ฮัมซะฮ์ ราชสีห์แห่งอัลลอฮ์

ฮัมซะฮ์ ราชสีห์แห่งอัลลอฮ์

ฮัมซะฮ์ บิน อับดุลมุฏฏอลิบ คือ ซัยยิดุชชุฮะดาอ์ (หัวหน้าของบรรดาผู้ที่เสียชีวิตในหนทางแห่งพระองค์อัลลอฮ์)


ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า ฮัมซะฮ์ บิน อับดุลมุฏฏอลิบ คือ ผู้หนึ่งที่เป็นรักยิ่งของท่านศาสดาอันทรงเกียรติแห่งอิสลาม ซึ่งท่านได้แสดงออกต่อความรักที่มีต่อฮัมซะฮ์อย่างเปิดเผย เพราะฮัมซะฮ์ มีศักดิ์เป็นลุงของท่านศาสดา

รายงานจาก อะบุลฟะร็อจ อิศฟาฮานี ได้กล่าวว่า มีรายงานหนึ่งจากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวไว้ว่า มนุษย์ที่ประเสริฐที่สุด คือ  ฮัมซะฮ์ บิน อับดุลมุฏฏอลิบ  ญะอ์ฟัร บิน อะบีฏอลิบ และอะลี บิน อะบีฏอลิบ (อ)

ท่านญาบิร บิน อับดุลลอฮ์ ได้รายงานว่า มีสหายคนหนึ่งของเรา ได้ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งได้เข้ามาหาท่านศาสนทูต แล้วได้ถามท่านศาสนทูตว่า จะให้ฉันตั้งชื่อลูกน้อยของฉันว่าอย่างไร ? ท่านก็ตอบกับเขาว่า ชื่อที่ดีที่สุดและเป็นที่รักที่สุด ก็คือ ฮัมซะฮ์ เพราะเขาคือ ผู้ที่ฉันรักมากที่สุด

ลักษณะพิเศษของฮัมซะฮ์

ชื่อของท่านคือ ฮัมซะฮ์ เปรียบดุจดั่งราชสีห์ที่หาญกล้า ท่านเป็นผู้ที่มารยาทที่ดีเลิศและเป็นที่เคารพรักในหมู่มิตรสหาย มีร่างกายกำยำ  ซึ่งอิบนุ ซะอ์ดกล่าวถึงท่านฮัมซะฮ์ว่า เขามีรูปร่างที่น่าเกรงขาม ไม่สูงและไม่เตี้ยจนเกินไป

ท่านฮัมซะฮ์ในหมู่บรรดากุเรช คือ ผู้กล้าหาญที่ไม่เกรงกลัวใคร เมื่อยามที่ต้องต่อสู้กับบรรดาศัตรู ท่านจะได้รับชัยชนะเหนือพวกเขาเหล่านั้น และท่านยังไม่ยอมรับการกดขี่ข่มเหงใดๆ

หลังจากที่ท่านฮัมซะฮ์เข้ารับอิสลาม ท่านจะปกป้องท่านศาสดาจากบรรดาศัตรูและยืนหยัดต่อกรกับผู้ที่ต่อต้านศาสดา และท่านจะขจัดภยันตรายที่จะเกิดขึ้นกับศาสดา จากการถูกรังแก  ได้มีรายงานว่า อะบูละฮับ ซึ่งเป็นพี่น้องของท่านฮัมซะฮ์ และเป็นศัตรูคนสำคัญคนหนึ่งของศาสดา เป็นผู้ที่ต่อต้านอิสลามอย่างเปิดเผย และรังแกท่านศาสดาอยู่เป็นประจำ ด้วยเหตุนี้ อัลกุรอานได้กล่าวถึง ฟฤติกรรมอันน่ารังเกียจของอะบูละฮับ และภรรยาของเขา ชื่อว่า อุมมุ ญะมีล ในซูเราะฮ์ (บท)หนึ่งของอัลกุรอานที่กล่าวตำหนิการกระทำของอะบูละฮับ

ขณะเมื่อท่านศาสดาออกจากบ้าน อะบูละฮับก็เอาเศษขยะเทไปที่ตัวของท่าน ซึ่งการกระทำนี้ เป็นการรังแกและเหยียดหยามท่านศาสดาเป็นอย่างมาก วันหนึ่งเมื่อฮัมซะฮ์เห็นท่านศาสดาเต็มไปด้วยกับเศษขยะ เขาจึงนำเอาจากมือของท่านเศษขยะเทใส่ตัวของเขาเอง เพื่อแสดงถึงความรู้สึกอันเดียวกับท่านศาสดา

การเข้ารับอิสลามของท่านฮัมซะฮ์ ถือว่า เป็นนิมิตที่ดีเยี่ยม จากการปกปิดหรือซ่อนเร้นในการเผยแพร่มาสู่การเปิดเผยด้วยกับความสิริมงคลของท่านฮัมซะฮ์ เมื่อท่านยอมรับในความเป็นศาสนทูตของหลานของท่าน นั่นก็คือ ท่านศาสดามูฮัมมัด

มุสลิมทั้งหลายเริ่มที่จะมารวมตัวกัน มานมาซญะมาอะฮ์ด้วยกัน มีการเปลี่ยนแปลงมากมายภายหลังจากการเข้ารับอิสลามของท่านฮัมซะฮ์ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างบรรดามุสลิมและเหล่าศัตรูของอิสลาม จากการถูกรังแกมุสลิมและท่านศาสดาได้ลดน้อยลง เปลี่ยนมาเป็นการตักเตือนแทนที่การถูกรังแกทางร่างกาย

หลังจากที่อิสลามได้เข้ามาอยู่ในจิตวิญญาณของท่านฮัมซะฮ์ และปฏิญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากพระองค์อัลลอฮ์ เท่านั้น และมุฮัมมัด คือ ศาสนทูตแห่งพระองค์ ท่านฮัมซะฮ์ได้กล่าวกลอนหนึ่งที่มีความหมายถึง การยอมจำนนต่อพลานุภาพแห่งพระองค์อัลลอฮ์ ด้วยการสรรเสริญเป็นสิทธิที่แท้จริงแด่พระองค์ ที่ประทานมูฮัมมัดเป็นศาสนทูตของพระองค์ และนำมาซึ่งศาสนาที่มาจากพระองค์สู่มวลบ่าวแห่งพระองค์ นับว่าเป็นความโปรดปรานหนึ่งของพระองค์ ที่มีต่อบ่าวของพระองค์

ท่านฮัมซะฮ์ในสมรภูมิรบ บะดัร

ท่านฮัมซะฮ์ เป็นผู้หนึ่งที่อยู่เคียงข้างท่านศาสดาในสมรภูมิรบ ตราบจนสิ้นชีวิต เพราะท่านเคยบอกกับศาสดาว่า ฉันจะปกป้องท่านด้วยชีวิตของฉัน

นักบันทึกประวัติศาสตร์ได้เขียนไว้ว่า ท่านฮัมซะฮ์ คือ ผู้ที่ร่วมอยู่ในสงครามบะดัร เคียงข้างศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ที่มีบทบาทที่สำคัญที่ไม่อาจลืมได้

มีรายงานว่า ในสมรภูมิรบ สงครามบะดัร ท่านฮัมซะฮ์ เป็นคนเดียวที่เอาขนนกกระจอกเทศมาแนบไว้ที่อกของตน และเมื่อสงครามสงบลง และกองทัพอิสลามได้รับชัยชนะ อับดุรเราะมาน บิน เอาว์ฟได้พบกับอุมัยยะฮ์ บิน คอลัฟ และได้ถามเขาว่า เจ้ารู้หรือไม่ว่า ชายที่มีขนนกกระจอกเทศที่อกของเขา คือ ใครกัน?

อุมัยยะฮ์ได้ตอบว่า เขา คือ ฮัมซะฮ์ บุตรของอับดุลมุฏฏอลิบ

สัญญาแห่งสวรรค์

ขณะที่ท่านอะมีรุลมุมินีน อะลี (อ) ท่านฮัมซะฮ์และอุบัยดะฮ์ บิน ฮาริษ ได้ต่อสู้รบกับศัตรูอิสลามอย่าง อุตบะ ชัยบะฮ์และวะลีด จนได้รับชัยชนะเหนือพวกเขาเหล่านั้น ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ได้ให้สัญญากับท่านทั้งสาม หมายถึง อะลี ฮัมซะฮ์และ อุบัยดะฮ์ โดยกล่าวในอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลฮัจญ์ โองการที่ 23-24

ท่านฮัมซะฮ์ในสมรภูมิอุฮุด

ท่านฮัมซะฮ์ เป็นผู้หนึ่งในร่วมอยู่กับท่านศาสดาในสงครามอุฮุด เขาหาญกล้ามากสามารถพิชิตบรรดาศัตรูมากมาย รายงานจากอิบนุซะอ์ด ว่า ฮัมซะฮ์ บุตรอับดุลมุฏฏอลิบ ในอุฮุดที่มือของเขาถือดาบสองเล่มได้ต่อสู้อยู่เบื้องหน้าศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ และตะโกนว่า ฉันคือ ราชสีห์แห่งอัลลอฮ์ และฉันจะปราบศัตรูให้พินาศ

ลักษณะพิเศษของท่านฮัมซะฮ์ คือ ท่านจะถือดาบสองเล่มพร้อมกันในสมรภูมิรบ ซึ่งประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า ไม่มีบุรุษใดในประวัติศาสตร์ที่ถือดาบสองเล่มพร้อมกัน แม้แต่ วะฮ์ชี ผู้สังหารท่าน ยังได้พูดเกี่ยวกับท่านว่า ฉันเฝ้าจับตาดูฮัมซะฮ์อยู่ตลอดเวลา ไม่มีทางคลาดสายตาได้ ฉันเห็นเขาต่อสู้ด้วยดาบทั้งสองของเขา ศัตรูคนแล้วคนเล่า ไม่มีใครต่อกรกับเขาได้

ฉายานามของท่านฮัมซะฮ์

ท่านฮัมซะฮ์ มีฉายานามที่เป็นที่รู้จักกันว่า อะซะดุลลอฮ์ และอะซะดุเราะซูลิฮ์ หมายความว่า ราชสีห์แห่งอัลลอฮ์และราชสีห์แห่งศาสนทูตแห่งพระองค์ แสดงให้เห็นถึง ความกล้าหาญของท่านฮัมซะฮ์

ความปิติยินดีของศัตรูอิสลาม ในการเป็นชะฮีดของท่านฮัมซะฮ์

เมื่อท่านฮัมซะฮ์ถูกทำให้เป็นชะฮีด สร้างความปลื้มปิติยินดีต่อศัตรูของอิสลาม เป็นอย่างมาก เพราะว่าท่านฮัมซะฮ์ คือ ผู้หนึ่งที่ศัตรูมีความเกรงกลัว ไม่กล้าต่อกรกับท่าน และเป็นผู้ที่เกลียดชังของนางฮินด์ ภรรยาของอะบูซุฟยาน นางผู้ขวักตับของท่านฮัมซะฮ์เอามากินด้วยความเคียดแค้น นาง คือ ผู้ที่กินตับของชายที่มีนามว่า ซัยยิดุชชุฮะดาอ์

ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ) คือ ผู้ที่ตั้งฉายานามของท่านฮัมซะฮ์ ว่า ซัยยิดุชชุฮะดาอ์ หมายความว่า ท่าน คือ หัวหน้าของบรรดาชุฮะดาอ์ และเมื่อมุสลิมระลึกถึงท่านฮัมซะฮ์ จะกล่าวกันว่า ซัยยิดุชชุฮะดาอ์ ซึ่งในสมัยของท่านอิมาม ญะอ์ฟัร อัศศอดิก (อ) ได้มีคนถามท่านอิมามว่า ทำไมท่านฮัมซะฮ์ ถึงมีฉายานามว่า ซัยยิดุชชุฮะดาอ์ ขณะที่อิมามฮุเซนก็มีฉายานามว่า ซัยยิดุชชุฮะดาอ์ เหมือนกัน

ท่านอิมามตอบว่า ท่านฮัมซะฮ์ คือ ซัยยิดุชชุฮะดาอ์ แห่งมนุษยชาติทุกคน นอกจากบรรดามะอ์ศูม แต่อิมามฮุเซน คือ ซัยยิดุชชุฮะดาอ์ทุกกาลสมัย

การเยี่ยมเยียนยังฮะรัมของท่านฮัมซะฮ์

การไปเยี่ยมเยียนยังสถานที่ฝังศพของบรรดาชุฮะดาอ์ (ผู้ที่เสียสละชีวิตตนเองในแนวทางของอัลลอฮ์)หรือ การซิยารัต เป็นการรำลึกถึงวีรกรรมของพวกเขา และเป็นคำสั่งของบรรดาผู้บริสุทธิ์ให้แสดงความเคารพต่อเกียรติยศในการเสียสละของพวกเขา หากว่าในวันนั้นไม่มีพวกเขาคอยปกป้องด้วยชีวิต ก็คิดว่าวันนี้เราก็ไม่มีวันที่จะรู้จักอิสลามที่แท้จริงได้

หลังจากสงครามอุฮัดได้สิ้นสุดลง ท่านศาสดาคือ บุคคลแรกที่เดินทางจากเมืองมะดีนะฮ์สู่สถานฝังศพหรือฮะรัมของท่านฮัมซะฮ์ และตลอดอายุขัยของท่านศาสดา ไม่เคยที่จะไม่ไปเยี่ยมเยียนยังสุสานของท่านลุงของท่าน

และท่านศาสดายังกล่าวไว้อีกว่า ผู้ใดก็ตามที่เขามาเยี่ยมเยียนฉัน และไม่ไปเยี่ยมเยียนลุงของฉัน (ฮัมซะฮ์) เท่ากับเขานั้น ไม่ให้เกียรติต่อฉัน

รายงานจากท่านอิมามซอดิก(อ) กล่าวว่า หลังจากการเป็นวะฟาตของศาสดามุฮัมมัด (ศ) ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮฺรอ (อ) อาทิตย์หนึ่งสองครั้งจะไปเยี่ยมเยียนยังสุสานของบรรดาชุฮะดาอ์ ณ อุฮุด และทำการนมาซและขอดุอาที่นั้น และท่านยังนำเอาดินที่นั้นมาทำเป็นตัสบีฮ์

 

 

 

 

แสดงความเห็น