การตื่นตัวของประชาชาติอิสลามกับลัทธิไซออนิสต์

การปกป้องอำนาจอิสลาม

เหตุการณ์อันโหดเหี้ยมและป่าเถื่อน ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาในฉนวนกาซ่า เป็นเรื่องน่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่งในการกระทำอันโหดร้ายเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานของลัทธิไซออนิสต์ และเป็นการปลุกกระตุ้นให้รู้สำนึกและกระตือรือร้นต่อจิตวิญญาณของมนุษย์เอง และการตื่นตัวของประชาชาติอิสลามจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนศัตรูก็จะไม่อยู่นิ่งเฉย ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้ก็มีหลายมิติด้วยกัน  ประการแรก กล่าวคือ  ความโหดเหี้ยมเยี่ยงเดรัจฉานของลัทธิไซออนิสต์นั้นป่าเถื่อนเป็นอย่างมากและไม่มีสามัญสำนึกมโนธรรมในความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่เลย พวกมันได้รุกรานมนุษย์ที่ไม่มีความผิดใดๆ ที่ไม่รู้เดียงสา และมิได้เป็นทหารของรัฐบาลเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าฉงนใจเป็นอย่างยิ่งว่า ความเป็นมนุษย์ของพวกมันไปไหนหมดแล้วกระนั้นหรือ และพวกมัน คือ พวกที่ต่อต้านอิสลาม ระบอบการปกครองแบบอิสลาม ในขณะที่อ้างว่า ปฏิบัติตามรัฐอิสลาม แต่มิได้หลงเหลือความเป็นมนุษย์อยู่เลย และนี่คือ มิติหนึ่งของปัญหาที่สำคัญมาก

ในอีกมิติหนึ่ง บรรดาผู้มีอำนาจระบอบมหาอำนาจจอมเผด็จการได้ปฏิบัติอย่างน่าประหลาดเกี่ยวกับประเด็นนี้ กล่าวคือ ไม่มีการลงโทษใดๆหรือดำเนินการอันใด แต่ทว่า พวกนั้นกับให้การสนับสนุนต่อลัทธิไซออนิสต์อันเต็มไปด้วยความป่าเถื่อนทั้งสิ้น  อเมริกาก็ให้การสนับสนุน อังกฤษและฝรั่งเศสต่างก็ให้การสนับสนุนเช่นกัน  นี่คือ บรรดาผู้มีอิทธิพลของชาติมหาอำนาจ พวกนี้เป็นศัตรูกับอิสลามอย่างฝังแน่นในจิตใจ และให้การปกป้องอย่างชัดเจนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แรงดึงดูดทางด้านศีลธรรมและจิตวิญญาณ ในโลกของชาติมหาอำนาจจะเข้าใจได้จากเหตุการณ์นี้ด้วยเช่นกัน พวกเหล่านี้มิได้มีมนุษยธรรม สาเหตุที่พวกเขาได้รับการปกป้องทางการเมืองเพราะว่า ผลประโยชน์และความเสื่อมเสียทางด้านการเมือง และทำไมจะต้องอ้างถึงสิทธิมนุษยชนด้วย ขณะที่ได้ริดรอนสิทธิของผู้อื่น ชาติมหาอำนาจและอเมริกาไม่เพียงแต่ไม่ดำเนินการใดๆกับโศกนาฏกรรมอันเลวร้ายแล้ว ยังให้การสนับสนุนและปกป้องและยังมีสิทธิ์อันใดที่จะหลั่งเลือดผู้บริสุทธิ์กระนั้นหรือ? และยังมีสิทธิอันใดที่พิพากษาชาติอื่นโดยปราศจากความผิด นี่คือ ความหยาบช้าของพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศสหรืออังกฤษก็ตาม การกระทำต่อโลกอิสลาม เป็นอาชญกรรมที่ใหญ่ เช่น การเข่นฆ่า ความกดดันและบีบบังคับต่างๆที่มีต่อประชาชาติอิสลามในประเทศทั้งหลาย ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงอยู่ในความทรงจำของชาวมุสลิม มิรู้ลืม แต่ในวันนี้ยังให้การสนับสนุนกับระบอบอันโหดร้ายป่าเถื่อนเหมือนดั่งลัทธิไซออนิสต์ และนี่ก็คือ อีกมิติหนึ่งของประเด็นนี้

ในอีกมิติหนึ่ง การวางตัวของชาติอาหรับทั้งหลายเป็นการวางตัวที่ไม่เหมาะสม บ้างก็เห็นแก่ตัว บ้างก็นิ่งเงียบ ไม่มีการวิพากษ์ใดทั้งสิ้น บรรดาผู้ที่อ้างว่า เป็นอิสลาม ต่างก็เชิญชวนให้มุสลิมมีเอกภาพต่อกันและกัน และอ้างอีกว่า ตนเองเป็นผู้นำโลกอิสลาม ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ จะต้องแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา และในเรื่องอื่นๆที่ส่งผลข้างเคียงต่อสภาวะทางการเมือง ก็จะเร่งรีบปฏิบัติโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบเลย ณ ที่นี้  ทั้งอเมริกาและอังกฤษ ต่างก็มิได้หวาดกลัวหรือไม่มีความคิดเห็นใดๆ แต่มาในวันนี้ โลกอิสลามโดยเฉพาะชาติอาหรับจะมีความเป็นเอกภาพและสามัคคีกันในการปกป้องประชาชน ผู้ถูกกดขี่ และช่วยเหลือประชาชนชาวฉนวนกาซ่าให้พ้นจากการยืดครองของไซออนิสต์

อันที่จริงเอกองค์อัลลอฮ์ทรงเปิดโอกาสให้ชาวฉนวนกาซ่าได้ลุกขึ้นต่อสู้ต่อศัตรูที่เหี้ยมโหด ซึ่งพวกเขาได้รับรางวัลตอบแทนจากการยืนหยัดของพวกเขา นั่นก็คือ เกียรติยศของชาวกาซ่า แสดงให้เห็นถึง ความมั่นคงในการยืนหยัดของพวกเขา แม้มีจำนวนเพียงน้อยนิดก็ตาม จะพิชิตเหนือกลุ่มชนจำนวนมากได้อย่างแน่นอน

วันนี้ ลัทธิไซออนิสต์ได้ยึดครองแผ่นดินปาเลสไตน์ต้องการที่จะยุติการสงบศึกและดิ้นรนเพื่อทำสนธิสัญญามากกว่าชาวฉนวนกาซ่าเสียด้วยซ้ำ เพราะพวกมันได้ก่ออาชญากรรมไว้มากมายและความชั่วร้ายที่เกิดจากเงื้อมมือของพวกมันนั้น จะต้องได้รับผลกรรมที่ได้กระทำกับชาวกาซ่า ด้วยกับการยืนหยัดของกลุ่มชนจำนวนหนึ่งในฉนวนกาซ่าที่รวมทั้งเยาวชนด้วย ไม่มีวิธีการนอกจากวิธีการนี้เท่านั้น และนี่ก็คือ สาส์น์ ไปยังโลกอิสลาม ถ้าหากว่า โลกอิสลามต้องการที่จะไม่ต้องรับผลเสียจากแผนการ เล่ห์เพอุบาย ความชั่วร้ายทั้งหลายของบรรดาศัตรู จะต้องปกป้องด้วยอำนาจและความสามารถของตนเอง โดยจะต้องสร้างฐานอำนาจของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทางด้านจิตวิญญาณ กล่าวคือ ความศรัทธาและมีเจตนารมณ์ที่ถูกต้องในการปฏิบัติอย่างตั้งใจ และอำนาจทางด้านวัตถุก็จำเป็นเช่นกัน ดังนั้น การพัฒนาการก้าวหน้าทางวิชาการ ก็คือ การมีอำนาจทางด้านวัตถุ  และการใช้ประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็คือ อำนาจทางวัตถุด้วยเช่นกัน  และการมีความสามารถในการผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือไม่ใช่อาวุธ นั่นก็คือ พลังอำนาจทางด้านวัตถุ สิ่งต่างๆเหล่านี้ โลกอิสลามและสังคมอิสลามจะต้องมีการตระเตรียมให้พร้อมเพรียง ในวันนั้น จะไม่มีใครคนใดกล้าอาจหาญกับพี่น้องชาวฉนวนกาซ่าได้ มีบรรดาผู้ที่ยอมเสียสละตนเพื่อพลีชีพ

ส่วนสิ่งที่บรรดาศัตรูจะต้องกระทำ ดั่งที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ก็คือ บัดนี้ ศัตรูมีความหวังมากกว่ามุสลิมชาวกาซ่า ที่ทำสนธิสัญญาสงบศึกเสียอีก และนี่คือ บทเรียนหนึ่งสำหรับโลกอิสลาม ซึ่งเราได้รับบทเรียนจากสงครามอิรัก-อิหร่าน

ขอขอบพระคุณต่ออัลลอฮ์ที่ทำให้ประชาชน เยาวขน นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ของเราได้พัฒนาการล้ำหน้าบรรดาศัตรู และสิ่งนี้จะอยู่กับพวกเราตลอดไป เพราะฉนั้น ในความเป็นจริงทำให้เข้าใจได้ว่า เรานั้นสามารถยืนด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น และนี่คือ ปัจจัยหนึ่งของการยืนหยัดต่อสู้

ซัยยิดอะลี คาเมเนอี

แปลโดย อะบูอะลี

 

 

แสดงความเห็น