โองการที่กล่าวถึงการปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี
โองการจากอัลกุรอานมากมายที่กล่าวถึง อิมามมะฮ์ดี
ถ้าหากว่า ใครก็ตามที่คิดพิจารณาในโองการเหล่านี้ จะเห็นว่า เวลาในการเกิดขึ้นของโองการเหล่านี้ ยังมาไม่ถึง
หรือยังไม่เกิดขึ้น เช่น โองการดังต่อไปนี้
إِذَا جَاءَ نَصْرُ اللَّـهِ وَالْفَتْحُ ﴿١﴾ وَرَأَيْتَ النَّاسَ يَدْخُلُونَ فِي دِينِ اللَّـهِ أَفْوَاجًا ﴿٢﴾
เวลาที่การช่วยเหลือและชัยชนะแห่งอัลลอฮ์ได้เข้ามาถึง มวลประชาชาติจะเข้าใจในแนวที่เที่ยงตรงและถูกต้อง เมื่อนั้นพวกเขาจะเข้ามากันเป็นกลุ่มๆ
มนุษย์เขานั้น ไม่รู้ว่า ศาสนาแห่งอัลลอฮ์ มีความสวยงามมากเพียงใด
ในริวายะฮ์ (วจนะ)ได้กล่าวไว้ว่า เวลานี้ คือ เวลาแห่งซุฮุร( การปรากฏกาย) ซึ่งการช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ได้ปรากฏแล้ว มวลมนุษย์จะเข้ามาสู่ศาสนาแห่งพระองค์
هُوَ الَّذِي أَرْسَلَ رَسُولَهُ بِالْهُدَىٰ وَدِينِ الْحَقِّ لِيُظْهِرَهُ عَلَى الدِّينِ كُلِّهِ وَلَوْ كَرِهَ الْمُشْرِكُونَ﴿التوبة: ٣٣﴾
هُوَ الَّذِي أَرْسَلَ رَسُولَهُ بِالْهُدَىٰ وَدِينِ الْحَقِّ لِيُظْهِرَهُ عَلَى الدِّينِ كُلِّهِ وَلَوْ كَرِهَ الْمُشْرِكُونَ﴿الصف: ٩﴾
هُوَ الَّذِي أَرْسَلَ رَسُولَهُ بِالْهُدَىٰ وَدِينِ الْحَقِّ لِيُظْهِرَهُ عَلَى الدِّينِ كُلِّهِ وَكَفَىٰ بِاللَّـهِ شَهِيدًا﴿الفتح: ٢٨﴾
เพราะสาเหตุอันใดที่มนุษย์บางกลุ่มไม่ยอมรับต่อศาสนาแห่งอัลลอฮ์ ?
เพราะว่า ศาสนาของพระองค์เข้าไปไม่ถึงพวกเขา หรือข้อพิสูจน์ในมันนั้น ไม่เป็นที่กระจ่างชัด
โอ้ อัลลอฮ์ กับด้วยสาเหตุใด พระองค์ จึงส่งศาสดาองค์สุดท้ายลงมา?
อัลกุรอาน มิได้อธิบายเกี่ยวกับทุกสรรพสิ่งกระนั้นหรือ หรือพระคัมภีร์นี้ มิได้เป็นคัมภีร์แห่งทางนำ
ด้วยกับสาเหตุที่ว่า ทุกๆศาสนา และสำนักคิดทั้งหลายต่างก็ยอมรับ แม้ว่าบรรดามุชริก (พวกตั้งภาคีต่อพระเจ้า) จะไม่ยอมรับก็ตาม
โองการต่างๆเหล่านี้ จะต้องเกิดขึ้น ซึ่งในขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้น
เมื่อเราสังเกตในสองโองการจากบทอัศศ็อฟและอัตเตาบะฮ์ จะเห็นอย่างชัดว่า เวลาของโองการเหล่านี้ยังมาไม่ถึง หรือยังไม่ถึงเวลา
ผลลัพท์ของการโจรกรรม บิสมิลลาฮฺ
เวลาที่เราสำรวจในศาสนาอิสลาม จะพบว่า มีความแตกต่างทางความคิดและทัศนะอยู่มากมาย เช่น สำนักนิกายหนึ่งที่เรียกตนเองว่า อิสลาม หรือ ป่าวประกาศว่า อัลลอฮุอักบัร (อัลลอฮ์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่) ในขณะที่สังหารพี่น้องมุสลิมด้วยกัน
ดังนั้นนิกายนี้คือ นิกายที่บอกว่า บิสมิลลาฮ์ มิใช่ส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน
ถ้าพวกเขายอมรับว่า บิสมิลลาฮ์ เป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ คือ ผู้ทรงมีเมตตาและกรุณา กล่าวคือ เราะมาน และ รอฮีม แน่นอนพวกเขาจะไม่ฆ่าตัดคอพี่น้องมุสลิมด้วยกันหรอก
ผลที่ได้รับจากการโจรกรรม บิสมิลลาฮ์ คือ อาชญากรรม การทารุณกรรมของพวกวะฮาบีย์ และนี่คือ ฮะดีษของบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ที่กล่าวเ อาไว้ว่า โองการที่ใหญ่ที่สุดของอัลกุรอานที่ถูกโจรกรรม ก็คือ บิสมิลลาฮิรเราะมานิรรอฮีม
และผลลัพท์จากการตัดบิสมิลลาฮ์ ก็คือ การตัดศีรษะของพี่น้องมุสลิมที่บริสุทธิ์ นั่นเอง
อีกโองการที่กล่าวถึง การปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี
وَعَدَ اللَّـهُ الَّذِينَ آمَنُوا مِنكُمْ وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ لَيَسْتَخْلِفَنَّهُمْ فِي الْأَرْضِ كَمَا اسْتَخْلَفَ الَّذِينَ مِن قَبْلِهِمْ وَلَيُمَكِّنَنَّ لَهُمْ دِينَهُمُ الَّذِي ارْتَضَىٰ لَهُمْ وَلَيُبَدِّلَنَّهُم مِّن بَعْدِ خَوْفِهِمْ أَمْنًا ۚ يَعْبُدُونَنِي لَا يُشْرِكُونَ بِي شَيْئًا ۚ وَمَن كَفَرَ بَعْدَ ذَٰلِكَ فَأُولَـٰئِكَ هُمُ الْفَاسِقُونَ
พระองค์อัลลอฮ์ ทรงให้สัญญากับผู้ที่เขามีศรัทธา คือสัญญาแห่งการเป็นเคาะลีฟะในหน้าแผ่นดิน
ถามว่า เคาะลีฟะนี้ อยู่ที่ไหนล่ะ?
เคาะลีฟะนี้ จะให้กับผู้ที่เขานั้นมีศรัทธาและพร้อมที่จะปกป้องศาสนาของพระองค์ โองการนี้ ก็ยังไม่เกิดขึ้น
และอีกโองการที่กล่าวถึง การปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี
وَنُرِيدُ أَن نَّمُنَّ عَلَى الَّذِينَ اسْتُضْعِفُوا فِي الْأَرْضِ وَنَجْعَلَهُمْ أَئِمَّةً وَنَجْعَلَهُمُ الْوَارِثِينَ
พระองค์อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า เราประสงค์ที่จะประทานความโปรดปรานให้กับกลุ่มชนที่อ่อนแอ ตัวอย่างที่เราพบเห็น ขณะนี้ก็คือ ประชาชาติอิสลามประสบกับความอ่อนแอ และไม่มีอำนาจที่จะต้องมีในการต่อกรกับมหาอำนาจจอมอหังกาทั้งหลาย
ในทัศนะของเรา บรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ คือ ผู้ที่อ่อนแอ เหมือนท่านอิมามอะลี ท่านอิมามฮะซัน ในสมัยของท่าน ท่านมีความจำเป็นที่ต้องทำสนธิสัญญาประนีประนอมกับมุอาวียะฮ์ ขณะที่ท่านเห็นการกล่าวสาปแช่งประณามบิดาของท่าน มาในสมัยของท่านอิมามฮุเซน ท่านก็เป็นอีกบทบาทหนึ่งของผู้อ่อนแอ จนกระทั่งมาถึงสมัยของท่านอิมามมะฮ์ดี ท่านนั้นก็เป็นผู้ที่อ่อนแอ เหมือนกัน
มีคนถามขึ่นว่า ทำไมอิมามมะฮ์ดีต้องเร้นกายด้วย เพราะเหตุใดหรือ?
ท่านก็ได้ชี้ไปที่ตัวของท่าน และกล่าวตอบว่า ด้วยกับการปกป้องตัวของท่านเอง
และนี่คือ ความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์อัลลอฮ์ ทรงประทาน บรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ให้กับเรา และทำให้พวกท่านทั้งหลายเป็นอิมามและเป็นผู้สืบทอดในหน้าแผ่นดิน
ยังมีริวายะฮ์ที่รายงานจากชีอะฮ์และอะลิสซุนนะ ว่า โองการเหล่านี้กล่าวถึง ความเชื่อในอิมามมะฮ์ดีและการปรากฏกายของท่าน
وَقُلْ جَاءَ الْحَقُّ وَزَهَقَ الْبَاطِلُ إِنَّ الْبَاطِلَ كَانَ زَهُوقًا
ความเท็จได้มลายสิ้นแล้วกระนั้นหรือ?
หากว่า สัจธรรมมาแล้ว ไฉนความเท็จมิมลายสิ้นล่ะ?
ความเท็จยังไม่สูญสลาย จนหมดสิ้น แต่กลับมีอำนาจมากเพิ่มขึ้นเสียอีก
ตัวอย่างเช่น หากท่านมองดูที่ นครมักกะฮ์ จะเห็นถึง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น สัญลักษณ์แห่งอิสลามถูกทำลายจนไม่หลงเหลือร่องรอย เช่น ที่กะอฺบะ ทุ่งอะรอฟะ ทุ่งมินา
โองการนี้ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เวลาที่อิมามมะฮ์ดีมาปรากฏกาย และท่านจะทำลายความเท็จให้หมดสิ้น
โองการต่อไปนี้ เป็นโองการที่กล่าวกันว่า ขณะที่อิมามมะฮ์ดีได้ประสูติ มีการอ่านโองการนี้ หรือโองการนี้เขียนลงบนผ้าและติดที่แขนของท่านอิมาม
มีรายงานกล่าวว่า ผู้ใดก็ตามที่อ่านซูเราะฮ์อัลอิสรออ์ เขานั้น จะเป็นผู้หนึ่งที่ช่วยเหลือท่านอิมามมะฮ์ดี
وَلِكُلٍّ وِجْهَةٌ هُوَ مُوَلِّيهَا
فَاسْتَبِقُوا الْخَيْرَاتِ أَيْنَ مَا تَكُونُوا يَأْتِ بِكُمُ اللَّـهُ جَمِيعًا إِنَّ اللَّـهَ عَلَىٰ كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ
มีริวายะฮ์กล่าวว่า บรรดาผู้ที่ช่วยเหลืออิมามมะฮ์ดี เวลาที่ท่านปรากฏกายนั้น มีกระจัดกระจายตามที่ต่างๆทั่วโลก และเมื่อถึงวันนั้นทั้งหมดจะมารวมตัวกันยัง มักกะฮ์
ท่านอิมามกล่าวว่า บางคนเขาจะมาโดยขึ่นขี่อยู่บนกลีบเมฆ บางคนอธิบายว่า หมายถึง เครื่องบิน แต่ทว่า พวกเขา คือ มนุษย์ที่ล่องหนได้ และบางคนผู้ที่ช่วยเหลืออิมาม เป็น มนุษย์ที่ล่องหนได้
หนึ่งในสหายผู้ช่วยเหลืออิมามมะฮ์ดี ก็คือ ท่านนบีอีซา หรือ พระเยซู ท่านนั้น ถูกยกขึ้นสู่ฟากฟ้า ซึ่งท่านมีความสามารถที่เหาะเหินเดินบนฟากฟ้าและจะกลับลงมาอีกครั้ง
การมีความหวังหลังจากการกระทำความผิดบาป
ขณะที่อิบลีส ซัยฏอน ได้ขัดคำสั่งของอัลลอฮ์ และขอต่อพระองค์ โปรดประทานรางวัลที่มันทำอิบาดะฮ์ต่อพระองค์ว่า ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกสักครั้ง จนกระทั่งถึงวันแห่งการตัดสิน พระองค์ ตอบว่า ฉันให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง จนกระทั่งถึงวันเวลาที่เป็นที่รู้กัน (เยาม์ อัลวักต์ อัลมะอ์ลูม) นั่นก็คือ เวลาที่ท่านอิมามมะฮ์ดีจะปรากฏกาย
และอีกโองการหนึ่ง
الَّذِينَ يُؤْمِنُونَ بِالْغَيْبِ وَيُقِيمُونَ الصَّلَاةَ وَمِمَّا رَزَقْنَاهُمْ يُنفِقُونَ
ผู้ศรัทธาที่แท้จริง คือ ผู้ที่มีความเชื่อในสื่งเร้นลับ
บางทีเรามีความรู้ในสิ่งเร้นลับ แต่ทว่าโองการนี้ต้องการจากเรามากกว่า การมีความรู้ในสิ่งเร้นลับ และสิ่งนั้นก็คือ การมีศรัทธาต่อสิ่งเร้นลับ ทั้งสองสิ่งต้องอยู่ควบคู่กัน กล่าวคือ การมีความรู้ในสิ่งเร้นลับพร้อมกับการมีความเชื่อในสิ่งนั้น
ขณะที่พวกวะฮาบีย์สลาฟีทั้งหลาย กลับปฏิเสธในความรู้เกี่ยวกับสิ่งเร้นลับ แล้วพวกเขาจะมีความเชื่อในสื่งเร้นลับได้อย่างไร?
รายงานกล่าวว่า การมีความเชื่อในสิ่งเร้นลับ ก็คือ การมีความเชื่อในอิมามมะฮ์ดีและยอมรับในการมาปรากฏกายของท่าน
وَلَقَدْ كَتَبْنَا فِي الزَّبُورِ مِن بَعْدِ الذِّكْرِ أَنَّ الْأَرْضَ يَرِثُهَا عِبَادِيَ الصَّالِحُونَ
พระองค์อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า คัมภีร์เตารอตและอินญีล(ไบเบิลเก่าและใหม่) ได้กล่าวไว้แล้วว่า แผ่นดินจะไปถึงยัง อิบาดที่ศอและห์ (บ่าวที่ประพฤติคุณงาม)
ถามว่า ขณะนี้ แผ่นดินเป็นของเขาแล้วกระนั้นหรือ ? เปล่าเลย แผ่นดินยังไปไม่ถึงมือของบ่าวของพระองค์ ที่ประพฤติดี และนั่นก็คือ เวลาที่จะเกิดขึ้น ก็คือ เวลาแห่งการปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี
یاَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا مَن يَرْتَدَّ مِنكُمْ عَن دِينِهِ فَسَوْفَ يَأْتِي اللَّـهُ بِقَوْمٍ يُحِبُّهُمْ وَيُحِبُّونَهُ أَذِلَّةٍ عَلَى الْمُؤْمِنِينَ أَعِزَّةٍ عَلَى الْكَافِرِينَ يُجَاهِدُونَ فِي سَبِيلِ اللَّـهِ وَلَا يَخَافُونَ لَوْمَةَ لَائِمٍ ۚ ذَٰلِكَ فَضْلُ اللَّـهِ يُؤْتِيهِ مَن يَشَاءُ ۚ وَاللَّـهُ وَاسِعٌ عَلِيمٌ
โองการนี้อยู่เคียงข้างกับ โองการที่เกี่ยวกับ วิลายะฮ์แห่งอะฮ์ลุลบัยต์ ในอัลกุรอาน
พวกเขาคือ กลุ่มชนที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์ โดยที่ไม่เกรงกลัวความตาย เพราะว่า ความตาย คือ การเป็นชะฮีดในแนวทางแห่งพระองค์ และนี่คือ ความตายที่ดีที่สุด
โองการต่อไปนี้ กล่าวถึง คุณลักษณะของสหายผู้ช่วยเหลืออิมามมะฮ์ดี เขาคือ ผู้ที่ยอมรับในการเป็นตัวแทนศาสดามุฮัมมัดของท่านอิมามอะลี และเขาก็คือ ผู้รับใช้ท่านอิมามมะฮ์ดีอย่างแน่นอน
وَقَاتِلُوهُمْ حَتَّىٰ لَا تَكُونَ فِتْنَةٌ وَيَكُونَ الدِّينُ كُلُّهُ لِلَّـهِ ۚ فَإِنِ انتَهَوْا فَإِنَّ اللَّـهَ بِمَا يَعْمَلُونَ بَصِيرٌ
โองการนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้น หากว่าเราลองสังเกตรอบตัวเรา จะเห็นว่า ฟิตนะฮ์ยังไม่หมดสิ้น และศาสนาแห่งอัลลอฮ์ ยังไปไม่ถึงทุกที่ และเวลาที่ท่านอิมามจะมาปรากฏกาย เวลาจะเห็นในความเมตตาของท่าน เพราะท่านนั้น คล้ายคลึงกับอิมามฮูเซน (อ)
ถามว่า ในกัรบะลา ฝ่ายไหนที่เริ่มสงครามก่อน ท่านอิมามฮูเซนหรือ ? ท่านอิมามฮุเซน ไม่ใช่คนเริ่มสงคราม แต่ท่านทำการปกป้องตัวของท่านและครอบครัวของท่าน ดังนั้น สงครามกัรบะลา เริ่มต้นจากศัตรูของท่าน และท่านเพียงแต่ป้องกันและปกป้องตัวของท่าน เท่านั้นเอง
มีริวายะฮ์อีกว่า เมื่อศัตรูได้พิชิตซีเรียแล้ว จะเคลื่อนพลมายังอิรัก หลังจากนั้นก็อิหร่าน และหลังจากนั้นอีกก็ ตามหาอิมามมะฮ์ดี ณ เมืองมะดีนะฮ์ เพื่อจับอิมาม
และยังมีริวายะฮ์ กล่าวอีกว่า ไม่มีสถานที่ใดจะปลอดภัยสำหรับอิมามมะฮ์ดี ท่านจะต้องหนีเหมือนที่นบีมูซาหรือโมเสสได้หนีจากพวกชนเผ่ากิบฏี โดยไปหานบีชุอัยบ์ เพื่อหลบซ่อนพวกเหล่านั้น ดังนั้น ท่านอิมามมะฮ์ดี ก็เหมือนดังเช่นนบีมูซา (อ) ซึ่งไม่มีสถานที่จะปลอดภัยสำหรับท่าน และในที่สุด ท่านอิมามก็ไปยังเมืองมักกะฮ์ และพวกศัตรูของอิมามก็ตามมายังที่นั้น จนมีสัญญาณว่า ให้ท่านปรากฏกายได้
ท่านอะบาอับดิลลาฮ์ อัลฮุเซน กล่าวว่า เราไม่ได้เป็นผู้เริ่มสงคราม เมื่อเราเห็นว่า ศัตรูเริ่มสงครามก่อน เราก็ต้องลุกขึ้นต่อสู้ จะได้ไม่ต้องถามอีกว่า ท่านทำสงครามด้วยเหตุใด?
ท่านอิมามมะฮ์ดี คือ ผู้ที่มีความเมตตาเป็นอย่างมาก และท่านเป็นผู้นำแห่งความดีทั้งหลาย นอกจากสหายผู้ใกล้ชิดท่านแล้ว ความดีของท่านยังมีไปถึงบรรดาศัตรูของท่านด้วยเช่นกัน
เรื่องเกี่ยวกับ การปลดปล่อยโลกในยุคสมัยสุดท้าย มีการพูดคุยกันในทุกๆศาสนาและลัทธิ และเกี่ยวกับคุณลักษณะของผู้ที่จะมาปลดปล่อยโลกให้หลุดพ้นจากความชั่วร้ายที่มากขึ่นในโลกนี้ แต่นิกายเดียวที่มีความชัดเจน เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็คือ มัสฮับชีอะฮ์อิมามียะฮ์ เท่านั้น
وَلَنَبْلُوَنَّكُم بِشَيْءٍ مِّنَ الْخَوْفِ وَالْجُوعِ وَنَقْصٍ مِّنَ الْأَمْوَالِ وَالْأَنفُسِ وَالثَّمَرَاتِ ۗ وَبَشِّرِ الصَّابِرِينَ
พระองค์อัลลอฮ์ทรงทดสอบพวกท่านด้วยกับความหวาดกลัวและความหิวกระหาย และโรคต่างๆนานาที่รุมเร้าพวกท่านทั้งหลาย
มีรายงานกล่าวว่า ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนการมาปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี และมวลมนุษย์จะกล่าวโดยพร้อมเพียงกัน พวกเขาต้องการให้อิมามมาปรากฏกายโดยเร็วพลัน
แสดงความเห็น