชีอะฮ์มีความเชื่อว่า “แท้จริงแล้วหลุมฝังศพของท่านนบีนั้นประเสริฐกว่า บัยตุลเลาะฮ์” พร้อมกับชี้ไปทางหลุมศพท่านนบีและกล่าวว่า “มันมีอะไรหรือที่นั่น ที่นั่นมันดียังไงถึงได้ไม่ละทิ้งมัน พวกนี้มันเชื่อในเรื่อง ความเป็นสิริมงคล (ตะบัรรุก) ซึ่งเป็น ชีริก ”
ในขณะนั้นเองหนึ่งในบรรดานักเรียนที่กำลังนั่งเรียนอยู่ด้วย ก็คือ ญะวาด มัรวี ผู้รู้ที่ไม่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของชีอะฮ์ ซึ่งอยู่ในระดับ อายาตุลเลาะฮ์ ก็ได้เกิดการโต้เถียงกันขึ้นในเรื่องความสูงส่งของ กุบูรท่านนบี ถกไปถกมาหาข้อยุติไม่ได้จนสุดท้าย อายาตุลเลาะฮ์ มัรวี ผู้รู้ชีอะฮ์ จึงได้กล่าวกับ ดร.อัลญะซาอิรีย์ ผู้เป็นอุลามาอ์ของฝ่ายวะฮาบีว่า : -
“ถ้าเช่นนั้นเรื่องนี้ผมขอกลับไปถามผู้รู้ของผมก่อน”
เมื่อ ได้ยินดังนั้น ดร.อัลญะซาอิรีย์ ก็หน้าชื่นตาบานขึ้นมาทันที เพราะคำพูดว่า “ต้องกลับไปถามผู้รู้” จากปากอุลามาชีอะฮ์นั้น คือ การยอมรับในความพ่ายแพ้
อายาตุลเลาะฮ์ มัรวี จึงกล่าวว่า : “ถ้าอย่างนั้นขอถามสักคำถามหนึ่งว่า อิบนุ กอยยิม นั้นเป็นใครกันหรือ?”
ดร.อัลญะซาอิรีย์ : “อิบนุล กอยยิม คือลูกศิษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ อิบนุ ตัยมียะฮ์ ”
อายาตุลเลาะฮ์ มัรวี : “ถ้าเช่นนั้นท่านยอมรับในตัวอินุ กอยยิมรึปล่าวล่ะ?”
ดร.อัลญะซาอิรีย์ : “ใช้แล้ว”
อายาตุลเลาะฮ์ มัรวี : “ถ้าท่านอุสตาซ ยอมรับใน อิบนุ กอยยิม ถ้าเช่นนั้นผมขอย้อนกลับไป 3 เรื่องที่เราคุยกันค้างอยู่เมื่อสักครู่นี้ คือ
เรื่องที่ 1 คือ ความประเสริฐของหลุมฝังศพท่านนบี
อิบนุ กอยยิม ได้บันทึกในหนังสือ บะดาอิ อัลฟะวาอิด (بدائع الفوائد) เล่ม3 หน้า135 ซึ่งได้รายงานเรื่องหนึ่งจาก อิบนุ อะกีล เชคแห่ง มัซฮับฮัมบาลี และ อิบนุ กอยยิม ก็ได้กล่าวยอมรับว่า อิบนุ อะกีล กล่าวถูกต้องที่สุด นั้น ก็คือ เรื่องที่มีชายคนหนึ่งถามกับ อิบนุ อะกีล ว่า :-
“ห้องของท่านศาสดา ประเสริฐกว่าหรือ กะบะฮ์ ”
อิบนุ อะกีล ก็ตอบว่า : “ถ้าหากเจ้าหมายถึงห้องว่าง ๆ เปล่า ๆ ของนบี แล้วล่ะก็ แน่นอนว่า อัลกะอฺบะฮ์นั้นย่อมประเสริฐกว่าเป็นแน่ แต่ถ้าเจ้าหมายถึง ห้องที่มีร่างของท่านศาสดาฝังอยู่ด้วย ต่อให้เป็น อะรัช ของอัลเลาะฮ์ บนสรวงสวรรค์ จักรวาลและพิภพนี้ก็ไม่สามรถนำมาเทียบเคียงกับห้องของท่านนบีได้ เพราะว่า....
" لان بالحجرة جسدا لووزن بالكونين لرجه "
.....ในนั้นมีร่าง ๆ หนึ่ง ที่ซึ่งหากนำมาเทียบกับ “ เกานัยน์ ” (ดุนยาและอาคิเราะฮ์) และทุก ๆ สรรพสิ่ง ร่าง ๆ นั้นก็ยังสูงค่ากว่า”
อิบนุ กอยยิม จึงกล่าวว่า : “เชคของเรา อิบนุ อะกีล กล่าวได้ถูกต้องและดีมาก”
1- الإمام ابن عقيل الحنبلي و ابن القيِّم الجوزية كما في بدائع الفوائد((فائدة(هل حجرة النبي أفضل أم الكعبة)قال ابن عقيل: سألني سائل أيما أفضل حجرة النبي أم الكعبة؟فقلت: إن أردت مجرد الحجرة فالكعبة أفضل ،وإن أردت وهو فيها فلا والله ولا العرش وحملته ولا جنه عدن ولا الأفلاك الدائرةلأن بالحجرة جسدا لو وزن بالكونين لرجح ))ابن القيم بدائع الفوائد ج3 ص655ونقل ابن القيِّم لها تحت عنوان (فائدة) تحت كتاب اسمه "بدائع الفوائد" وإقراره عليها يدل على أنَّه موافق لها غير منكر لها ..
อายาตุลเลาะฮ์ มัรวี จึงกล่าวกับ ดร.อัลญะซาอิรีย์ ว่า : -
يا دكتر انت تصرح ان هذه الحجرة والجسد التي فيها لايقام لها وزن ، وانت كتبت في كتابك "هذه نصيحتي الي كل شيعي" ان شيعه يحتمون بالجسد، يا دكترنحن لا نحتم بالجسد بل ابن العقيل وابن القيم احد علماءكم الكبار يقول ان جسد النبي افضل من الكونين.
“ท่านด๊อกเตอร์ ตอนนี้ท่านก็ยืนยันแล้วว่า ในห้องของนบีทีมีร่างของท่านฝังอยู่นั้นไม่มีสิ่งใดจะมาเทียบเคียงความสูงส่งได้ แต่ทำไมท่านจึงเขียนในหนังสือของท่านว่า :- พวกชีอะฮ์มัน ทำการตะบัรรุก (แสวงหาความเป็นศิริมงคล) กับศพคนตาย ”
“ท่านด๊อกเตอร์ ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกหรือที่แสวงหาความเป็นมงคลจากร่างของศาสดา (ศ็อลฯ) แต่ท่านก็คงเห็นแล้วว่าผู้รู้คนสำคัญของท่าน อย่างเช่น อิบนุ อะกีล และเสาหลักของท่านอย่าง อิบนุ กอยยิม กลับกล่าวว่า :- ร่างของท่านนบีนั้นประเสิรฐกว่าทุกสิ่งในดุนยาและอาคิเราะฮ์ – แล้วท่านจะว่าอย่างไร?”
ดร.อัลญะซาอิรีย์ - ถึงกับก้มหน้านิ่งเงียบ
ท่านอายาตุลเลาะฮ์ มัรวี จึงได้ถามว่า : - شيخنا لم لاتجيب
“โอ้ท่านเชคของเรา ทำไมถึงไม่ตอบล่ะ”
ดร.อัลญะซาอิรีย์ ก็ทำท่าทางอึกอัก ๆ ในคอและกล่าวว่า : -
“เออ คือว่า ผมยังไม่เคยอ่านหนังสือ บะดาอิ อัลฟะวาอิด เลย”
ท่าน อายาตุลเลาะฮ์ มัรวี : จึงถามกลับว่า : - هذا نقصك او نقصي
“นี่มันเป็นข้อด้อยของผมหรือของคุณกันล่ะที่ไม่เคยอ่าน ทีนี้ผมขอถามต่อนะ
เรื่องที่สอง คือท่านโจมตีเราในหนังสือท่านเรื่องการ “ ตะบัรรุก ” ว่าทำไม ชีอะฮ์ จึงทำการแสวงหาความ บะรอกัต กับชื่อของบรรดาอิมาม ทำไมถึงแสวงหาความเป็นสิริมงคลกับอาหารที่จัดเลี้ยงในวัน อาชูรอ ทั้งที่นั่นเป็น ชีริก
ในฐานะที่ท่านยอมรับใน อิบนุ กอยยิม ในหนังสือ “มะดาริญ อัล ซาลิกีน” (مدارج السالكين) เล่ม 2 หน้า168 อิบนุ กอยยิม ได้บันทึกไว้อย่างภาคภูมิใจว่า :-
“ในพิธีฝังศพของ อิบนุ ตัยมียะฮ์ ชาวเมืองดามัสกัสได้เข้าร่วมถึงห้าหมื่นคนและ
وشربوا مابقية من ماء غسله تبركا
ได้ทำการดื่มน้ำที่เหลือจากการอาบน้ำศพของ อิบนุ ตัยมียะฮ์ เพื่อเป็นสิริมงคล (ตะบัรรุก)”
โอ้ท่าน ดร.อัลญะซาอิรี ย์ น้ำที่เหลือจากการอาบน้ำศพอิบนุ ตัยมียะฮ์นั้น เอามาทำตะบัรรุกได้ แล้วทำไมการที่เรา ตะบัรรุก กับนามของลูกหลานวงศ์วานอันบริสุทธิ์ของท่านนบี จึงถือว่าเป็นชีริก กระนั้นหรือ?”
“เรื่องที่ 3 ในฐานะที่ท่านยอมรับในอิบนุ กอยยิม......
ทันใดนั้น ดร.อัลญะซาอิรีย์ ก็พูดขึ้นว่า : “ฉันไม่ได้ยอมรับ อินุ กอยยิม ไม่ใช่ทุกอย่างที่ อิบนุ กอยยิม พูดจะถูกทั้งหมด”
ท่านอายาตุลเลาะฮ์ มัรวี จึงกล่าวว่า : “ก็เมื่อตะกี้ท่านเป็นคนพูดเองว่ายอมรับใน อิบนุ กอยยิม”
ท่านอายาตุลเลาะฮ์ จึงหันไปถามสานุศิษย์ว่าใช้รึเปล่า ซึ่งทุกคนก็บอกว่าใช่
ท่านอายาตุลเลาะฮ์ มัรวี จึงกล่าวต่อว่า : -
“ฉันเข้ามานั่งเรียนกับท่านห้าคืนแล้ว ท่านจะกล่าวชื่นชมยกย่อง อิบนุ กอยยิม ทุกคืน หากท่านไม่ยอมรับในตัว อิบนุ กอยยิม มันก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ฉันยอมรับ อิบนุ กอยยิมในฐานะ ลูกศิษย์เอกของ อิบนุ ตัยมียะฮ์ ผู้เป็นเสาหลักของท่านเอง ในเมื่อศิษย์เอกบอกว่าสามารถทำการ ตะบัรรุก ได้
ดังนั้น พวกเรา ชีอะฮ์ ก็กล่าวเหมือนกันว่าสามารถทำการ ตะบัรรุก หาความเป็นสิริมงคลได้ แล้วมันจะผิดตรงไหนหรือ?? ทั้ง ๆ ที่มันก็เหมือนกัน แต่แล้วทำไมท่านจึงต้องมาทำการประณามดาทอเราด้วย”
“ต่อไปเรื่องที่สาม จะพูดหรือไม่พูดดี” ..............เสียงจากทุกคนพูดพร้อมกันว่า พูดเลย ๆ พูดมา
“เรื่องที่ 3 ท่านพูดถึง มุศฮัฟ ฟาฏิมะฮ์ (หนังสือของ ฟาฏิมะฮ์) ในหนังสือของท่านว่า : -
“การบอกเล่าในเรื่อง สิ่งเร้นลับ (เฆบ) นั้น ถือเป็นการเข้าไปร่วมรู้ในสิ่งที่เป็น “เฆบ” ซึ่งมันเป็นสิทธิจำเพาะของอัลเลาะฮ์ (ซบ.) เท่านั้น ดังนั้น การเข้าไปร่วมในสิ่งที่เป็นเฉพาะของ พระองค์ถือว่าเป็น “ชีริก ”
แต่ อิบนุ กอยยิม กล่าวในหนังสือ “มะดาริญ อัล ซาลิกีน” (مدارج السالكين) เล่ม 1 หน้า 111 ซึ่งบันทึกไว้ว่า : -
“อิบนุ ตัยมียะฮ์ ได้ทำนายอนาคตไว้หลายเหตุการณ์ด้วยกัน หนึ่งในนั้น คือ การพ่ายแพ้อย่างแน่นอนของกองทัพมองโกล เราก็ได้ถามว่าท่านรู้สิ่งนี้มาได้อย่างไร อิบนุ ตัยมียะฮ์ อก็ตอบว่า ฉันอ่านมันจาก เลาฮิลมะฮ์ฟูซ ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางใน เฆบ ของอัลเลาะฮ์ (ซบ.)”
“โอ้ท่าน ดร.อัลญะซาอิรีย์ นี่ก็ถือเป็นการร่วมรู้ใน “เฆบ ” ของอัลเลาะฮ์ (ซบ.) เช่นกันใช่หรือไม่?
โอ้ท่าน ดร.อัลญะซาอิรีย์ หากการที่ ชีอะฮ์ กล่าวว่าท่านหญิง ฟาฏิมะฮ์ และบรรดาอิมาม นั้นล่วงรู้ในสิ่งที่เป็น “เฆบ ” ด้วยการที่อัลเลาะฮ์(ซบ.) สั่งให้ มลาอิกะฮ์ ดลใจนั้นถือเป็น ชีริก รึยังไง?? ดังนั้น การอ่านเองโดยตรงจาก “ เลาฮิลมะฮ์ฟูซ ” ของ อิบนุ ตัยมียะฮ์ ก็ต้องถือว่าเป็น มุชริก เช่นกัน”
ดร.อบูบักร์ อัลญะซาอิรีย์ ก็แสดงอาการปากสั่นมือสั่นและกล่าวว่า :-
“เจ้าเป็นใคร มาจากไหน?? ต้องการจะมาสร้าง ฟิตนะฮ์ ในหมู่มุสลิมใช่มั้ย??”
ท่านอายาตุลเลาะฮ์ มัรวี ก็ตอบไปว่า : -
“ฉันไม่ต้องการมาโต้เถียง ไม่ได้ต้องการมาสร้าง ฟิตนะฮ์ หรือความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น ฉันเป็น ญาฮิล คนหนึ่ง และการถามของผู้ไม่รู้จากผู้รู้นั้น มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรกระทำอยู่แล้ว ฉันแค่ต้องการคำตอบจากท่านเท่านั้นเอง”
สุดท้าย ดร.อบูบักร์ อัลญะซาอิรีย์ ก็งัดไม้ตายออกมาจนทำให้ อายาตุลเลาะฮ์ มัรวี นั้นจนมุม นั่นก็คือ :-
***“คุณจะไปเองหรือให้เราเรียกตำรวจ” ***
http://www.thaiislamlib.com/index.php/articles/17-cat-generalarticle/63-...
แสดงความเห็น