ประวัติท่านอิมามอะลี อิบนิ มูซา อัรริฏอ

ประวัติจากเสี้ยวหนึ่งของท่านอิมามอะลี อิบนิ มูซา อัรริฏอ



อิมาม อะบุลฮะซัน อัษษานี อะลี อิบนิ มูซา อัรริฎอ (อ) คือ อิมามท่านที่แปดจากวงศ์วานอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ท่านเป็นอิมามที่ความสูงส่ง และมีความยิ่งใหญ่ยิ่ง ซึ่งเป็นแบบฉบับ และตัวอย่างที่ดีที่สุดในการนำมาปฏิบัติตามในการดำเนินชีวิตในโลกนี้
การใช้ชีวิตของท่านอิมามอะลีริฎอ (อ) นับแต่เริ่มต้นนั้น มีทั้งความเศร้าโศรกเสียใจ และได้กลายเป็นลักษณะพิเศษของท่าน เนื่องจากว่าท่านนั้นได้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้ปกครองอย่าง ฮารูน อัรรอชีด จนกระทั่งการปกครองมาสู่ลูกชายของเขาที่มีนามว่า มะอ์มูน ซึ่งทำให้ท่านตัองประสบพบเจอกับความขมขื่นอย่างมากมาย แต่ท่านก็ได้ใช้ความอดทนอย่างมากเช่นกันในการที่จะทำให้อุปสรรคต่างๆ เหล่านั้นได้หมดสิ้นไป
ซึ่งเป็นการใช้ชีวิตเฉกเช่นเดียวกับบิดาของท่าน คือ อิมามมูซา อัลกาซิม (อ) อิมามท่านที่เจ็ดจากวงศ์วานอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ที่ท่านนั้นได้มีความอดทนอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดในการใช้ชีวิตมาแล้ว เพราะว่าท่านนั้นได้ถูกกักขังและกักบริเวณ จนไม่สามารถที่จะปฏิบัติภารกิจที่อัลลอฮ์มอบหมายให้กับท่านได้ ผู้ปกครอง หรือที่ประชาชาตินี้เรียกกันว่า คอลีฟะฮ์ นามว่ามะฮ์ดีย์ อับบาสีย์ นั้นรู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไรที่ไม่ให้อิมามมูซา อัลกาซิม (อ) ในเวลานั้น จะต้องไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
และหากไม่เป็นเช่นนั้น หมายถึงการปกครองของเขาก็จะไม่มีความหมายเสียเลย ดังนั้นเขาจึงส่งจดหมายเพื่อเชิญชวนท่านอิมามมูซาอัลกาซิม (ฮ) ให้เดินทางมายังกรุงแบกแดด ซึ่งในขณะนั้นเป็นเมืองหลวงของการปกครองของโลกอิสลาม และเขาได้สั่งให้ท่านอิมามมูซา อัลกาซิม (อ) ได้ให้คำมั่นสัญญากับเขาว่า จะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในการต่อต้านการปกครองของเขา หรือมีการร่วมมือกับกลุ่มชนที่ต้องการล้มการปกครองของเขาอย่างเด็ดขาด
จนกระทั่งถึงยุคหลังจากการไปของมะฮ์ดีย์ อับบาสีย์ ก็ได้มีตัวแทนนามว่า ฮาดีย์ อับบาสีย์ ได้ขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งการปกครองต่อ การปกครองที่เต็มไปด้วยการกดขี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการปกครองของคนก่อนหน้านี้ มิหนำซ้ำยังจะมีความโหดร้ายมากกว่าคนก่อนเสียอีก
แต่ทว่าเขามีอายุสั้นมาก การปกครองของเขาเกิดขึ้นไม่นานเท่าไหร่เขาก็เสียชีวิตลง หลังจากนั้น ฮารูน อัรรอชีด ได้ขึ้นประกาศตัวเองว่า เขาคือ คอลีฟะฮ์ของมวลมุสลิมทั้งหลาย ซึ่งเขานั้นมีพฤติกรรมที่ต่างจากผู้ปกครองทั้งสองที่ปกครองมาก่อนหน้าเขาอย่างสิ้นเชิง ในความคิดของเขาคือหากเขาปล่อยให้อิมามมูซา อัลกาซิม (อ) มีชีวิตอยู่ นั่นคือการปล่อยให้อันตรายต่อการปกครองของเขายังคงอยู่ เขาจึงรีบหาหนทางในการที่จะทำลายตัวอันตรายที่สุดต่อการปกครองของเขาเสียเพื่อต้องการที่จะดับไฟที่เริ่มก่อประกายโดยกลุ่มชนที่มีความรักในวงศ์วานอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) โดยการนำของมูซา อัลกาซิม (อ)
ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจขึ้นเด็ดขาดที่จะต้องนำตัว อิมามมูซา อัลกาซิม (อ) มาดำเนินคดีให้ได้ โดยการนำตัวมากักขังที่คุกในเมืองแบกแดดจนลมหายใจสุดท้ายของท่านอิมามมูซา อัลกาซิม (อ) และในที่สุด อิมามมูซา อัลกาซิม (อ) ก็ถูกทำชะฮาดัต (ถูกสังหารในหนทางของพระองค์อัลลอฮ์) ในสถานที่กักขังของฮารูน อัรรอชีด ขอพระองค์ทรงสาปแช่งบรรดาผู้กดขี่ด้วยเถิด
ดังนั้นภาระกิจอันยิ่งใหญ่ในการประกาศศาสนาที่แท้จริงของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) จึงตกเป็นหน้าที่ของอิมามอะลี อิบนิ มูซา อัรริฎอ (อ) บุตรชายของท่านอิมามมูซา อัลกาซิม (อ)
ท่านอิมามอะลี อัรริฎอ (อ) เป็นหนึ่งจากรากฐานของศาสนาอิสลาม ท่านเป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ต่อจากท่านอิมามมูซ อัลกาซิม (อ) บิดาของท่าน
ท่านอิมามอะลี อัรริฎอ คือ ผู้ที่มีความรอบรู้ในวิชาการ และศาสตร์ต่างๆ อย่างมากมาย ตลอดระยะเวลา ท่านได้อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหามากมาย และท่านยังเป็นผู้ที่ตอบปัญหาต่างๆ ในด้านหลักศรัทธา และด้านอื่นๆ โดยมีการบันทึกในประวัติศาสตร์อย่างชัดเจนในเรื่องนี้ กล่าวคือ การโต้ตอบปัญหาศาสนากับบรรดานักวิชาการต่างศาสนิก หรือต่างนิกาย จนพวกเขาเหล่านั้นทั้งหมดได้ยอมรับในความรู้ที่ท่านมีอยู่
และบางคนก็ได้รับการชี้นำ และได้เข้ามาสู่ร่มเงาของอะฮ์ลุลบัยต์ นั่นคือความพิเศษของบรรดาอิมามมะอ์ศูม (อ) ผู้เป็นทายาททางความรู้ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ที่ได้รับจากองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) คือการได้รับการอนุมัติจากพระองค์ให้เป็นผู้อบรมสั่งสอนมนุษยชาติ ซึ่งมีความแตกต่างกับมนุษย์ปถุชนธรรมดาทั่วไป
บรรดาอิมามมะอ์ศูม (อ) คือ ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) บนหน้าแผ่นดินนี้ ด้วยการยืนยัน และยอมรับของบรรดาผู้ปกครอง เหล่าศัตรูทั้งหลายมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ซึ่งในยุคสมัยของท่านอิมามญะอ์ฟัร อัศศอดิก (อ) ท่านคือผู้ที่ริเริ่มในการกำหนดกฏเกณฑ์ของวิชาเคมี โดยมีสานุศิษย์ในศาสตร์นี้อยู่มากมาย และต่อมาในยุคสมัยของอิมามอะลี อัรริฎอ (อ) ท่านก็เป็นผู้ที่มีความรู้ในแพทย์ศาสตร์ และท่านเป็นคนแรกที่คิดค้นหาสูตร และหลักการ และวิธีการบำบัดรักษาโรคต่างๆ ซึ่งมีการยืนยันของมะอ์มูนในเรื่องนี้อย่างชัดเจน เมื่อครั้งที่ท่านอิมามได้เขียนริซาละฮ์ (จดหมาย) หนึ่งให้กับเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในขณะที่ว่า ทุกคนต่างรู้ดีว่า บรรดาอิมามมะอ์ศูม (อ) ไม่ได้รับการศึกษามาจากที่ใด เช่นท่านอิมามญะอ์ฟัร อัศศอดิก (อ) ท่านมิได้ร่ำเรียนวิชาเคมีมาจากที่อาจารย์คนใด และอิมามอะลี อัรริฎอ (อ) ก็ไม่ได้ร่ำเรียนวิชาแพทย์ศาสตร์มาจากสถาบันใด และนี่คือตัวอย่างหนึ่งของความรู้ที่พระองค์อัลลอฮ์ (อ) ทรงประทานให้กับบรรดาอิมามมะอ์ซูม (อ) จากวงศ์วานแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) จวบจนวันกิยามัต


แสดงความเห็น